“ต้องการเงินสด” จินดาพรรณบอกกลับฉับไว
“ใครจะไปมีเงินสดให้เธอตอนนี้”
จินดาพรรณมองไปยังกล่องกำมะหยี่แล้วมองไปยังลำคอของหญิงสาวข้างกายสามี ปวดแปลบขึ้นที่หัวใจ เมื่อมันเป็นเส้นเดียวกันกับที่เธอนั่งดูตรงโต๊ะอาหาร ก่อนที่จอยจะเข้ามาบอกว่าปริญญ์จะไม่กลับบ้านในคืนนี้
เธอจำได้ว่าเคยทำสร้อยแบบนี้ ลวดลายแบบนี้ให้เขาด้วยมือของเธอเอง ทำให้เป็นของขวัญวันเกิดปริญญ์ ตอนเขาอายุสิบเก้าปี และเป็นของขวัญชิ้นสุดท้าย ก่อนบอกเลิกคบกับเขา
ผู้หญิงของสามีชื่อ ‘เอแคลร์’ เธอรู้มาว่าคบกับปริญญ์ได้เกือบปีแล้ว อยู่ด้วยนานกว่าผู้หญิงคนอื่น ๆ ของเขา และทำท่าจะมัดใจปริญญ์ได้อยู่หมัดอีกด้วย
สร้อยตรงคอของหญิงสาวข้างกายปริญญ์ มองเผิน ๆ ก็รู้ว่าของชิ้นนั้นมีราคา ประเด็นคือมันมีลวดลายและสีสันแบบเดียวกับที่เธอทำให้ปริญญ์
สร้อยที่จินดาพรรณมองอยู่นั่นทำมาจากอัญมณีมีมูลค่า ไม่เหมือนกับที่เธอเคยทำให้เขาในตอนนั้น เธอใช้เพียงลูกปัดพลาสติกราคาถูก หญิงสาวมองนิ่งอยู่อึดใจแล้วถามเสียงเย็นเยียบ
“ชิ้นนี้คอลเล็กชันใหม่เลยนี่ เหยียบห้าล้านได้มั้ง”
“ใช่ค่ะ” เอแคลร์เชิดหน้าตอบอย่างมั่นใจ
“ถอดออกมา” จินดาพรรณสั่งเสียงเย็นชากับผู้หญิงของสามี เอแคลร์จ้องตาตอบแล้วหันไปอ้อนกับปริญญ์ “พี่ปินคะ”
“ถอดออกมา”
จินดาพรรณสั่งจบ ไม่รอช้า ตรงเข้ามาดึงเอาสร้อยตรงคอของหญิงคนนั้นจนขาดติดมือมาด้วย เธอมองไปยังสามีนิ่ง ๆ แววตาแฝงไปด้วยความเสียใจและเจ็บปวด ค่อยหันหลังออกจากห้องนั้นไปแบบเงียบ ๆ
ปริญญ์ดันตัวเอแคลร์ออก เขาลุกตามหลังมาด้วย “เดี๋ยว”
จินดาพรรณไม่ได้หยุดเดินตามคำร้องเรียกของสามี ขาของเธอสั้นกว่าขาของปริญญ์ สิ้นคำว่า ‘เดี๋ยว’ อีกเดี๋ยวเดียวเขาก็เดินตามมาจนทัน ค่อยเบือนหน้าไปถามเขา
“ว่าไงคะคุณสามี”
“เธอหยาบคายกว่าเมื่อก่อนมากเลยนะดา ทำไมไปดึงสร้อยของเอแบบนั้น”
“ปินก็เลวและสถุลกว่าเมื่อก่อนเยอะเลยนะ รู้ตัวไหม ทำไมสร้อยเส้นนี้มันถึงได้เหมือนกับสร้อยที่ดาเคยทำให้”
ปริญญ์มองหญิงสาวที่เคยรัก เคยเป็นรักครั้งแรกด้วยสายตาสะใจ เขาจ้องตานิ่งอีกครู่ ค่อยเอื้อมมือคว้าข้อมือของเธอไว้แน่น บีบจนผิวหนังซีดแทบไร้สีเลือด
และเพราะถูกแรงบีบอัดอย่างรุนแรง จินดาพรรณจึงรู้สึกเจ็บ แต่หญิงสาวบอกตัวเองว่าจะไม่แสดงความเจ็บปวดให้คนตรงหน้าเห็นเป็นอันขาด
“ต้องการอะไร พูดมา” ปริญญ์กระชากเสียงถาม
“หย่ากัน...เราจะได้ไม่ต้องมาทนทรมานกันแบบนี้อีก”
ประโยคหลังจินดาพรรณไม่ได้พูด หล่อนได้แต่คิด ปากหนักเกินกว่าจะพูดแบบนั้นกับเขา
ปริญญ์ยิ้มแล้วยื่นหน้าลงหาเธอ “หย่า เพื่อแบ่งสินสมรส แล้วจะได้หอบเอาเงินไปถลุงกับไอ้ชู้ที่เป็นหมอนั่นหรือไง คิดว่าคนอื่นเขาจะตามเกมไม่ทันสินะ”
“คิดได้แค่นี้เอง” จินดาพรรณออกแรงสะบัดมือตัวเอง ตอบเสียงเยาะหยัน “ไม่สมกับเป็นซีอีโอใหญ่ของเครือเจดีพีเลย”
เธอสบประมาทสามีแล้วหันหลังจะจากไป แต่ปริญญ์เดินตามเข้ามาคว้าข้อมือไว้ แล้วพาตรงไปยังรถของเขาที่จอดตรงหน้าคลับเฮ้าส์แห่งนั้น เขาดันเธอเข้ารถได้ ดันให้เอนลงไปนอนราบที่เบาะหลัง แล้วตามเข้ามาคร่อมทับ ยื่นหน้าลงจะจูบ แต่จินดาพรรณโกรธจนไม่อาจยอมให้เขาทำอะไรก็ได้ตามใจเขา แต่ยิ่งเธอดิ้น เขาก็ยิ่งทำคืนแบบแรง ๆ เธอรู้สึกได้ถึงอาการเจ็บที่ในช่องท้อง เลยต้องนอนนิ่งไม่ขัดขืนเขาอีกต่อไป ปริญญ์ได้ใจ เขาก้มหน้าลงเพื่อจูบ แต่กลับมีเสียงขัดขวางที่นอกรถเสียก่อน
ก๊อก ๆ
“พี่ปินขา พี่ปิน ทำอะไรอยู่คะ”
หญิงสาวที่ชื่อเอแคลร์ยืนเคาะกระจกดำมืดของรถปริญญ์ แล้วเรียกเขาไม่หยุด จินดาพรรณถึงได้โอกาสไล่เขาในตอนนั้น
“ถ้าเสี้ยนนัก ก็ไปเอากับเด็กของปินเถอะ”
“แก่แล้วหรือไง ถึงได้ไล่ผัวให้ไปเอาคนอื่น”
“ปกติก็เอาคนอื่นเป็นประจำอยู่แล้วนี่ ปินเองก็แก่แล้วนะ แล้วก็หง่อมแล้วเหมือนกัน เด็กนั่นยังทนเอาได้อีก ถึงว่ามีเงิน อะไร ๆ ก็ได้หมดนั่นแหละ นี่ดาแค่ได้กลิ่นตัว ก็แทบจะอ้วกอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าเด็กนั่นทนเอาผู้ชายแก่ ๆ แบบนี้ได้ยังไง”
จินดาพรรณบอกเหยียดหยามเขาจนจบ ผลักเขาให้ออกห่าง ก่อนจะเปิดประตูรถของเขาออกไป แล้วเดินขาสั่นกลับไปขึ้นรถของตัวเอง มองข้อมือที่ห้อเลือดเพราะแรงบีบของปริญญ์แล้วได้แต่ถอนใจ พรุ่งนี้คงต้องพรางรอยพวกนั้นด้วยเครื่องสำอางอีกแล้วสินะ
คนขับรถมองผ่านกระจกมองหลังแล้วได้แต่พึมพำเบา ๆ
“เมื่อไรพี่จะบอกคุณปินเรื่องเงินสักทีล่ะครับ”
“ทำไมพี่จะต้องบอกเขาด้วย แค่เขาไม่มีอคติ แล้วมองพี่ในแง่ดี เขาก็จะเห็นเองว่าพี่ใช้เงินทั้งหมดนั่นไปกับอะไร”