เวลาตีสองควรค่าแก่การนอน ไม่เลย ทุกคนเมาจนแทบลุกไม่ขึ้น บางคนก็หมดสภาพเมาเหมือนหมาไปแล้ว โดยเฉพาะเจ้าของวันเกิดกับเพื่อน
ส่วนเขากับภีมภัทรก็ไม่ได้น้อยหน้า แค่ไม่ได้เมาทิ้งตัวเหมือนสาว ๆ แต่เวลาเดินโลกก็หมุนเหมือนกัน
เพราะบรรยากาศที่สนุกแตกต่างจากเวลาไปคลับ บรรยากาศที่ไม่ได้ซึมซับบ่อย ๆ ทำให้สนุกจนลืมเมา พอเหล้าหมดตั้งคอไม่อยู่นั่นแหละ พึ่งจำได้ว่าพากันเมา
“กูทิ้งผู้หญิงนอนนอกบ้านแมนไหมวะ” เสียงยานของภีมภัทรดังขึ้นอย่างเกียจคร้านเมื่อรู้ว่าต้องช่วยกันแบกผู้หญิงถึงหกคนเข้าบ้าน
แค่ตัวกูยังเอาแทบไม่รอดเลย แล้วหกหารสองจะไหวไหม
“กูไม่อยากจ่ายค่ารักษาไข้เลือดออก” เพราะรั้วเป็นต้นไม้ อีกทั้งตอนกลางคืนยุงเยอะอยู่แล้ว ขืนปล่อยให้นอนกันตรงนี้มีหวังตื่นมาเป็นไข้เลือดออกกันแน่
“จะตายแล้ว!” ภีมภัทรบ่นออกมาก่อนจะยกหัวหนัก ๆ ของตัวเองเพื่อแบกร่างให้ยืนตรง
เริ่มลงมือพยุงคนเมาหนักเข้าบ้าน แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครแบกใคร หรือช่วยกันพยุงกันและกันไปส่ง บางคนแม่งขาพับขาอ่อนจนสุภาพบุรุษอย่างเขาถึงกับเผลอลากไปเลยทีเดียว และไม่พ้นเสียงคนเมาโวยวายออกมาอย่างไม่พอใจที่ทำให้เจ็บ
“ช่วยแล้วบ่น ทิ้งแม่งนอนพื้นถนนเลย” ผมไม่ใช่ผู้ชายอ่อนโยนครับ...ได้แต่พูดตบท้ายในใจคนเดียว
เจ้าของบ้านอย่างเขาก็แทบเอาไม่ไหวเหมือนกัน คนแรกเลยน้องตัวดี ส่งถึงห้องนั่งเล่นก็รีบปล่อยแทบจะเรียกว่าโยนลงโซฟาอย่างไม่ใส่ใจ ถึงกับต้องนวดขมับตัวเองเพราะแทบจะเดินไม่ไหวแล้ว
แต่ก็ต้องเดินไปสะบัดหัวไปจนถึงข้างนอก ลากอีกคนเข้ามาทิ้งไว้ข้าง ๆ กัน มีเสียงบ่นเสียงโวยวายไม่ได้ศัพท์ดังขึ้นแต่เข้าหูซ้ายทะลุหูขวาเขาไปหมดแล้ว สติสตางค์ไม่เหลือสักนิด
ฝืนตัวเองออกไปยกคนสุดท้ายสำหรับเขา แล้วไม่รู้บังเอิญหรือไงมีเหลือให้เลือกสองคน
คนเมาดันก้าวไปเลือกผู้หญิงเสื้อยืดสีขาวกางเกงขาสั้นสีดำขึ้นมา
“อย่ายุ่งหน่า” เสียงบ่นดังขึ้นพร้อมหัวคิ้วขมวดแน่น
“ทิ้งให้นอนคนเดียวไหม” คนอุตส่าห์ช่วยแล้วยังปัดออกอย่างรำคาญอีก เขกหัวแม่งให้หายเมา
“เหนียวตัวอ่ะ พาไปห้องแกหน่อย” คนที่ก่อนหน้าเบียร์หกใส่ตัวเต็ม ๆ ทั้งแก้ว ทิ้งคราบเหนียวที่ช่วงท้องกระจายที่ต้นขาจนไม่สบายตัว สติจดจำสิ่งที่นัดแนะกับเพื่อนก่อนเมาไร้สติได้แล้วพูดออกมา
“วุ่นวายจริง ๆ” บ่นออกมาอย่างหัวเสีย แทนที่จะได้เอาทิ้งกองไว้กับคนอื่น ๆ กลับต้องพาขึ้นบันไดไปส่งห้องแทน
สองร่างทุลักทุเลทั้งคนแบกและคนถูกแบก ขึ้นบันไดอย่างยากลำบากจนไม่รู้เลยว่าจะตกลงมาตายก่อนได้เปลี่ยนเสื้อผ้าหรือเปล่า
กว่าจะพากันขึ้นมาถึงชั้นสองได้ก็เล่นเอาหอบไปไม่น้อย ถึงกับขาสั่นพับ ๆ จนแทบเดินไม่ไหว เขาก็คนเมา คนเมาที่ต้องดูแลคนเมาถึงสามคน แล้วคนสุดท้ายดันทิ้งงานหยาบให้ด้วยการเดินไกลกว่าคนอื่น ๆ
สมองอันน้อยนิดของเขาตอนนี้คือส่งเธอถึงห้องน้ำก็จะทิ้งไว้ทันที อาบได้ก็อาบ อาบไม่ได้ก็นอนแม่งในนั้น อย่างน้อยก็ไม่มียุง
แต่แม่ง น่ารำคาญ!
“ถอดไม่ออก” เสียงงอแงของคนเมาดังขึ้นเมื่อพยายามรั้งชายเสื้อยืดรัดรูปตัวเองขึ้น แต่ไม่รู้เมายังไงแขนยังพันกันได้
มือใหญ่ยีหัวตัวเองอย่างหงุดหงิดไม่น้อย เกิดมาไม่เคยดูแลใคร ทำไมเขาต้องมาดูแลคนอื่นในสภาพที่ตัวเองก็ไม่เต็มร้อยแบบนี้
ก้าวเข้าไปหาด้วยใบหน้าถมึงทึง กระชากชายเสื้อยืดขึ้นอย่างแรง ถอดออกทางหัวให้อีกฝ่ายอย่างรำคาญและเบื่อหน่าย
แต่ทุกอย่างกลับชะงักเหมือนเวลาหยุดเดิน เหมือนลมหายใจติดขัด
“อึก!” ไม่รู้ทำไมเหมือนคอแห้งจนกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เสียงดังกว่าตอนกลืนเหล้า พยายามสะบัดหัวเรียกสติตัวเองให้ได้มากที่สุด
แต่ไม่รู้ทำไมสติกลับไม่ทำงาน รู้แค่ว่าส่วนที่ทำงานหนักที่สุดตอนนี้มันอยู่ต่ำลงไปกว่าสะดือนิดหน่อย ทำงานเรื่อย ๆ ไม่หยุดพัก จากที่แน่นิ่งนุ่มนิ่ม กลายเป็นขยายตัวแปลงร่างใหญ่โตตามวัย
ฟึ่บ!
“...!” นาทีนี้ตกตะลึงยิ่งกว่าเห็นช้างออกลูกเป็นลิง เมื่อคนเมาที่ไร้สติที่สุดในห้องไม่ได้สนใจการมีอยู่ของเขา หรืออาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนตรงหน้าตัวเองคือใคร
เสื้อยืดพ้นจากตัวก็ดึงรั้งเสื้อชั้นในตัวเอง จน มัน หลุด ออก
ไม่รู้ว่าเขาเมาจนเป็นบ้าหรือเปล่า อยู่ ๆ ก็แสบตาเหมือนมีแสงขาว ๆ กระแทก ไหนจะก้อนใหญ่ ๆ ที่มันทิ่มจนเหมือนตาจะบอดอยู่แล้ว
แต่ทำไมขาแกร่งถึงก้าวไปข้างหน้า สติอันน้อยจนแทบไม่เหลือถามตัวเองวนไปวนมา ‘มึงเมาไม่ใช่เหรอ...มึงง่วงด้วย...ไหนว่าจะกลับไปนอน...อยากทิ้งตัวแล้วไอ้เวร!’
หมับ! ทุกอย่างเกิดขึ้นตามสัญชาตญาณโดยไร้สติ คำเตือนที่บอกว่าสุราเป็นเหตุให้สติในชีวิตลดลง
เชื่อเกือบทุกอย่าง แต่ติดอยู่อย่างเดียวที่มันย้อนแย้งตอนนี้
“อื้อ” เสียงหวานครางขึ้นในลำคอ ร่างบางขาวเนียนที่ส่วนบนเปลือยเปล่าทิ้งตัวซบร่างแกร่งพร้อมกับหัวโงนเงน
ถึงอย่างนั้นฝ่ามือใหญ่ก็ไม่สามารถหยุดได้ ออกแรงฟอนเฟ้นเบา ๆ จนเริ่มได้ใจทำแรงขึ้นเรื่อย ๆ แต่เพราะความนุ่มเด้งสู้มือจนหักห้ามใจไม่อยู่ ปลายนิ้วเริ่มซุกซนอยู่ไม่สุขสะกิดติ่งแข็งเป็นไต
“อ่า” เสียงหวานร้องหนักกว่าเดิม ปลุกสัญชาตญาณดิบในตัวชายได้อย่างดี ความกระสันพลุ่งพล่านราวกับน้ำถึงจุดเดือดสูงสุดจนฝาหม้อเด้งไปแล้ว
ใบหน้าสวยแหงนขึ้นปรือตาที่แทบจะเปิดไม่ขึ้นมองเขา แต่สภาพตอนนี้เธอมองอะไรไม่รู้เรื่องเลย เห็นเป็นภาพเลือนลาง แยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร ชายหรือหญิง รู้แค่ว่าสัมผัสที่ได้รับตอนนี้มันทำให้ร่างกายของเธอร้อนวูบวาบ แม้แต่กลางกายสาวยังรู้สึกปวดหนึบพร้อมกับของเหลวที่ซึมไหลออกมา
ฝ่ามือบางที่อ่อนแรงจากความเมาสะเปะสะปะไปทั่ว สัมผัสอะไรไม่รู้ตัว และยิ่งไม่รู้ตัวว่าเป็นการปลุกเร้าจนอีกฝ่ายหยุดอะไรไม่ได้
ต่างฝ่ายต่างเมา ต่างฝ่ายต่างไร้การยับยั้ง ไม่มีอะไรหยุดใครได้สักคน มีแต่แรงดึงดูดที่กระชากทั้งคู่เข้าใส่กันเหมือนสัตว์ร้าย
เขาพุ่งเข้าไปจูบปากอิ่มเอิบสีเชอรี่ตรงหน้าอย่างดูดดื่ม ส่วนเธอเผยอปากรับจูบอย่างเงอะงะไม่เข้าใจ แต่กลับสู้สุดตัวไม่ยอมแพ้ เขาดูดแบบไหนเธอก็ดูดกลับอย่างไม่ประสา
แขนแกร่งตวัดกอดรัดร่างบางเข้าแนบกายแกร่งจนแทบจะเป็นการอุ้มอยู่แล้ว เธอเองก็เกาะกอดเขาไว้อย่างไม่มั่นนักอาศัยพักพิงทิ้งร่างใส่อีกฝ่ายอย่างคนแทบยืนไม่อยู่
แลกจูบกันจนเสียงดังรอบปากเฉอะแฉะไปหมดก็ยังไม่หยุด ขาก้าวไปมาเหมือนจะไร้จุดหมาย แต่เขาก็ยังพาออกจากห้องน้ำได้สำเร็จ
เมื่อรับรู้ที่รองรับเหมาะเจาะก็ดันร่างบางลงเตียง ตามไปแลกจูบอีกครั้งพร้อมสลัดเสื้อผ้าอย่างรีบร้อนเหมือนคนกระหายใกล้ตาย มีร่างบางให้ความร่วมมือด้วยการขยับยกตัวอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวให้กับเขา จนสองร่างเปลือยเปล่า ผิวกายอุ่น ๆ สัมผัสแนบชิดกันและกัน
ขนอุ่นในกายลุกชันพร้อมเพรียงกัน ยิ่งต้องของร้อนกลับยิ่งอยากแนบนาบลงไปให้แผดเผากายกัน
อะไรเป็นอะไรคนเมาอาจไร้สติยั้งคิดยั้งทำ แต่ร่างกายตรงไหนจับได้ดูดได้กลับผ่านปากผ่านมือเขาอย่างใส่ใจ ยิ่งมีเสียงหวานครางรับครางส่งยิ่งทำให้ฝ่ายรุกได้ใจ คลุ้มคลั่งเหมือนสัตว์ป่าเจอเหยื่อ
“อึก!” ทั้งที่ทุกอย่างเกือบพร่ามัว ทั้งที่ทุกอย่างมองแทบไม่ชัด แต่ไม่รู้ทำไมสองจุดที่เขาเห็นมันชัดเต็มตาจนอดชื่นชมไม่ได้ กลับอยู่บนร่างกายของเธอตอนนี้
ภูเขานุ่มใหญ่สองลูกด้านบน แหละแอ่งน้ำที่แนบสนิทระเรื่อสีชมพูน่ามองและน่ากินไปหมด
“อื้อ! เจ็บ!” เสียงเล็กร้องขึ้นเมื่อจุดอ่อนไหวถูกรุกราน ก่อนหน้าเต็มไปด้วยความสุข แต่ตอนนี้รู้สึกเจ็บจนพยายามขยับร่างหนีอย่างไร้เรี่ยวแรงและไร้ประโยชน์
“ซี๊ด!” เขาเองก็เจ็บ แค่หัวเข้าไปได้นิดเดียวก็ถูกหนีบรัดจนเหมือนจะขาด บีบข้างล่างแต่กลับหายใจที่จมูกไม่ออก
แต่เขาพวกชอบเอาชนะ ยากแค่ไหนก็ไม่หวั่น ลำบากแค่ไหนก็ไม่ยอมแพ้
พยายามดันตัวเองเข้าไปอย่างไม่หยุดนิ่ง เข้าไปเรื่อย ๆ ทั้งที่เหมือนตัวเองจะขาดรอน ๆ อยู่แล้วแท้ ๆ
“โอ้ย!” เจ้าของร่างบางเริ่มงอแง ดีดดิ้นเพื่อหลีกหนี
แต่ขอโทษจริง ๆ ตอนนี้อย่างเดียวที่ทำได้
ปั่ก!
“กรี๊ดด!!”
“อ่า!” โคตรฟิน ทั้งที่เมาแต่กลับรู้สึกดีเป็นบ้า ซึมซับได้จนเหมือนฝังลึกความรู้สึกเข้าไขกระดูกเรียบร้อยแล้ว
“เจ็บ” คนงอแงยังพยายามถอยห่าง แต่ตอนนี้คงทำได้แค่ผวนกลับอย่างเดียว
เอวสอบทำหน้าที่ของตัวเองทันที คืบคลานเข้าออกช้า ๆ อย่างยากลำบาก แต่ไม่นานร่องคับก็เริ่มคุ้นเคยกับสิ่งที่เข้าไปทักทาย ปรับขยายตัวออกให้เข้าออกง่ายขึ้น ทำให้เจ้าของร่างที่เคยงอแงหนี กลายเป็นส่งเสียงหวานไม่หยุด
ศึกสวาทกลับมาเร่าร้อนอีกครั้งเมื่อตัณหาราคะของคนเมาถึงจุดสูงสุด พุ่งพัวพันกันราวกับงูไม่มีใครยอมใคร แล้วจะเนิ่นนานเท่าไหร่แม้แต่พวกเขาทั้งสองก็ยังไม่มีสติพอแยกแยะได้