Episode 6
วันจันทร์ #สอบวันแรก
“จนกระทั่งวันสอบก็ยังไม่หยุดอ่าน! ” ร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ พูดพร้อมเกาหัวตัวเองรัวๆ
“ยิ่งวันสอบยิ่งสำคัญค่ะ ถ้าหนูลืมทำข้อสอบไม่ได้แน่ๆ เลยค่ะ เราต้องทบทวนก่อนสอบค่ะ” เราตอบเขาด้วยน้ำเสียงเย็นชาและไม่ใส่ใจอะไรมากมาย
“กูอยากจะเอาหัวฟาดเสาบ้านให้ตายไปเลยจริงๆ! โว้ย! ” เขาตะโกนลั่นบ้างด้วยความหงุดหงิด น้ำเสียงที่โด่งดังของเขาทำเอาทุกๆ คนบนโต๊ะอาหารต่างพากันอุดหูหนีเขาไปหมด
“วันสอบก็ควรจะให้กำลังใจกันนะคะ ไม่ใช่มาว่ากันแบบนี้ แต่คนอย่างคุณก็คงไม่เข้าใจหรอกค่ะ เพราะว่าคุณมีเงิน ยัดใต้โต๊ะก็จบละ”
“ฉันเป็นผัวเธอนะ! ลาออกซะ! ฉันเลี้ยงเอง เธออยากจะมีธุรกิจกี่ที่กี่ร้อยแห่งฉันก็ทำให้ได้! ” ไม่รู้ว่าคุณผู้หญิงพลาดท่าไปตั้งท้องกับคนสวยหรือเปล่า คุณเหมันต์ถึงได้ไม่มีความเป็นผู้ดีอยู่ในตัวเลย มาพูดจาแย่ๆ แบบนี้ต่อหน้าคุณผู้หญิงได้ยังไงกัน
“คุณไม่เข้าใจในจุดประสงค์ของหนูเลยนะคะ หนูอยากจะเป็นภรรยาคนที่สี่ของ เหมันต์ วรพิพัฒน์ ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตด้วยตัวเองไม่ต้องพึ่งเงินทอง หรือว่าอำนาจของสามี แต่ว่ามีสามีคอยซัพพอร์ตและสนับสนุน เข้าใจสักทีค่ะ! ”
“ฉันจะไปรอที่รถ! กินข้าวเสร็จแล้วรีบไป! วันนี้ฉันมีประชุม! เข้าใจไหม!”
“อีกห้านาทีเจอกันที่รถ เบาะหลังคนขับนะคะ” ปากตอบเขา แต่สายตายังคงอ่านหนังสือสอบไม่ละเลิก คุณเหมันต์กัดฟันกำหมัดก่อนที่จะเดินหนีไปรอที่รถ
“เหอะ!”
หลังจากนั้นเราก็ทานข้าวไปสักพัก เมื่ออิ่มก็รับเดินไปขึ้นรถที่มีคุณเหมันต์รออยู่ เมื่อขึ้นไปร่างสูงก็คว้าคอร่างบางไปลูบกอดทันที เราก็ทำได้แค่นั่งนิ่ง อยู่เงียบๆ ให้เขาทำ อยากจะหอมหรือลูบหัวก็ต้องปล่อย ขอแค่เขาไม่ยุ่งหรือรบกวนการอ่านหนังสือของเราก็พอ
“ลาออกซะ”
“คุณณณณณณณณณ! ” เราลากเสียงยาวเมื่อเขายังไม่เลิกพยายามที่จะให้เรานั้นลาออก
“ฉันหวงเธอ” มือหนาพลางม้วนผมร่างบางเล่นไปพลางๆ “แค่เพื่อนในห้องของเธอโทรมาฉันก็ไม่ชอบแล้ว...อย่าทำให้ฉันต้องหวงไปมากกว่านี้”
“นี่ไม่ฟังหนูเลยใช่ไหม?” ร่างบางทิ้งสายตาจากหนังสือเปลี่ยนไปเงยหน้าจ้องมองเขาอย่างไม่เข้าใจ คนบ้าอะไรมาขอร้องให้คนอื่นลาออก เขามีแต่ช่วยกันเรียนและผลักดันกันสิ
“เธอจะเรียนไปทำไมให้ปวดหัว ฉันเลี้ยงเธอได้สบาย ไปยันรุ่นลูกหลานเหลน โหลน หล่อน หลอน เธอลาออกซะเถอะ”
“ไม่ได้ค่ะ เรามีโอกาสได้เรียนก็ต้องตั้งใจเรียนสิคะ” และเหตุผลของเขามันก็ยังคงไร้ค่าเสมอ เราจึงก้มหน้ากลับมาอ่านหนังสือต่อ “ดูบางคนสิคะ อยากเรียนแทบตายแต่ก็ไม่มีโอกาสได้เรียน”
“ไม่ฟังกันเลยใช่ไหมเนี่ย! ” เขาเปลี่ยนจากการม้วนผมมาเป็นบีบแก้มนิ่มๆ ของเราแทน นี่น่ะเหรอมาเฟียสยามที่มีพันธมิตรที่แข็งแกร่งและเจ้าตัวที่โหดเหี้ยม ตลก!
“ก็มันจริง! ”
“จ้างเมียให้ลาออก เอาเท่าไหร่คะ?” คุณเหมันต์ก็ยังคงเอาแต่ใจและจะให้เราลาออกให้ได้ เขายิ้มอ่อยก่อนที่จะล้วงเข้าไปในโทรศัพท์ส่วนตัวและเปิดแอพธนาคารขึ้นมาตรงหน้าเรา ที่มีจำนวนเงินอยู่หลักพันล้าน “ฉันสามารถให้เธอได้หมดนี่ ทั้งบัญชีเลยนะ ถ้าเธอยอมลาออก...”
“ขอโทษนะคะ เงินซื้อหนูไม่ได้ค่ะ” ร่างบางคว้าโทรศัพท์ของเขามาพร้อมกดลบแอพนั่นทิ้ง
“หงส์หยก! ” เขาเอ็ดเราเบาๆ ก่อนที่จะแย่งโทรศัพท์คืนและเก็บเข้าสูทไป
“ไว้เรียนจบแล้วหนูจะลาออกให้นะคะ”
“เรียนจบมันก็จบแล้วไหมล่ะ! ”
“555” มือบางป้องปากตัวเองเบาๆ หลังจากนั้นก็ไม่ได้คุยกันอีกจนเกือบครึ่งชั่วโมงได้
แต่จะว่าไปนะ...เขายอมทุกอย่างได้เพื่อเราขนาดนี้ บางที...เราก็ควรจะน้อมรับน้ำใจที่เขามีให้เรานะ เช่น...การที่เขาจะเอาเงินมาให้เราใช้เป็นหลักพันล้าน เอาจริงๆ เราคิดว่าเราน่าจะใช้มันนะ แน่นอนว่าสิ่งที่เราจะอ้อนขอเขาต่อจากนี้ จะไม่มีผู้หญิงคนไหนในโลกกล้าขอแน่นอนค่ะ
“คุณเหมันต์ข๋า…” ร่างบางวางหนังสือลงที่ข้างเบาะพร้อมซบลงที่อกแกร่งๆ ที่จริงแล้วเราก็ไม่ใช่ผู้หญิงนิสัยแบบนี้หรอกนะ แต่เรารู้ตัวว่านิสัยแบบนี้ ลูกไม้และคารมแบบนี้ควรจะใช้ในสถานการณ์ไหน
“จะมาไม้ไหน?” ร่างสูงชำเลืองมองนิ่งๆ พร้อมลูบมือบางของร่างบางที่แนบอยู่ตรงอกแกร่งอีกข้างของเขา “เดี๋ยวก็หยิ่ง เดี๋ยวก็อ้อน ฉันจะเป็นประสาทเพราะเธอแล้วนะหงส์หยก”
“หนูอยากได้ห้องสมุดค่ะ”
“เอาที่ไหนดี?” แม้ว่าเขาจะต่อต้านการอ่านหนังสือของเรามากขนาดไหน แต่ถ้าเราอยากได้อะไรแล้ว เขาก็ไม่เคยขัดใจเราเลย สิ่งที่เขาทำเขาไม่ได้เลือกปฏิบัติหรอกนะ เขาทำแบบนี้กับผู้หญิงของเขาทุกคน
สิ่งที่เราอยากจะบอกให้ได้รู้กันนั้นก็คือเรื่องที่คุณเหมันต์มีภรรยาถึงสี่คนนี่แหละค่ะ...ที่เขาต้องมีเยอะขนาดนี้ คงเป็นเพราะตระกูลมาเฟียต้องการทายาท ซึ่งในที่นี้เราเข้าใจในเหตุผลดี ที่สำคัญแล้วคุณเหมันต์ก็ไม่เคยทอดทิ้งภรรยาคนไหนเลย เขารักทุกคนเท่ากันและที่สำคัญเขาก็มีปัญญาพอที่จะเลี้ยงพวกเราให้สุขสบาย
การที่มีภรรยาหรือว่าเมียมากกว่าหนึ่งคน ก็ควรปัญญาดูแลเขาให้ดี แล้วก็ควรถามภรรยาหลวงหรือว่าเมียหลวงด้วยนะคะว่าเขายินยอมไหม เพราะถ้าแอบไปมี เกิดจับได้ระวังจะไม่เหลือตัวตนไว้ให้สืบสกุลนะคะ
“อยากให้คุณทำห้องสมุดให้ต่างหากค่ะ ห้องสมุดประจำบ้านน่ะ”
“อะไรคิดที่ว่าฉันจะทำให้เธอ?” เขาเลิกคิ้วถามพร้อมยิ้มเจ้าเล่ห์ ผู้ชายคนนี้เดายากเหมือนกันแฮะ ไม่รู้ว่าจะดราม่า ตลกหรือว่าปัญญาอ่อน
“ความรักและความเอ็นดูของคุณที่มีต่อหนู”
“เหอะ! ไม่มีทาง! แค่ทุกวันนี้เธอยังอ่านเอาเป็นเอาตายเลย ถ้ามีส่วนตัวเธอไม่ไปนอนในห้องสมุดเลยหรือยังไง!
“ยอมหนึ่งอย่างเลยค่ะ เพื่อความรู้และความสามารถในอนาคตของหนู หนูยอมหนึ่งอย่างค่ะ” เราตอบพร้อมชูนิ้วก้อยให้เขา อืม...ถ้าจะขออะไรแปลกๆ แบบนี้มันก็คงต้องได้อย่างเสียอย่างจริงๆ สินะ
“เธอแน่ใจนะ?” เขาเลิกคิ้วท้วงถามอีกครั้ง ร่างบางพยักหน้าพร้อมชูนิ้วก้อยเข้าหาใบหน้าหล่อเหลา “ถ้าเธอผิดคำรู้ไหมว่าชีวิตของเธอและป้าจะเป็นยังไง”
“รู้...ทำให้หนูเถอะ สร้างห้องสมุดที่มีประโยชน์ให้กับหนู ที่มันจะช่วยให้หนูฉลาดและมีความรู้มันยังมีประโยชน์กว่าให้ภรรยาหนึ่ง สอง สามของคุณไปซื้อ ลิปสติกแท่งละ สองหมื่นอีกนะคะ”
“ก็ได้” มือหนาอีกข้างที่ว่างยกขึ้นมาเกี่ยวก้อย มันทำให้เรายิ้มออกทันที “แต่ฉันยังไม่คิดนะว่าจะให้เธอทำอะไร ถ้าฉันคิดออก ฉันจะบอกก็แล้วกัน”
“ได้เลยค่ะ” เรายิ้มและกำลังจะหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านต่อ ยังไม่ทันจะได้คว้ามันมือทั้งสองข้างก็ถูกร่างสูงรวบคว้าไว้ก่อน
พรึบ!
“ทำยังไงก่อน?”
“ฟอด! ขอบคุณค่ะ”
“ดีมาก”
เราลูบหัวเราเบาๆ หลังจากที่เราหอมแก้มเขา ร่างสูงยิ้มร้ายๆ ก่อนที่จะปล่อยมือร่างบางออก เมื่อมือที่ถูกรวบไว้ปล่อยออก เราก็หยิบหนังสือที่วางทิ้งไว้ข้างเบาะขึ้นมาอ่านต่อ มือหนาของเขาจับหัวของเราเอนไปซบไหล่ตัวของเขาเบาๆ ก่อนที่เราจะไม่ได้คุยอะไรกันอีก จนกระทั่งถึงโรงเรียน