Episode 4 หัวร้อน

1169 คำ
Episode 4 เช้าวันต่อมา (วันอาทิตย์) “ประเทศไทยเป็นประธานอาเซียน ปี 2562 และดอกไม้ที่มีชื่อเรียกได้สามชื่อคือดอกไม้ของประเทศลาวและมาเลเซีย โดยของประเทศลาวนั้นมีชื่อเรียกทั้งหมดคือ จำปาลาว ลั่นทม ลีลาวดี” เมื่อตื่นเช้ามาเราก็ไม่ได้รีรออะไรรีบหยิบสมุดโน้ตที่จดสรุปแนวข้อสอบไว้มาอ่านทันที โดนที่เรานั้นนอนซบอยู่บนอกแกร่งของเขา “ประเทศมาเลเซีย เรียกชื่อดอกไม้ได้สามชื่อว่าดอกชบา พู่ระหง บุหงารายา” “เธอลาออกซะ” เขาที่กำลังลูบหัวเราอยู่พูดแทรกในขณะที่เรากำลังท่องจำแนวข้อสอบของข้อกา โดยการอ่านออกเสียงดังๆ ให้เขาได้ยินด้วย อ่านให้ฟังขนาดนี้แล้วยังจะมาสั่งให้เราลาออกอีก คนเลว! “ทำไม?” ร่างบางเงยหน้าถามเขานิ่งๆ ส่วนเขาก็ยังคงลูบหัวเราอยู่แบบนั้นไม่ยอมปล่อยมือ “เธอจะเรียนไปทำไมให้ปวดหัว เงินฉันก็มี ตายไปกี่ชาติก็ใช้ไม่หมด เธอใช้วันละพันล้านก็ไม่หมด จะเรียนไปทำไม” “ก็หนูบอกแล้วไงว่าทำไม...เป็นถึงเมียมาเฟียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แต่มีดีแค่สวยนี่ก็น่าอายนะคะ” “อยากจะไปจากฉันหรือยังไง!” น้ำเสียงเริ่มดุ เขาเองก็งี่เง่าและบอกยากไม่ต่างกันนั่นแหละค่ะ เพียงแต่เหตุผลของเรามันมีค่าและสมเหตุสมผลมากกว่าเหตุผลของเขา “ก็เปล่านี่คะ แต่หนูบอกคุณแล้วว่าเงินซื้อความรู้ไม่ได้” “แต่ความรู้มันก็ใช่ว่าจะช่วยให้เธอเอาตัวรอดได้เสมอนะ” “ก็ดีกว่าอยู่บ้านเฉยๆ” เราตอบเขาเสียงเรียบก่อนที่จะเปิดสมุดโน้ตมาอ่านแนวข้อสอบต่อ “นี่เธอจะไม่ลาออกใช่ไหม?” เขาถามย้ำอีกครั้ง แต่เรารู้ตัวว่าตัวเองพูดชัดเจนมาแต่ไหนแต่ไร เราจึงไม่จำเป็นที่จะต้องตอบยาวๆ ซ้ำซาก เพราะว่ามันเสียเวลาในการอ่านหนังสือ... “ไม่ค่ะ อาเซียน+3 มีสามประเทศดังนี้ ประเทศจีน ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ส่วนอาเซียน+6 ก็มีสามประเทศที่กล่าวไปในตอนแรกแต่เพิ่มมาอีกสามประเทศนั่นก็คือ ประเทศออสเตเรีย อินเดียและนิวซีแลนด์” “โอ๊ย!” เขาโอดโอยด้วยความหงุดหงิดแต่ก็ไม่ได้ปล่อยเราออกจากอ้อมอกแต่อย่างใด ช่วงเวลาของอาหารเช้า เรานอนพักกันอีกสักครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพากันอาบน้ำแต่งตัวและเดินลงมาเตรียมทานอาหารเช้า ร่างบางที่เดินก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือโดยไม่สนใจสิ่งรอบกายหรือแม้แต่จะก้มไปมองพื้นบันไดได้เดินลงมาพร้อมกับร่างสูงที่กอดคอของเราเดินลงมาด้วย อยากบอกเขาใจจะขาดว่ารำคาญ แต่เราก็ไม่สามารถขัดขืนอะไรได้เพราะตอนนี้ชีวิตของเรา...เป็นของเขา เราจึงทำได้แค่เพียงด่าเขาอยู่ภายในใจ #อยู่ภายในใจเป็นหมื่นล้านคำ บอกให้เธอฟังไม่ได้สักคำ “เดินก่อนค่อยอ่านก็ได้หงส์หยก” คุณผู้หญิงที่นั่งรออยู่บนโต๊ะอาหารกล่าวเตือนด้วยความเป็นห่วง กลัวว่าเราจะตกบันได “ไม่ได้ค่ะ ทุกวินาทีของหนูมีค่า ที่สำคัญคือหนูจะต้องทำมันให้หมดด้วยค่ะ” ร่างบางตอบคุณผู้หญิงพร้อมมือลากเก้าอี้ออกมาเตรียมนั่งโดยใช้มือเพียงแค่ข้างเดียว เรานั่งลงรอทานข้าวโดยที่สายตานั้นไม่ได้เลื่อนออกห่างจากสมุดเลยแม้แต่นิดเดียว “หนูจะไม่ยอมส่งกระดาษเปล่าเด็ดขาดค่ะ” “ผมบอกแล้วนะแม่ แต่นางก็ไม่ฟัง! ถ้าฉันไม่กอดคอเธอลงมาป่านนี้ข่าวของเธอคงกระจายไปทั่วประเทศแล้ว นายหญิงสี่ของแก๊งดรากอนท์ตกบันไดเสียชีวิตคาที่! เห็นจากการอ่านหนังสือโดยไม่มองทาง” “ทำมาเป็นว่าหนู มันไม่มีใครตายเพราะอ่านหนังสือหรอกนะคะ มันอยู่ที่ว่าเราชอบหรือไม่ชอบต่างหาก คนอื่นอาจจะไม่ชอบ! แต่หนูชอบ! จะให้พูดอีกกี่ครั้งล่ะคะ คุณนั่นแหละที่ไม่ฟัง!” เราเบะปากใส่เขาทันทีที่ถูกว่า “นี่ถามจริงๆ เถอะนะ จะซีเรียสทำไมขนาดนั้น คือกวางเห็นแล้วรำคาญแทนค่ะคุณแม่ ลูกสาว! วางหนังสือก่อนไหมลูก!” “ไม่ค่ะ เวลาทุกนาทีของหนูมีค่า…หนึ่งวันมีตั้งยี่สิบสี่ชั่วโมง จะให้เอาแต่ประจบสามีอย่างเดียวก็เกินไปนะคะ” เราไหวไหล่เบาๆ พร้อมก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ “แต่พี่ว่านะ เลิกอ่านเถอะ สุดท้ายแล้วเรียนจบมาก็ไม่ได้ทำงานหรอก เพราะคุณเหมันต์ไม่ให้ทำแน่ๆ” เหมียวพูดต่อ สิ่งที่เธอพูดนั้นเป็นความจริง บรรดาภรรยาหนึ่ง สอง สาม ได้พากันเล่าว่าพอหลังจากมาอยู่ที่นี่คุณเหมันต์ไม่เคยให้ไปทำงานอีกเลย พอลองขาก็ไม่ยอมให้ไป “เรียนจบมาก็อยากจะใช้ความรู้ที่ตัวเองมีช่วยสามีทำธุรกิจ ถึงแม้ว่าเงินที่สามี มีอยู่ทุกวันนี้มันจะมีเยอะจนไม่กล้าใช้ก็ตาม แต่ก็ดีกว่าอยู่เฉยๆ นะคะ ถ้าเราเอาแต่นั่งสวยๆ ใช้เงินของสามีไปวันๆ คงจะเป็นขี้ปากชาวบ้านว่าเกาะผัวกิน....” “แรงมากแม่!” กระต่ายเบิกตากว้างมือพลางยกขึ้นนาบอก นี่ยังไม่ชินกับคำพูดของเราอีกหรือยังไงกัน “ใครบอกว่าฉันจะให้เธอมาช่วยงานฉัน” “มันคือคำพูดเปรียบเปรยค่ะ สุดท้ายแล้วหนูก็ไม่จำเป็นที่จะต้องขออนุญาตคุณ ความรู้หนู สมองของหนู หนูคิดเองได้ ไม่ต้องขออนุญาตจากคุณ คุณไม่ให้ช่วย หนูก็ทำธุรกิจส่วนตัวของหนูขึ้นมาเองก็ได้ ไม่ต้องหารเงินกับใคร เพราะหนูทำส่วนตัวของหนูเอง เข้าใจนะคะคุณสามี!” “ปัดโธ่โว้ย!” เขาทุบโต๊ะเบาๆ ก่อนที่จะเบือนหน้าหนี ร่างบางยิ้มมุมปากและอ่านหนังสือต่อ ส่วนคุณผู้หญิงท่านก็แอบหัวเราะลูกชายของตัวเองเบาๆ “เขียด! น้ำหวานเย็นๆ! ไปเอามา!” เหมียวหันไปสั่งคนรับใช้ส่วนตัวของตน พี่เขียดพยักหน้าและรีบวิ่งไปเอาน้ำหวานกับพัดมาให้เจ้านายของตน คุณเหมันต์คนขี้โมโห.. “น้ำหวานเย็นๆ กับพัดมาแล้วค่ะ!” พี่เขียดวิ่งหน้าตื่นมาพร้อมกับน้ำหวานและพัดในมือ “คุณพี่ทานน้ำหวานเย็นๆ ก่อนนะคะ” กวางที่นั่งข้างก็รับน้ำหวานมาป้อน ช่วยๆ กันกับเหมียวที่พัดให้คุณเหมันต์ใจเย็นลง เอาอกเอาใจกันเก่ง...แต่แปลกคุณเหมันต์กลับไม่สนใจ อืม! รู้สึกว่าตัวเองสวยจังเลยค่ะ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม