บทที่ 8 โดนจับได้
“ญดานางเหมือนผู้หญิงขาดความอบอุ่น ชอบแย่งของชาวบ้าน คิดว่าตัวเองสวยนักเหรอ!”
“….”
“หน้าตาสวยแต่สันดานเสีย แบบนี้ก็ไม่ไหวป่ะ”
“พระพาย!”
“เดี๋ยวคิริน ยังมีอีก นี่ๆ คอมเม้นท์นี้แรงมาก!!”
“….”
“ญดายัยมั่นหน้า เธอไม่ได้สวยหรอกจ้า แต่เธอมันแค่ง่ายผู้ชายถึงชอบเข้าหา โห่ ยัยนี่แรงเกินไปนะเนี่ย!”
“พอเถอะพระพาย” ฉันกลอกตาเซ็งพลางถอนหายใจยาวเมื่อได้ยินเพื่อนสาวนั่งอ่านคอมเม้นท์ที่พูดถึงฉันในทวิตและอินสตาแกรมอย่างดุเดือด
ใช่ คนในโซเชี่ยลต่างกันกำลังด่าฉัน บางคนก็เข้าข้าง แต่ส่วนใหญ่จะซ้ำเติมมากกว่า ยิ่งพวกที่เป็นแอนตี้แฟนฉันอยู่แล้ว ยัยพวกนั้นยิ่งโจมตีฉันหนัก ไม่อยากจะเชื่อจะกลายเป็นข่าวดังขนาดนี้ กับอีแค่รูปที่ฉันไปไหนมาไหนกับรุ่นพี่ที่สนิท นั่นมันตั้งแต่สมัยไหนกันแล้วยะ!!
พูดแล้วก็หัวเสีย คนด่านี่สักแต่ว่าจะด่าลูกเดียว ไม่สนเหตุผลอะไรเลย ชิส์!
“แล้วเราจะเอาไงกันต่อดี?” ยัยพระพายที่เพิ่งวางไอแพดลงถามฉันกับคิรินที่มัวแต่นั่งจ้องหน้ากันอย่างเครียดๆ
“คืนนี้เธอต้องออกมาแก้ข่าวในไอจีและทวิต”
“อะไรนะ” ฉันเบือนหน้าไปทางคิรินทันทีที่ยัยนั่นเปรยขึ้น
“ถ้าปล่อยไปแบบนี้ กระแสจะยิ่งแรงขึ้น”
“แล้วฉันต้องแก้ข่าวยังไง”
“พูดความจริงทั้งหมด ทีนี้ก็อยู่ที่แฟนคลับเธอแล้วว่าพวกเขาจะกล้ากลับมาเชื่อใจแกอีกครั้งรึเปล่า”
“คิริน!”
“ถ้าอยากให้ข่าวเงียบ ก็ต้องทำ” คิรินจ้องหน้าฉันนิ่งด้วยสีหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ อ่านใจยัยนี่ออกยากชะมัด ว่าแต่ฉันควรหาทางออกตามที่เพื่อนรักฉันแนะนำดีมั้ยนะ
“ฉันจะลองดู”
“แล้วช่วงนี้ก็งดเจอเขาไปก่อนนะ ข่าวจะได้ไม่ไปกันใหญ่” คิรินว่าต่อ
“หมายถึงพี่โรมน่ะเหรอ”
“ใช่”
“ก็ได้”
“เรื่องไม่เป็นเรื่อง” คิรินส่ายหน้าอย่างเอือมๆ
“ต้องมีคนรอเล่นงานแกอยู่แน่ๆ ช่วงนี้ระวังตัวด้วยนะเยล” พระพายออกความเห็นต่อจากคิริน ฉันจึงพยักหน้ารับเป็นเชิงเข้าใจ สิ่งที่พระพายพูดน่าจะใช่ มีบางคนกำลังแอบเล่นงานฉันอยู่ แต่จะเป็นใครล่ะ?
ข่าวนี่ก็เหมือนกัน ถ้าไม่ใช่ล่ามเป็นคนปล่อยจะเป็นใคร
“คงไม่มีอะไรหรอก” แต่ฉันไม่อยากให้เพื่อนๆ ต้องมานั่งเป็นห่วงจึงแกล้งบอกปัดๆ ไป ทั้งที่ในใจไม่ได้คิดแบบนั้นเลย
“ก็ขอให้มันจริงเถอะ”
ครืดดดด ครืดดดด
พูดถึงไม่นานคนที่ต้องตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกับฉันก็โทรเข้ามาต่อหน้าต่อตาเพื่อนฉันทั้งสอง ฉันเหลือบไปมองยัยสองคนนั่นก่อนที่จะหยิบมือถือออกมารีบตรงหน้าระเบียง
“ฮัลโหลพี่โรม”
[เป็นไงบ้าง เรื่องข่าว] พี่โรมถามอย่างเป็นห่วง เขารู้เรื่องตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่ฉันมัวแต่ยุ่งๆ เลยไม่มีเวลาได้คุยกัน ก็เพิ่งมีตอนนี้น่ะแหละ พี่เจโรมเองก็คงจะวุ่นๆ ไม่ต่างกัน
“แย่น่ะสิ แต่ฉันไม่ค่อยสนเท่าไหร่ คนเขาก็พูดไปเรื่อยตามประสาพวกชอบเสพข่าวมั่วๆ”
[ไอ้ล่ามบอกว่ามันไม่ได้ทำ] กะแล้วว่าพี่เตโรมต้องไปถามนายนั่น แล้วคนทำที่ไหนจะกล้ายอมรับง่ายๆ กันล่ะ
“เขาพูดงั้นเหรอ”
[อืม พี่ว่าไม่ใช่มันจริงๆ เพราะคนอย่างล่ามกล้าทำกล้ารับ]
“ถ้าไม่ใช่เขา แล้วจะเป็นใครล่ะพี่โรม บางรูปเป็นรูปตั้งแต่สมัยเรายังเรียนกันอยู่เลยนะ”
ที่ฉันสงสัยว่าเป็นล่ามก็เพราะเรื่องนี้แหละ รูปที่หลุดออกไปมันไม่ใช่รูปธรรมดาทั่วไป แถมหายากมาก บางรูปฉันเองยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ แล้วมันจะเป็นคนอื่นได้ยังไงกัน!!
[ช่วงนี้มีเรื่องกับใครบ้าง?]
“นอกจากล่ามก็…ว่าที่คู่หมั้นพี่ไงล่ะ” ฉันนึกไม่ออกแล้วนอกจากสองคนนี้ เพราะฉันก็ไม่ค่อยสุงสิงกับใครจะไปมีเรื่องกับคนอื่นคงไม่ใช่
[เอวาเหรอ?] น้ำเสียงของพี่เจโรมดูเหมือนคิดอะไรออก
“ก็ใช่ไง”
[เธอคิดว่านอกจากล่าม เอวาจะเป็นคนทำ?]
“ไม่รู้สิ ก็ศัตรูฉันก็มีแค่ยัยนี่”
[พี่จะลองสืบดู ขอโทษนะที่ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น]
“อืม ไม่เป็นไร ฉันไม่ได้โดนคนเดียวสักหน่อย”
[ดูแลตัวเองด้วยนะ ไว้ข่าวเงียบแล้วจะไปหา]
“ค่ะ พี่ก็เหมือนกัน”
หลังจากที่คุยกับพี่เจโรมเรียบร้อยฉันก็เดินกลับเข้ามาในห้องเหมือนเดิม ซึ่งพระพายกัยคิรินก็กำลังนั่งรอฉันกันอยู่
“ตายยากจริงๆ พูดถึงก็โทรมาเลย” คิรินออกปากแซะถึงพี่เจโรม ดูท่าเพื่อนฉันจะไม่ค่อยปลื้มเขาเท่าไหร่เลยแฮะ
“เขาโทรมาถามว่าเป็นไงบ้างน่ะ” ฉันว่าพลางทิ้งตัวนั่งลงข้างยัยพระพาย
“อย่าลืมที่บอกว่าอยู่ให้ห่างเขาไปก่อน อยู่ใกล้หมอนั่นมีแต่ปัญหา”
“อื้ม ฉันรู้”
“เดี๋ยวตอนไปถ่ายงาน ต้องมีข่าวบ้าๆ ออกมาอีกแน่ เตรียมใจไว้ให้ดี” จริงด้วย ฉันยังต้องไปถ่ายแบบให้บริษัทของพ่อพี่เจโรมอยู่อีกนี่นา แถมงานนี้มีล่ามเข้ามาเกี่ยวด้วย จะเละเทะมั้ยล่ะเนี่ย
หลายวันต่อมา
ฉันถอนหายใจยาวในขณะที่ขาก็กำลังก้าวเดินอยู่อย่างไร้จุดหมาย วันนี้มีเวลาว่างอยู่บ้างก็เลยออกมาเดินข้างนอกแก้เครียดสักหน่อย เชื่อมั้ยกว่าจะผ่านไปได้แต่ละวันนี้ ชาวเน็ตที่ชอบตามมาแอนตี้ฉันสูบพลังสุดๆ ไปเลย บางคนทักแชทบางคนก็เม้นท์ใต้รูปในไอจี บางคนสมัครแอคใหม่เพื่อมาฟาดฉันโดยเฉพาะ ต้องเจอแต่เรื่องปวดหัวทุกวันจนอยากจะบ้าตาย!
ฉันเดินมาหยุดอยู่ที่ร้านกาแฟเจ้าโปรดในห้างสรรพสินค้าสาขาหนึ่งใกล้คอนโด ร้านนี้ฉันชอบมานั่งกินกาแฟเวลามีเรื่องให้คิด แต่ส่วนมากจะมากับพี่เจโรมน่ะ
“เอาลาเต้ไม่หวานหนึ่งแก้วค่ะ”
“ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ”
“จ้ะ”
“อุ้ย! คุณญดารึเปล่าคะ แต่งตัวจำแทบไม่ได้เลยค่ะ”
“ค่ะ พอดีช่วงนี้ต้องหลบนักข่าวนิดหน่อย ก็ตามข่าวนั่นแหละค่ะ”
“ค่ะ”
“ไม่มีอะไรแล้วเนอะ”
“ค่ะ เชิญนั่งรอก่อนนะคะ”
สอดรู้สอดเห็นกันชะมัดคนสมัยนี้!!
ฉันทิ้งตัวนั่งลงบนโต๊ะว่างแถวๆ นั้นก่อนที่จะเบนสายตาสังเกตไปทั่วๆ บริเวณ แต่แล้วสายตาเจ้ากรรมของฉันกลับตาดีดันเหลือบไปเห็นชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังนั่งอยู่ริมกระจกในร้านเดียวกับฉัน แต่เป็นคนละมุมกับที่ฉันนั่งอยู่
ล่ามกับยัยเอวา!
บังเอิญชะมัด ว่าแต่สองคนนั้นมากินกาแฟกันอย่างเดียวเหรอ โชคดีที่วันนี้ฉันเตรียมตัวมาดีเผื่อว่าจะเจอพวกแอนตี้ประสาทเสีย ก็เลยจัดการใส่แว่นกันแดดกับเสื้อฮูดใส่หมวกคลุมมาด้วย ใครเห็นสภาพฉันตอนนี้ไม่มีทางจำได้แน่นอน!!
สายตาสอดรู้สอดเห็นยังคงเพ่งมองไปยังสองคนนั้นอย่างไม่วางตา เขาคุยอะไรกันทำไมต้องทำหน้าเครียดทั้งคู่เลย ไม่ได้การแล้ว อาจจะเป็นเรื่องของฉันที่สองคนนั้นกำลังวางแผนทำอะไรอยู่ก็ได้ คิดได้ดังนั้นฉันก็แกล้งทำเป็นยืนขึ้นก่อนที่จะทำเนียนเดินไปนั่งโต๊ะข้างหลังโต๊ะของล่าม ซึ่งหลังของฉันจะนั่งชนกับหลังล่ามพอดี
“แบบนี้มันจะดีเหรอล่าม พี่เจโรมจะโอเครึเปล่า” ประโยคแรกที่ได้ยินเป็นเสียงของเอวา ฉันจึงพยายามตั้งใจฟังต่อไป
“ดีสิ อีกหน่อยก็ต้องหมั่นกัน เรื่องแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก เธออยากแพ้ญดารึไง!” นั่นไง มีชื่อฉันในบทสนทนาจริงๆ ด้วย
“แต่ดูเหมือนพี่ชายนายจะสนใจเธอคนนั้นมากๆ เลยนะ หลายวันก่อนฉันแอบเห็นเขาโทรหาญดา ทั้งที่เขาอยู่กับฉันแถมสีหน้าเขาดูเป็นห่วงผู้หญิงคนนั้นมากๆ ด้วย”
วันที่พี่เจโรมโทรมาหาฉันเรื่องข่าววันนั้น เขาอยู่กับเอวางั้นเหรอ!!
“เพราะยัยนั่นมันร้ายไง ชอบให้ท่าเฮีย เชื่อเหอะยังไงเฮียก็เหมาะกับเธอมากกว่ายัยตัวแสบนั่น!”
“ฮั้ดชิ้ว!” อยู่ๆ ฉันก็หลุดจามออกมาอย่างช่วยไม่ได้ จมูกบ้านี่มาฉุนอะไรเวลานี้ก็ไม่รู้ ดูสิ สองคนนั้นถึงกับชะงักและเอวาก็เหลือบมองมาทางนี้ด้วย
“เอ่อ…แต่นายอย่าไปยุ่งกับญดาอีกเลยนะล่าม เธออยากทำอะไรก็ปล่อยไปเถอะ ฉันเองก็เป็นคนนึงที่ชอบพี่เจโรม ฉันเข้าใจความรู้สึกของเธอว่ามันเป็นยังไง”
“เธอก็ดีแต่ห้ามฉัน ต้องรอให้ญดามาทำร้ายเธอก่อนเหรอฉันถึงจะทำอะไรยัยนั่นได้”
“ถึงภายนอกเธอจะดูแรงๆ แต่ภายในใจของผู้หญิงทุกคนย่อมแฝงไปด้วยความอ่อนโยน ญดาก็ด้วย” ยัยนี่มาอ่านใจของฉันได้ยังไง แล้วทำไมเธอถึงพูดราวกับว่าเข้าใจฉันดีนักหนางั้นล่ะ
“ฉันไม่เชื่อ!”
“เปิดใจสิ ถ้าได้รู้จักเธอจริงๆ นายอาจจะมองเธอใหม่ก็ได้นะ”
“ฝันไปเหอะ! ฉันเกลียดยัยนั่น ผู้หญิงอะไรมารยาเยอะชะมัด!”
“ฮั้ดชิ้ว!” เอาอีกแล้วฉัน ดันเผลอจามออกมาอีกแล้ว ไอ้บ้าล่ามก็นินทาฉันไม่เลิกสักที!!
“ขอโทษนะคะ เป็นอะไรรึเปล่า?” ยัยเอวาชะเง้อหน้ามาถามฉันจนฉันถึงกับต้องรีบกระชับหมวกฮูดให้อน่นขึ้นยิ่งกว่าเดิม แต่โชคดีที่นั่งหันหลังคงไม่โดนจับได้แน่ๆ
“อ่อ แพ้อากาศนิดหน่อยน่ะ ไม่เป็นไร” ฉันพยายามบีบเสียงพูดเพื่อไม่ให้มีพิรุธก่อนที่กาแฟจะมาเสิร์ฟพอดี
“ลาเต้ได้แล้วค่ะคุณญดา หากคุณญดาต้องการอะไรเพิ่มสามารถเรียกได้ตลอดเลยนะคะ”
“ญดาเหรอ!!” เวรแล้วไง ยัยนี่ดันเรียกชื่อฉันซะเสียงดังจนทำให้สองคนข้างหลังถึงกับรีบหันขวับมามองฉันอย่างพร้อมกัน
ถูกจับได้ซะแล้ว!!!
“เอ่อ…”
พรึ่บ!
“นี่!!”
“แอบตามฉันกับเอวางั้นสิ มานี่เลยยัยตัวดี!” ล่ามเข้ามาฉุดแขนของฉันต่อหน้าต่อตาเด็กเสิร์ฟและยัยเอวาก่อนที่เขาจะกระตุกแขนลากฉันออกมาโดยที่ไม่สนใจสายตาคนในร้านเลย บ้าจริง!!!
“จะไปไหน ปล่อยฉันนะล่าม!”
“อยากตามนักไม่ใช่เหรอ เธอได้อยู่กับฉันสมใจแน่”
“ไม่ไป!! ปล่อยนะ”
“ครั้งที่แล้วเธอทำฉันไว้แสบมากนะรู้ตัวมั้ย ถึงเวลาต้องชดใช้แล้ว!!!”