กสิณสบถอย่างหัวเสียเมื่อเจอตำรวจนอกเครื่องแบบที่จำได้ว่าคือร้อยตำรวจโทนนทพัทธ์ เขาไม่คิดจริงๆ ว่าพรรคพวกของจักรธนจะตามกลิ่นเขามาจนถึงชุมพรเร็วขนาดนี้
นนทพัทธ์หันมาเห็นเขาพอดีในขณะที่สอบถามอะไรสักอย่างจากแม่ค้าในตลาดสด และแม้กสิณจะปลอมตัวเป็นขอทานแก่ แต่นายตำรวจหนุ่มคนนั้นก็เขม้นมองมาด้วยสายตาคมกริบเสียจนกสิณประสาทเสีย และตัดสินใจออกวิ่งก่อนจะถูกจับยัดเข้าตะราง!
เขาใช้ความชำนาญเส้นทางมากกว่าหนีมาจนได้ แต่กสิณก็เจอคนของจักรธนมาดักรอถึงหน้าบ้านพัก! หนุ่มใหญ่ในชุดขาดวิ่นสกปรกกัดฟันกรอดอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ที่ซ่อนตัว เขาตัดสินใจทิ้งทุกอย่างในบ้านแล้วหันเดินไปยังทิศที่ตั้งที่จำได้ว่ามีวัดเล็กๆ ตั้งอยู่
ตำรวจพวกนั้นกับคนของจักรธนคงไม่ตามหาเขาถึงในป่าช้าหรอกมั้ง!
กสิณแตะปืนพกที่เอวให้มั่นใจว่ามีอาวุธประจำกายพร้อมต่อสู้ และตั้งใจไว้ว่าหากความมืดมาเยือนเมื่อไรจะออกไปปล้นนักท่องเที่ยวหาเงินหนีลงใต้ไปให้ไกลกว่านี้อีก เขาแตะลงไปยังโทรศัพท์มือถือที่ยังคงพกติดตัวไว้แต่ปิดเครื่องไม่ให้ใครติดต่อได้
นึกอยากโยนมันทิ้งไปเพราะคนที่เขาคิดจะติดต่อก็มีแค่กชนิภาคนเดียว และยัยเด็กนั่นก็อยู่ในกำมือของจักรธนแล้วด้วย ทั้งที่เขาคิดจะให้กชนิภาช่วยติดต่อกับเสี่ยสิงห์เพื่อขอความช่วยเหลือให้เขา ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเสี่ยสิงห์รู้ว่าเขามีลูกสาวสวยและจ้องตาเป็นมันมาแต่ไหนแต่ไร
หากส่งกชนิภาไปหาไอ้เสี่ยแก่ตัณหากลับนั่น เขาอาจมีทางรอดขึ้นมาด้วยความเสียสละของลูกสาวคนสวยของเขาก็ได้
ไม่ใช่ถูกทั้งตำรวจทั้งจักรธนตามล่า และเสี่ยสิงห์เองก็ส่งคนมาตามฆ่าปิดปากเขาแบบนี้ กลายเป็นเขาต้องหนีหัวซุกหัวซุนเหมือนหมาจนตรอกที่ต้องสู้ยิบตาเพียงลำพัง ไม่ว่าจะถูกฆ่าตายหรือถูกจับติดคุกเขาก็ไม่อยากได้ทั้งนั้น
มันต้องมีทางสิ... ทางที่จะทำให้เขารอด!
กสิณใช้เวลาครุ่นคิดหลายชั่วโมงขณะหลบทั้งตำรวจและคนของจักรธนอยู่ในป่าละเมาะของป่าช้าท้ายวัด คนของจักรธนหูตาอย่างกับสัปปะรด นายตำรวจหนุ่มคนนั้นเท่าที่เขารู้จักก็ร้ายพอตัว
สามปีที่ผ่านมานนทพัทธ์อาจเป็นคนแรกที่สงสัยและจับตามองเขาอยู่ตลอด แต่เพราะจักรธนไว้ใจกสิณมาก และนนทพัทธ์ก็ฉลาดพอที่จะเก็บความสงสัยไว้เงียบๆ แต่ค่อยๆ สืบเสาะทีละน้อย กระทั่งกสิณถูกจักรธนจับได้ทั้งหลักฐานคามือ มัดตัวเขาแน่นจนดิ้นไม่หลุดแบบนี้!
แบบนี้ไม่ดีแน่ อีกไม่นานเขาคงถูกจับ หรือไม่ก็ถูกเก็บจากคนของจักรธนไม่ก็เสี่ยสิงห์
ทางเสี่ยสิงห์ในตอนนี้เขาไม่เห็นโอกาสจะต่อรองอะไรได้เลย
แต่จักรธน... เขาเห็นมาตั้งแต่เพิ่งเรียนจบปริญญาโท ถึงสามปีหลังมานี้จักรธนจะเปลี่ยนจากเด็กหนุ่มง่ายๆ สบายๆ กลายเป็นชายหนุ่มเฉียบขาดดุดันและตามติดเสี่ยสิงห์ทันแทบทุกย่างก้าวจนเขาเองยังผวากับชนักที่ติดหลัง แต่ก็ยังประมาทกับความไว้วางใจที่จักรธนมอบให้ นี่หากไม่มีเขาเป็น ‘สาย’ เสี่ยสิงห์อาจถูกจับไปตั้งแต่ครึ่งปีแรกที่จักรธนกับตำรวจร่วมมือกันแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ กสิณพอจะมองออกว่าจักรธนไม่ใช่คนเลว... อย่างน้อยก็ไม่เลวเท่าเสี่ยสิงห์แล้วกัน!
กชนิภาเองก็อยู่กับจักรธน หนุ่มสาวใกล้ชิดกันขนาดนั้น... เขาอาจใช้ความสาวความสวยของลูกสาวเขาต่อรองอะไรบางอย่างจากจักรธนได้โดยไม่ต้องเข้าคุกหรือถูกฆ่าตายในเร็ววันนี้ก็ได้
กสิณยิ้มเหี้ยมเมื่อเห็นแสงตรงปลายอุโมงค์ลอดผ่านเข้ามาในหัวใจที่มืดมน จักรธนจะคิดอย่างไรก็ช่าง แต่เขาเลี้ยงกชนิภามาตั้งยี่สิบกว่าปี หมดเงินไปไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ก็ไม่เห็นแปลกอะไรหากจะขอให้ลูกสาวจะตอบแทนบุญคุณของเขาตั้งแต่ตอนนี้!
นับตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลกลับมาพักฟื้นที่บ้าน รมัยก็รู้สึกเหมือนบ้านหลังใหญ่ที่คุ้นเคยนี้กว้างขวางขึ้นกว่าเก่าจนน่าใจหาย ส่วนหนึ่งอาจเพราะไม่ได้เห็นเจลกาวิ่งไปวิ่งมาหรือส่งเสียงดังแจ้วๆ อย่างเคย
นอกจากเจ้าตัวจะหายไป ก็ยังไม่เคยโทรศัพท์กลับมาสักครั้ง เลยด้วย แต่รมัยก็เข้าใจว่าบนภูเขาอาจไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ และไม่ใช่ครั้งแรกที่เจลกาหายไปปุบปับแบบนี้
แต่ความเป็นย่าก็ทำให้อดห่วงใยและคิดถึงหลานสาวตัวดีไม่ได้
อีกอย่างจักรธนเองก็ดูเหมือนจะงานยุ่งอยู่ตลอด พอกลับจากทำงานก็มาอยู่ดูแลนางแค่ประเดี๋ยวประด๋าวแล้วกลับขึ้นไปขลุกอยู่แต่ในห้องนอนจนรมัยแทบอยากเปิดไปดูให้รู้ว่าหลานชายแอบซุกซ่อนผู้หญิงสาวๆ ไว้ในนั้นหรือเปล่า
แต่เพราะจักรธนไม่เคยเกเรเรื่องผู้หญิงมาก่อน อย่างน้อยก็ไม่พาเข้าบ้านละนะ...
รมัยจึงตัดความคิดนี้ออกไปตั้งแต่ยังไม่ทันคิดจบเลยด้วยซ้ำ
“ออ” นางเอ่ยเรียกสาวใช้คนสนิทที่ดูเหมือนจิตใจจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัว “ลออ! เป็นอะไรกันไปหมดนะคนบ้านนี้ ใจลอยไปถึงไหนน่ะ มาพยุงฉันที”
ลออหลุดจากภวังค์ รีบลุกมาพยุงแขนเหี่ยวย่นของผู้เป็นนาย ขณะเงยหน้าถามอย่างนอบน้อม
“คุณมัยจะให้อิฉันพาไปไหนหรือคะ”
“ห้องเจ้าจักร ไม่รู้หมู่นี้เขาเป็นอะไร ขลุกอยู่แต่ในห้อง ฉันอยากไปดูหน่อยว่าซ่อนหมาซ่อนแมวเอาไว้รึเปล่า หรือซ่อนสาวๆ ไว้”
เอ่ยออกมาตามคำสันนิษฐานที่แม้แต่ตัวเองก็ยังคิดว่าไร้สาระอย่างอารมณ์ดี แต่ลออกลับเบิกตากว้าง ก่อนหลุบตาลงมองพื้นอย่างมีพิรุธ
อาจโชคดีที่รมัยหันมองบันไดพอดีจึงไม่เห็นอากัปกิริยานั้น...
“อิฉันไปตามคุณจักร มาพบคุณมัยจะสะดวกกว่านะคะ อีกสักครู่คุณมาลีคงอาบน้ำเสร็จ ให้คุณพยาบาลอยู่ดูแลคุณมัย แล้วอิฉัน จะ...”
“ไม่เอาๆ” รมัยโบกมือไปมา สีหน้าหน่ายเซ็งกับการต้องรอให้ คนนั้นคนนี้เป็นฝ่ายเข้าหาตนเต็มที “ฉันอยากเดินเยอะๆ จะได้แข็งแรงอย่างที่แม่มาลีบอกไงเล่า นั่งแกร่วอยู่แบบนี้ฉันเบื่อ หล่อนไม่ต้องออกความเห็น ฉันสั่งให้ทำอะไรก็ทำ ไป! พาฉันขึ้นบันไดซิ ส่งฉันเสร็จแล้วก็ลงมาบอกแม่มาลีด้วยว่าฉันอยู่ห้องพ่อจักร”