พบคนพาล
(ตะวันเล่าเรื่อง)
ผมนั่งรถโดยสารประจำทาง ตอนแรกตั้งใจจะจองตั๋วเครื่องบิน แต่ราคาในช่วงนี้แพงกว่าปกติ เลยเลือกรถโดยสารแทน และเนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดยาว ผมเลยได้รถเสริมแทนที่จะเป็นรถปกติ ถึงกระนั้นก็จำใจเดินทางเพราะพี่คีย์ย้ำนักย้ำหนาว่าให้ผมไปให้ทันวันเกิดคุณย่าเปรมใจ
ด้วยความไม่เคยเดินทางไกลๆ เพียงลำพัง ผมค่อนข้างประหม่าและทำเรื่องขายหน้าอยู่หลายหน ยิ่งกว่านั้นตอนแรกตั้งใจเลือกนั่งเบาะเดี่ยว แต่ผมซวยได้นั่งเบาะคู่แทน
รถเสริมคันนี้ค่อนข้างใหม่ เป็นรถนำเที่ยวของบริษัทในเครือร้านอาหารใหญ่ของทางภาคอีสาน ผมได้ยินเจ้าหน้าที่บอกเช่นนั้น แอร์เย็นฉ่ำมาก มีบริการของว่างหลายอย่างรวมถึงกาแฟและโกโก้ร้อน แต่ผมขอเพียงน้ำเปล่า
ผมครึ่งหลับครึ่งตื่นในช่วงเที่ยงคืน แล้วต้องรู้สึกประหลาดอยู่สักหน่อยเมื่อรถขึ้นเขาสูง และเป็นตอนนั้นที่ผมเสียววาบบริเวณต้นขา
พอค่อยๆ ปรับสายตาจึงเห็นว่ามีมือใหญ่และอุ่นจัดของคนที่นั่งข้างกันวางแปะอยู่ ผมไม่ทันสังเกตคนที่นั่งข้างกัน รู้แต่ว่าเป็นผู้ชาย อีกฝ่ายขึ้นสถานีช่วงสระบุรี มือใหญ่ของเขาไม่มีทีท่าจะขยับออกจากหน้าขาผม เมื่อเป็นอย่างนั้นผมเลยขยับตัวนิดๆ พร้อมสั่นขาให้เขารู้สึกตัว แต่อีกฝ่ายทำเหมือนทองไม่รู้ร้อน ผมนึกโมโหในใจ นี่มันบ้านป่าเมืองเถื่อนหรือไง ผมถึงถูกผู้ชายแต๊ะอั๋งซึ่งหน้า
กระทั่งรถจอดพักที่โคราช ผมจึงรีบลงรถเพราะปวดฉี่มาก อีกอย่างตอนนี้อยากเปลี่ยนที่นั่ง และหลังจากซื้อของเรียบร้อย ผมจึงเห็นเขา
ผู้ชายคนนั้นมีหุ่นสูงใหญ่กว่าผมเกือบหนึ่งคืบ ผิวสองสี ตัวหนาออกแนวล่ำ แต่ไม่ใช่แบบคนเล่นกล้ามเข้าฟิตเนส เขาสวมหมวกแก๊ปปิดหน้าปิดตาไว้ แต่พอมองเห็นเค้าโครงว่าเป็นคนหน้าตาจัดว่าดีคนหนึ่ง ดูเหมือนอาเฮียแต่จมูกโด่ง ผิวขาวจัด อาจเป็นลูกครึ่งจีน-ไทยอะไรเทือกนั้น และที่ทำให้ผมต้องครั่นคร้ามใจคือรอยสักที่มันดูคุ้นตา เป็นแนวกราฟิกกับหมายเลขคล้ายบาร์โค้ดเรียงเป็นแพยาว
ผมเผลอมองเขานานไปนิดจนคนตัวโตผิดสังเกต คราวนี้ผมเลยรีบเดินหลบไปอีกทาง ตั้งใจหนีไปขึ้นรถทัวร์ แต่ฝ่ายนั้นก้าวยาวๆ ตามมา ก่อนมาดักทางข้างหน้าของผม
“ไม่หิวเหรอ” เสียงทุ้มๆ ของเขาทำให้ขนบนหลังต้นคอผมลุก ปกติผมไม่ได้เขินหรือรู้สึกหวั่นไหวกับผู้ชาย แม้แต่พี่คีย์เราก็เล่นหัวกันบ่อย อารมณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิด แต่แปลก เขาคนนี้มีบางอย่างทำให้ผมเหงื่อแตกและไม่กล้าแม้แต่จะสบสายตา
“มะ ไม่” เสียงผมสั่น ท่าทางตื่นกลัวเขา
“อีกนานนะกว่าจะถึง...ตอนนี้รถติดด้วย ฉันว่านายควรหาอะไรกินสักหน่อย”
ผมไม่รู้ว่าคนแปลกหน้ากันต้องใส่ใจกันขนาดนี้ไหม การที่อีกฝ่ายแอบสัมผัสเนื้อตัวผมบนรถก็ทำให้ผมชังขี้หน้ามากพอแล้ว เป็นในตอนนั้นที่ผมพยายามเรียกความกล้าและมองเขาให้เต็มตา ด้วยอยากรู้นักว่าคนที่ทำเรื่องหื่นบนรถโดยสารหน้าตาแบบไหน
“ขอบคุณ แต่ผมไม่หิว อีกอย่างที่คุณทำบนรถเมื่อครู่ อย่าคิดว่าผมไม่รู้!”
เขาพยักหน้าช้าๆ ก่อนถอดหมวกออก คราวนี้ผมเห็นโครงหน้าเขาชัดเจน จมูกโด่งสวย ดวงตาเป็นสีดำสนิท ริมฝีปากบางเป็นกระจับ ดูแล้วเหมือนลูกครึ่งเชื้อสายไทย-จีน และคงมีส่วนผสมชาวตะวันตกด้วย
“ไหน ฉันไปทำอะไรนายฮึ”
“ก็บนรถไง คะ คุณ!”
ไอ้ผู้ร้ายปากแข็งตั้งใจทำให้ผมอายทั้งที่ล่วงเกินผม หน็อย ยังมาทำเป็นยิ้มตรงมุมปากยั่วบาทาอีก
“เฮ้อ เข้าใจผิดแล้ว คิดว่าฉันจะสนใจผู้ชายด้วยกันเหรอ นายควรระวังตัวเอาไว้ให้มาก โลกมันไม่ได้สวยอย่างที่คิด เมื่อกี้ฉันแค่เอามือรองน้ำแอร์ที่ไหลลงมาต่างหาก กลัวมันจะเปียกนาย ทำคุณบูชาโทษแท้ๆ”
ผมอึ้ง บอกตามตรงว่าไม่เชื่อข้อแก้ตัวของเขาสักนิด
“ขอบคุณ แต่ทีหลังไม่ต้อง ถ้าให้ดีคุณควรนั่งไปคนเดียวเถอะ ผมไปซื้อตั๋วรถบัสกลับก็ได้ เพราะไม่อยากนั่งใกล้คุณ”
เขายักไหล่อย่างไม่ยี่หระ
“รถเที่ยวนี้เป็นเที่ยวพิเศษ นานๆ ถึงจะออกมาให้บริการ ถ้านายไม่อยากนั่งสบายๆ ก็ตามใจ แต่บอกก่อน คืนนี้โชคดีที่เจอฉัน ถ้าต้องไปเจอพวกโรคจิตหรือขี้เหล้าตัวเหม็นเข้า นายอาจ...จะท้องป่องขึ้นมาแบบไม่รู้ตัว”
“คุณพูดอะไรของคุณ ผะ...ผมเป็นผู้ชายจะท้องได้ไง”
“ก็แค่หยอกเล่น แต่เอาตรงๆ นะ ผู้ชายหน้าตาอย่างนายเนี่ย เสียชาติเกิดชะมัด”
ถ้อยคำของเขาแรงมาก ทำให้ผมโมโหจนลมออกหู และสองมือกำหมัดแน่น “ไอ้เชี่ย มึงหมายความว่าไง”
สีหน้าเขาตึงขึ้น แต่น้ำเสียงยังเช่นเดิม ทั้งหยอกล้อและชวนให้ผมโมโห
“ก็แทนที่จะเกิดมาหล่อ ดันดูน่ารัก ชวนให้ทะนุถนอม”
ประโยคต่อมาของเขาทำให้ผมหมดความอดทนเลยปล่อยหมัดออกไป แต่หมัดของผมไม่ได้ถูกเนื้อตัวหนาๆ ของเขา อีกฝ่ายปัดทิ้งไปอย่างง่ายดาย
กระนั้นผมยังบ้าเลือด เลยพุ่งเข้าไปหาเข้าอีกหน ตอนนี้สมองคิดอะไรไม่ออกขอกัดหูยาวๆ กางๆ นั่นก็ได้วะ
“เฮ้ย! ทำอะไรเนี่ย เล่นน้ำลายได้ไง”
สภาพของผมคงเหมือนหมาบ้า นอกจากพยายามพุ่งเข้าไปกัดหูเขา ยังพ่นน้ำลายออกไปด้วยท่าทางสุดน่าเกลียด คนตัวโตเลยรวบตัวผมแล้วกอดไว้ ผมดิ้นปัดไปมาและกระทืบเท้าหวังเหยียบเท้าเขาสุดแรง