กชนิภาสั่นเทาไปทั้งร่างจนเขา ‘เกือบ’ จะสงสารแล้ว แต่อาจเพราะดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้นที่ดูเหมือนจะถอดแบบพ่อของเธอที่เขาเกลียดแสนเกลียดมานั่น ก็ทำให้จักรธนปัดความคิดโง่ๆ นั้นออกไป
เขาไม่เชื่อหรอกว่าแม่นี่จะซื่อใสบริสุทธิ์ได้อย่างที่เธอพยายามแสดงออก
เลือดชั่วของพ่อที่ไหลเวียนอยู่ในตัวของยัยเด็กนี่ไม่มีทางสะอาดใสเหมือนเพชรเจียระไนไปได้หรอก สายเลือดสกปรก... ไม่ว่าจะอยู่ในร่างชายวัยกลางคนอย่างกสิณหรือในร่างงามสมส่วนของลูกสาวมัน อย่างไรก็สกปรกอยู่ดี!
“อย่า...” เสียงนั้นหายไปในลำคอปนกับอาการสะอื้น “อย่าทำอะไรฉันนะ ปล่อยฉันไปเถอะ”
ปล่อยให้โง่สิ!!!
ชายหนุ่มสบถในใจแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมาให้เธอขวัญหนีดีฝ่อไปมากกว่านี้ เขาตั้งใจใช้ตัวเธอเป็นเหยื่อล่อให้กสิณออกมามอบตัวและรับความชั่วที่ก่อ จักรธนมั่นใจว่ากสิณต้องติดต่อลูกสาวของมันแน่
คนของเขาที่สั่งให้เฝ้ารอโทรศัพท์อยู่ในบ้านหลังนั้นจะแจ้งข่าวดีนี้แก่กสิณเอง...
ข่าวดีที่ว่าลูกสาวคนเดียวของมันอยู่ในกำมือของเขาแล้ว!
หมามันยังรักลูกของมัน ต่อให้กสิณชั่วช้าสามานย์แค่ไหนมันก็คงไม่ปล่อยให้ชีวิตของลูกสาวสุดที่รักตกอยู่ในกำมือศัตรูได้นานนักหรอก
จักรธนขมวดคิ้วแทบเป็นปมเมื่อเห็นว่าจู่ๆ กชนิภาก็สะดุ้งสุดตัวทั้งที่เขายังยืนเฉยไม่ได้คุกคามเธอมากไปกว่านั้น หญิงสาวพยายาม ถัดกายชิดกำแพงหัวเตียงและเอียงสะโพกด้านขวาเข้ากับกำแพงอย่างมีพิรุธ นั่นทำให้ร่างสูงใหญ่ก้าวพรวดเดียวถึงตัวเธอ
กชนิภาร้องกรี๊ด ยกมือขึ้นผลักเขาตัวสั่นงันงกในขณะที่จักรธนจับข้อเท้าขาวนวลไว้
เขากระชากทีเดียวจนเธอเสียหลักไถลกายลงมาตามแรงฉุด เพียงชั่วครู่นักศึกษาสาวร่างเล็กก็ถูกตรึงกายไว้บนฟูกนอนอย่างแน่นหนา ชายหนุ่มไม่สนใจเสียงร้องห้ามปนเสียงสะอื้นของคนใต้ร่าง เขาจับข้อมือที่ถูกมัดด้วยเนคไทนั้นยกขึ้นมัดผูกไว้กับหัวเตียง ก่อนเลื่อนลูบเปะปะไปตามเนื้อตัวนุ่มละไมเพื่อค้นหาอะไรบางอย่างที่เขาเชื่อว่าเธอจงใจซ่อนมันเอาไว้
กระทั่งพบโทรศัพท์มือถือที่เปิดสั่นอยู่กับกระเป๋าสตางค์ซึ่งถูกเก็บไว้ในถุงพลาสติกหลายชั้นแน่นหนาจนแทบไม่มีปัญหากับการตากฝนในกระเป๋ากระโปรง
แม้ผิวกายอ่อนนุ่มหอมกรุ่นจะเหมือนติดตรึงอยู่กับฝ่ามือและปลายจมูกขณะโน้มลงไปใกล้นวลเนื้อสาวจนไอร้อนไหลหลั่งไปกระจุกตัวอยู่กลางกายตามสัญชาติญาณของวัยหนุ่ม แต่จักรธนพยายามปัดมันออก ไม่ใช่เวลาที่เขาจะมานึกพิศวาสลูกสาวของศัตรู แม้เป็นเพียงอาการทางกายที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติก็ตาม
โดยเฉพาะในขณะที่คุณย่าและน้องสาวของเขาถูกหามส่งโรงพยาบาลด้วยอาการโคม่าทั้งคู่ สาเหตุเพราะความเลวทรามของผู้ให้กำเนิดของผู้หญิงสวยแต่รูปคนนี้!
สายเรียกเข้านั้นดับไปแล้วเมื่อจักรธนล้วงเอาโทรศัพท์มือถือราคาแพงออกมาจากถุงพลาสติก เมื่อกดดูชื่อมิสคอลที่ปรากฎชายหนุ่มก็ยิ้มเหี้ยม
‘พ่อ’
โทรศัพท์ในมือเขาสั่นอีกครั้ง พร้อมกับคำเดิมสั้นๆ ปรากฏที่หน้าจอพร้อมกับภาพถ่ายของกชนิภากับกสิณที่กำลังกอดกันยิ้มกว้างอย่างรักใคร่ จักรธนแค่นยิ้มเหยียดๆ ก่อนกดรับสายและยกโทรศัพท์นั้นขึ้นแนบหูและกรอกเสียงลงไปเย็นยะเยียบ
“ไงครับ คุณอา”
ปลายสายชะงักงันไปครู่ใหญ่ ก่อนเอ่ยตอบมาเสียงสั่น
“คุณอยู่กับบัว? ลูก... ลูกสาวผม”
“ใช่” เขายิ้มหยันให้หญิงสาวที่พยายามดึงข้อมือออกจากพันธนาการทั้งน้ำตานอง เธอกัดริมฝีปาก กลั้นเสียงสะอื้น ก่อนปิดเปลือกตาลงอย่างยอมแพ้พ่าย “ผมจะบอกอะไรคุณอาไว้อย่าง”
จักรธนก้าวลงไปนั่งข้างเตียงอย่างใจเย็น ขณะเลื่อนฝ่ามือไปตามเรียวขาเนียนนุ่มและเลื่อนขึ้นไปถึงขาอ่อนใต้กระโปรงจนกชนิภาหวีดร้องลั่นด้วยความตกใจกลัว
“อย่านะ พ่อ! พ่อ! ช่วยบัวด้วย ช่วยบัวด้วย...”
เธอสะอื้นกระซิก สมตามความตั้งใจของเขาที่อยากให้ปลายสายได้ยิน
“ก็อย่างที่คุณอาน่าจะเดาได้ พวกเราไม่ได้อยู่กับตำรวจ แต่อยู่กันตาม ‘ลำพัง!’ ” เขาเน้นคำสุดท้ายอย่างสาแก่ใจที่อีกฝ่ายอึ้งไป “ผม ไม่รับประกันหรอกนะว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับลูกสาวคนสวยของคุณอา... ผมเองก็ผู้ชายธรรมดา และลูกสาวคุณอาก็ทั้งสาวทั้งสวยขนาดนี้...”
“คุณต้องการอะไร” กสิณเอ่ยเสียงเครียด “พูดมาเลยดีกว่า”
“กลับมามอบตัว! มารับกรรมที่คุณก่อกับคุณย่ากับยัยต่าย ถ้าไม่อยากให้ลูกสาวคุณต้องชดใช้แทนอย่างที่คุณอาคงพอจะเดาออกว่าเธอจะเจออะไรบ้าง!”
เสียงกลืนน้ำลายฝืดๆ ลงคอดังมาจากปลายสายชัดเจน ขณะที่กชนิภาหอบหายใจรวยริน เธอพยายามขยับตัวหนีมือเขาอย่างรังเกียจ นั่นทำให้จักรธนรำคาญและเดือดดาล เขากระชากอกเสื้อเธอจนขาดแควกติดมือ กระดุมติดตรามหาวิทยาลัยขาดกระเด็นลงสู่พื้นเบื้องล่าง พร้อมเสียงร้องกรี๊ดดังลั่นของกชนิภาที่เขามั่นใจว่าปลายสายจะได้ยินชัดเจน
มีเสียงอะไรบางอย่างลอดออกมาจากปากของกสิณคล้ายคำว่า ‘อย่า’ หากแต่ไม่เต็มเสียงนักและเงียบไปอีก และจักรธนเองก็พร้อมจะรอจนกว่าจะได้รับคำตอบที่พอใจ
เขาก้าวขึ้นไปคร่อมร่างอวบอิ่มของหญิงสาวผู้โชคร้ายที่บังเอิญมีพ่อเลวๆ ชื่อกสิณ! ก่อนกดเปิดลำโพงโทรศัพท์และวางไว้บนโต๊ะหัวเตียง
ชายหนุ่มหันกลับมามองสบตาหวาดกลัวจนแทบสิ้นสติของหญิงสาวใต้ร่าง เลื่อนลงไปถึงเนินเนื้อหนั่นนุ่มที่สะท้อนขึ้นลงเบียดบราเซียสีนวลกับอกเสื้อขาดวิ่น เขาหวังให้เธอร้องขอความช่วยเหลือจากบิดา แต่กชนิภากลับกัดริมฝีปากแน่น เธอหลับตาปี๋ หันหน้าหนีเมื่อเขาโน้มลงไปใกล้
“ร้องสิ” เขากระซิบข้างใบหู ก่อนจรดริมฝีปากลงไปที่แก้มนวลหอมกรุ่น “ร้องให้พ่อเธอช่วยสิ แล้วฉันจะปล่อยเธอไป”
หญิงสาวสั่นศีรษะ กลั้นลมหายใจและพยายามเอนหนีเต็มที่ เหมือนรู้ทันเขาแล้วว่าตนเองเป็นหมากที่จะทำให้บิดาเสียท่า
จักรธนยิ้มเยาะ
อยากรู้เหมือนกันว่าผู้หญิงคนนี้จะทนไปได้สักกี่น้ำ