ตอนที่6 ขาดสติ

1767 คำ
เวลาตีสองควรค่าแก่การนอน ไม่เลย ทุกคนเมาจนแทบลุกไม่ขึ้น บางคนก็หมดสภาพเมาเหมือนหมาไปแล้ว โดยเฉพาะเจ้าของวันเกิดกับเพื่อน ส่วนเขากับภีมภัทรก็ไม่ได้น้อยหน้า แค่ไม่ได้เมาทิ้งตัวเหมือนสาว ๆ แต่เวลาเดินโลกก็หมุนเหมือนกัน เพราะบรรยากาศที่สนุกแตกต่างจากเวลาไปคลับ บรรยากาศที่ไม่ได้ซึมซับบ่อย ๆ ทำให้สนุกจนลืมเมา พอเหล้าหมดตั้งคอไม่อยู่นั่นแหละ พึ่งจำได้ว่าพากันเมา “กูทิ้งผู้หญิงนอนนอกบ้านแมนไหมวะ” เสียงยานของภีมภัทรดังขึ้นอย่างเกียจคร้านเมื่อรู้ว่าต้องช่วยกันแบกผู้หญิงถึงหกคนเข้าบ้าน แค่ตัวกูยังเอาแทบไม่รอดเลย แล้วหกหารสองจะไหวไหม “กูไม่อยากจ่ายค่ารักษาไข้เลือดออก” เพราะรั้วเป็นต้นไม้ อีกทั้งตอนกลางคืนยุงเยอะอยู่แล้ว ขืนปล่อยให้นอนกันตรงนี้มีหวังตื่นมาเป็นไข้เลือดออกกันแน่ “จะตายแล้ว!” ภีมภัทรบ่นออกมาก่อนจะยกหัวหนัก ๆ ของตัวเองเพื่อแบกร่างให้ยืนตรง เริ่มลงมือพยุงคนเมาหนักเข้าบ้าน แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครแบกใคร หรือช่วยกันพยุงกันและกันไปส่ง บางคนแม่งขาพับขาอ่อนจนสุภาพบุรุษอย่างเขาถึงกับเผลอลากไปเลยทีเดียว และไม่พ้นเสียงคนเมาโวยวายออกมาอย่างไม่พอใจที่ทำให้เจ็บ “ช่วยแล้วบ่น ทิ้งแม่งนอนพื้นถนนเลย” ผมไม่ใช่ผู้ชายอ่อนโยนครับ...ได้แต่พูดตบท้ายในใจคนเดียว เจ้าของบ้านอย่างเขาก็แทบเอาไม่ไหวเหมือนกัน คนแรกเลยน้องตัวดี ส่งถึงห้องนั่งเล่นก็รีบปล่อยแทบจะเรียกว่าโยนลงโซฟาอย่างไม่ใส่ใจ ถึงกับต้องนวดขมับตัวเองเพราะแทบจะเดินไม่ไหวแล้ว แต่ก็ต้องเดินไปสะบัดหัวไปจนถึงข้างนอก ลากอีกคนเข้ามาทิ้งไว้ข้าง ๆ กัน มีเสียงบ่นเสียงโวยวายไม่ได้ศัพท์ดังขึ้นแต่เข้าหูซ้ายทะลุหูขวาเขาไปหมดแล้ว สติสตางค์ไม่เหลือสักนิด ฝืนตัวเองออกไปยกคนสุดท้ายสำหรับเขา แล้วไม่รู้บังเอิญหรือไงมีเหลือให้เลือกสองคน คนเมาดันก้าวไปเลือกผู้หญิงเสื้อยืดสีขาวกางเกงขาสั้นสีดำขึ้นมา “อย่ายุ่งหน่า” เสียงบ่นดังขึ้นพร้อมหัวคิ้วขมวดแน่น “ทิ้งให้นอนคนเดียวไหม” คนอุตส่าห์ช่วยแล้วยังปัดออกอย่างรำคาญอีก เขกหัวแม่งให้หายเมา “เหนียวตัวอ่ะ พาไปห้องแกหน่อย” คนที่ก่อนหน้าเบียร์หกใส่ตัวเต็ม ๆ ทั้งแก้ว ทิ้งคราบเหนียวที่ช่วงท้องกระจายที่ต้นขาจนไม่สบายตัว สติจดจำสิ่งที่นัดแนะกับเพื่อนก่อนเมาไร้สติได้แล้วพูดออกมา “วุ่นวายจริง ๆ” บ่นออกมาอย่างหัวเสีย แทนที่จะได้เอาทิ้งกองไว้กับคนอื่น ๆ กลับต้องพาขึ้นบันไดไปส่งห้องแทน สองร่างทุลักทุเลทั้งคนแบกและคนถูกแบก ขึ้นบันไดอย่างยากลำบากจนไม่รู้เลยว่าจะตกลงมาตายก่อนได้เปลี่ยนเสื้อผ้าหรือเปล่า กว่าจะพากันขึ้นมาถึงชั้นสองได้ก็เล่นเอาหอบไปไม่น้อย ถึงกับขาสั่นพับ ๆ จนแทบเดินไม่ไหว เขาก็คนเมา คนเมาที่ต้องดูแลคนเมาถึงสามคน แล้วคนสุดท้ายดันทิ้งงานหยาบให้ด้วยการเดินไกลกว่าคนอื่น ๆ สมองอันน้อยนิดของเขาตอนนี้คือส่งเธอถึงห้องน้ำก็จะทิ้งไว้ทันที อาบได้ก็อาบ อาบไม่ได้ก็นอนแม่งในนั้น อย่างน้อยก็ไม่มียุง แต่แม่ง น่ารำคาญ! “ถอดไม่ออก” เสียงงอแงของคนเมาดังขึ้นเมื่อพยายามรั้งชายเสื้อยืดรัดรูปตัวเองขึ้น แต่ไม่รู้เมายังไงแขนยังพันกันได้ มือใหญ่ยีหัวตัวเองอย่างหงุดหงิดไม่น้อย เกิดมาไม่เคยดูแลใคร ทำไมเขาต้องมาดูแลคนอื่นในสภาพที่ตัวเองก็ไม่เต็มร้อยแบบนี้ ก้าวเข้าไปหาด้วยใบหน้าถมึงทึง กระชากชายเสื้อยืดขึ้นอย่างแรง ถอดออกทางหัวให้อีกฝ่ายอย่างรำคาญและเบื่อหน่าย แต่ทุกอย่างกลับชะงักเหมือนเวลาหยุดเดิน เหมือนลมหายใจติดขัด “อึก!” ไม่รู้ทำไมเหมือนคอแห้งจนกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เสียงดังกว่าตอนกลืนเหล้า พยายามสะบัดหัวเรียกสติตัวเองให้ได้มากที่สุด แต่ไม่รู้ทำไมสติกลับไม่ทำงาน รู้แค่ว่าส่วนที่ทำงานหนักที่สุดตอนนี้มันอยู่ต่ำลงไปกว่าสะดือนิดหน่อย ทำงานเรื่อย ๆ ไม่หยุดพัก จากที่แน่นิ่งนุ่มนิ่ม กลายเป็นขยายตัวแปลงร่างใหญ่โตตามวัย ฟึ่บ! “...!” นาทีนี้ตกตะลึงยิ่งกว่าเห็นช้างออกลูกเป็นลิง เมื่อคนเมาที่ไร้สติที่สุดในห้องไม่ได้สนใจการมีอยู่ของเขา หรืออาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนตรงหน้าตัวเองคือใคร เสื้อยืดพ้นจากตัวก็ดึงรั้งเสื้อชั้นในตัวเอง จน มัน หลุด ออก ไม่รู้ว่าเขาเมาจนเป็นบ้าหรือเปล่า อยู่ ๆ ก็แสบตาเหมือนมีแสงขาว ๆ กระแทก ไหนจะก้อนใหญ่ ๆ ที่มันทิ่มจนเหมือนตาจะบอดอยู่แล้ว แต่ทำไมขาแกร่งถึงก้าวไปข้างหน้า สติอันน้อยจนแทบไม่เหลือถามตัวเองวนไปวนมา ‘มึงเมาไม่ใช่เหรอ...มึงง่วงด้วย...ไหนว่าจะกลับไปนอน...อยากทิ้งตัวแล้วไอ้เวร!’ หมับ! ทุกอย่างเกิดขึ้นตามสัญชาตญาณโดยไร้สติ คำเตือนที่บอกว่าสุราเป็นเหตุให้สติในชีวิตลดลง เชื่อเกือบทุกอย่าง แต่ติดอยู่อย่างเดียวที่มันย้อนแย้งตอนนี้ “อื้อ” เสียงหวานครางขึ้นในลำคอ ร่างบางขาวเนียนที่ส่วนบนเปลือยเปล่าทิ้งตัวซบร่างแกร่งพร้อมกับหัวโงนเงน ถึงอย่างนั้นฝ่ามือใหญ่ก็ไม่สามารถหยุดได้ ออกแรงฟอนเฟ้นเบา ๆ จนเริ่มได้ใจทำแรงขึ้นเรื่อย ๆ แต่เพราะความนุ่มเด้งสู้มือจนหักห้ามใจไม่อยู่ ปลายนิ้วเริ่มซุกซนอยู่ไม่สุขสะกิดติ่งแข็งเป็นไต “อ่า” เสียงหวานร้องหนักกว่าเดิม ปลุกสัญชาตญาณดิบในตัวชายได้อย่างดี ความกระสันพลุ่งพล่านราวกับน้ำถึงจุดเดือดสูงสุดจนฝาหม้อเด้งไปแล้ว ใบหน้าสวยแหงนขึ้นปรือตาที่แทบจะเปิดไม่ขึ้นมองเขา แต่สภาพตอนนี้เธอมองอะไรไม่รู้เรื่องเลย เห็นเป็นภาพเลือนลาง แยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร ชายหรือหญิง รู้แค่ว่าสัมผัสที่ได้รับตอนนี้มันทำให้ร่างกายของเธอร้อนวูบวาบ แม้แต่กลางกายสาวยังรู้สึกปวดหนึบพร้อมกับของเหลวที่ซึมไหลออกมา ฝ่ามือบางที่อ่อนแรงจากความเมาสะเปะสะปะไปทั่ว สัมผัสอะไรไม่รู้ตัว และยิ่งไม่รู้ตัวว่าเป็นการปลุกเร้าจนอีกฝ่ายหยุดอะไรไม่ได้ ต่างฝ่ายต่างเมา ต่างฝ่ายต่างไร้การยับยั้ง ไม่มีอะไรหยุดใครได้สักคน มีแต่แรงดึงดูดที่กระชากทั้งคู่เข้าใส่กันเหมือนสัตว์ร้าย เขาพุ่งเข้าไปจูบปากอิ่มเอิบสีเชอรี่ตรงหน้าอย่างดูดดื่ม ส่วนเธอเผยอปากรับจูบอย่างเงอะงะไม่เข้าใจ แต่กลับสู้สุดตัวไม่ยอมแพ้ เขาดูดแบบไหนเธอก็ดูดกลับอย่างไม่ประสา แขนแกร่งตวัดกอดรัดร่างบางเข้าแนบกายแกร่งจนแทบจะเป็นการอุ้มอยู่แล้ว เธอเองก็เกาะกอดเขาไว้อย่างไม่มั่นนักอาศัยพักพิงทิ้งร่างใส่อีกฝ่ายอย่างคนแทบยืนไม่อยู่ แลกจูบกันจนเสียงดังรอบปากเฉอะแฉะไปหมดก็ยังไม่หยุด ขาก้าวไปมาเหมือนจะไร้จุดหมาย แต่เขาก็ยังพาออกจากห้องน้ำได้สำเร็จ เมื่อรับรู้ที่รองรับเหมาะเจาะก็ดันร่างบางลงเตียง ตามไปแลกจูบอีกครั้งพร้อมสลัดเสื้อผ้าอย่างรีบร้อนเหมือนคนกระหายใกล้ตาย มีร่างบางให้ความร่วมมือด้วยการขยับยกตัวอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวให้กับเขา จนสองร่างเปลือยเปล่า ผิวกายอุ่น ๆ สัมผัสแนบชิดกันและกัน ขนอุ่นในกายลุกชันพร้อมเพรียงกัน ยิ่งต้องของร้อนกลับยิ่งอยากแนบนาบลงไปให้แผดเผากายกัน อะไรเป็นอะไรคนเมาอาจไร้สติยั้งคิดยั้งทำ แต่ร่างกายตรงไหนจับได้ดูดได้กลับผ่านปากผ่านมือเขาอย่างใส่ใจ ยิ่งมีเสียงหวานครางรับครางส่งยิ่งทำให้ฝ่ายรุกได้ใจ คลุ้มคลั่งเหมือนสัตว์ป่าเจอเหยื่อ “อึก!” ทั้งที่ทุกอย่างเกือบพร่ามัว ทั้งที่ทุกอย่างมองแทบไม่ชัด แต่ไม่รู้ทำไมสองจุดที่เขาเห็นมันชัดเต็มตาจนอดชื่นชมไม่ได้ กลับอยู่บนร่างกายของเธอตอนนี้ ภูเขานุ่มใหญ่สองลูกด้านบน แหละแอ่งน้ำที่แนบสนิทระเรื่อสีชมพูน่ามองและน่ากินไปหมด “อื้อ! เจ็บ!” เสียงเล็กร้องขึ้นเมื่อจุดอ่อนไหวถูกรุกราน ก่อนหน้าเต็มไปด้วยความสุข แต่ตอนนี้รู้สึกเจ็บจนพยายามขยับร่างหนีอย่างไร้เรี่ยวแรงและไร้ประโยชน์ “ซี๊ด!” เขาเองก็เจ็บ แค่หัวเข้าไปได้นิดเดียวก็ถูกหนีบรัดจนเหมือนจะขาด บีบข้างล่างแต่กลับหายใจที่จมูกไม่ออก แต่เขาพวกชอบเอาชนะ ยากแค่ไหนก็ไม่หวั่น ลำบากแค่ไหนก็ไม่ยอมแพ้ พยายามดันตัวเองเข้าไปอย่างไม่หยุดนิ่ง เข้าไปเรื่อย ๆ ทั้งที่เหมือนตัวเองจะขาดรอน ๆ อยู่แล้วแท้ ๆ “โอ้ย!” เจ้าของร่างบางเริ่มงอแง ดีดดิ้นเพื่อหลีกหนี แต่ขอโทษจริง ๆ ตอนนี้อย่างเดียวที่ทำได้ ปั่ก! “กรี๊ดด!!” “อ่า!” โคตรฟิน ทั้งที่เมาแต่กลับรู้สึกดีเป็นบ้า ซึมซับได้จนเหมือนฝังลึกความรู้สึกเข้าไขกระดูกเรียบร้อยแล้ว “เจ็บ” คนงอแงยังพยายามถอยห่าง แต่ตอนนี้คงทำได้แค่ผวนกลับอย่างเดียว เอวสอบทำหน้าที่ของตัวเองทันที คืบคลานเข้าออกช้า ๆ อย่างยากลำบาก แต่ไม่นานร่องคับก็เริ่มคุ้นเคยกับสิ่งที่เข้าไปทักทาย ปรับขยายตัวออกให้เข้าออกง่ายขึ้น ทำให้เจ้าของร่างที่เคยงอแงหนี กลายเป็นส่งเสียงหวานไม่หยุด ศึกสวาทกลับมาเร่าร้อนอีกครั้งเมื่อตัณหาราคะของคนเมาถึงจุดสูงสุด พุ่งพัวพันกันราวกับงูไม่มีใครยอมใคร แล้วจะเนิ่นนานเท่าไหร่แม้แต่พวกเขาทั้งสองก็ยังไม่มีสติพอแยกแยะได้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม