สายฝนที่โปรยปรายลงมาอย่างหนักทำให้ร่างเล็กบอบบางในชุดนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังของรัฐบาลต้องเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นและยกมือขึ้นป้องกันสายฝนที่สาดซัดใบหน้าเนียนใส กชนิภาหนีบตำราเรียนไว้กับแขนแน่นขณะไขประตูรั้วไม้ระแนงสีขาว เธอใช้เวลาแค่เดี๋ยวเดียวก็ก้าวเข้าประตูบ้านไม้สักและปิดประตูลงล็อคตามหลังพร้อมเสียงฟ้าฝนโหมกระหน่ำครืนๆ
ลมหายใจอ่อนบางถูกพ่นออกมาจากเรียวปากซีดเซียวด้วยอากาศเย็นจัด หญิงสาววางตำราเรียนเปียกโชกไว้บนโต๊ะไม้เล็กๆ ข้างประตู ก่อนถอดรองเท้าคัชชูและเดินดิ่งเข้าไปในบ้านหมายจะอาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สบายตัว เธอไม่ได้เตรียมการจะเจอกับฝนตกกระหน่ำเหมือนพายุเข้าในเดือนมีนาคมแบบนี้ แต่อาจโชคดีที่เธอสอบเกือบครบทุกวิชาแล้วจึงไม่ต้องใช้ตำราที่เปียกซ่กนั่นอีก
เหลือสอบพรุ่งนี้อีกแค่วันเดียวเธอจะปลดแอกจากการเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย และมีโอกาสได้ใช้วิชาความรู้จากการทำงานในบริษัทที่เธอไปฝึกงาน และทางนั้นอนุมัติให้เธอเข้าทำงานได้ทันทีที่พร้อม หลังเรียนจบปริญญาตรี
อันที่จริงวันนี้เธอสอบเสร็จตั้งแต่บ่ายสองโมงแล้ว แต่หญิงสาวรับปากว่าจะไปช่วยเพื่อนเลือกซื้อของขวัญวันเกิดให้คนรัก แม้ว่าจะใช้เวลานาน และทำให้เธอต้องลุยฝนหลงฤดูกลับมาบ้านตอนเย็นย่ำ กชนิภาก็ยังรู้สึกชุ่มชื่นในหัวใจเมื่อคิดถึงรอยยิ้มอย่างมีความสุขของเพื่อนสาวตอนเลือกของขวัญถูกใจ
หญิงสาวเดินไปพลาง ปลดกระดุมเสื้อไปพลางอย่างรีบร้อนอยากถอดชุดนักศึกษาเปียกๆ ออกใจจะขาด แต่เมื่อเดินผ่านห้องรับแขกกำลังจะถึงบันได ร่างนั้นก็แทบสะดุดเท้าตัวเองและใช้สองมือขยุ้มอกเสื้อให้แนบชิดกันแทบไม่ทัน
กชนิภารู้สึกหัวใจหล่นวาบหายจากอกเมื่อร่างสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งก้าวพรวดลงมาจากกำแพงบังตาของบันไดและขวางทางเธอไว้กะทันหัน!
ทั่วทั้งห้องนิ่งงันด้วยความเงียบสงัด เหลือเพียงเสียงฝนพรำ... กชนิภายืนนิ่งราวถูกสาป นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนที่เบิกกว้างอย่างตื่นตะลึงสะท้อนภาพชายหนุ่มหล่อเหลาในชุดสูทอาร์มานี่สีดำสนิทเช่นเดียวกับสีนัยน์ตาเขา
นัยน์ตาคมกริบที่เขม้นมองมาอย่างโกรธจัดราวกับได้เจอศัตรูคู่อาฆาตที่ตามหามาทั้งชีวิต
แต่... ให้ตายเถอะ
เธอมั่นใจว่าไม่รู้จักผู้ชายคนนี้แน่!
“คุณ...!!!”
เสียงร้องถามหายวูบลงไปในลำคอเมื่อฝ่ามือหนาคว้าหมับเข้าที่ข้อมือก่อนกระชากอย่างแรงจนมือเธอหลุดจากอกเสื้อ กชนิภากำมือที่เหลือกับเนื้อผ้าไว้แน่นหนา ความหวาดกลัวคืบคลานเข้ามาประหนึ่งมีนิ้วมือเล็กๆ ไต่อยู่ข้างในเสื้อนักศึกษา เธอยืนตัวแข็งทื่อ หัวใจแทบ หยุดเต้นเอาดื้อๆ
“ไอ้กสิณอยู่ที่ไหน”
เขาถาม เสียงเย็นยะเยียบยิ่งกว่าคมมีดอาบน้ำแข็ง ในขณะที่ กชนิภาสะอึกอึ้งนิ่งงันด้วยอาการเหมือนสมองหยุดสั่งการไปชั่วขณะ
กสิณ...
พ่อ...
เขามาถามหาพ่อเธอทำไมกัน...
แต่นอกเหนือจากนั้นทำไมเขาไม่โทรมาหรือมาเคาะประตูบ้าน แทนที่จะบุกเข้ามาในบ้านเธออย่างอุกอาจเช่นนี้ล่ะ!
“คุณเป็นใคร เข้ามาในบ้านฉันได้ยังไง” เธอร้องถามเสียงแหบโหย ก่อนพยายามสะบัดมือออกจากการจับกุมแต่ก็หาได้มีผลไม่ “ปล่อยฉันนะ ไม่งั้นฉันจะแจ้งตำรวจ!”
ไม่ทันขาดคำ ชายในชุดเครื่องแบบสีกากีคนหนึ่งและชายในชุดสูทอีกหลายคนก็กรูกันลงมาจากชั้นสองของตัวบ้าน กชนิภาอ้าปากค้าง มองชายแปลกหน้ากับตำรวจสลับกัน หากแต่เมื่อกำลังจะร้องขอความช่วยเหลือ ตำรวจหนุ่มก็ก้าวเข้ามาเอ่ยเสียงเครียดโดยแทบไม่มองมาทางเธอ
“หาทั่วแล้วไม่เจอเลยครับ ห้องเรียบร้อยดี เสื้อผ้ายังมีเต็มตู้ มันคงหนีไปแล้ว ไม่ได้กลับมาเอาของ” รายงานจบ นายตำรวจหนุ่มก็หันมามองเธอ เขาเลื่อนสายตาลงยังข้อมือบอบบางที่ถูกจับกุมอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเลื่อนกลับมามองหน้า แล้วยืนเท้าชิดยกมือขึ้นแตะหมวกทำความเคารพลวกๆ
“คุณกชนิภาใช่ไหมครับ เราคงต้องขอเชิญคุณไปโรงพักเพื่อสอบปากคำเกี่ยวกับคุณพ่อของคุณ กรุณาให้ความร่วมมือกับเราด้วย”
กชนิภามองตอบชายในชุดเครื่องแบบที่เธอคิดว่าเป็นที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียวของตนท่ามกลางชายในชุดสูทตัวโตหลายต่อหลายคนที่รายล้อมอย่างมึนงงสุดจะกล่าว เธอปะติดปะต่อเรื่องราวได้แค่ว่าคนพวกนี้บุกเข้ามาในบ้านเธอ พวกเขาค้นบ้านของเธอ หาตัวพ่อเธอ
โดยไม่ขออนุญาตเลยสักคำ!
“หมายค้นล่ะ” เธอร้องขอทั้งๆ ปากคอสั่นด้วยความหนาวและกลัว หากแต่ความกล้าหาญอันน้อยนิดที่พลุ่งขึ้นมาในอกก็ทำให้เธอร้องถามออกไปด้วยโทนเสียงสั่นพร่า “คุณเป็นตำรวจจริงรึเปล่า ทำไมแอบเข้าบ้านคนอื่นโดยไม่ขออนุญาต แล้วถ้าคุณเป็นตำรวจจริงช่วยบอกคุณคนนี้ให้ปล่อยมือฉันซะทีได้มั้ย ไม่งั้นฉัน... ฉันจะ... จะฟ้องพวกคุณกลับนะ ปล่อยฉันสิ”
นายตำรวจหนุ่มทำหน้ายุ่ง เขาหันมองชายหนุ่มที่กุมมือเธอไว้อย่างลำบากใจ
“คุณจักร” เขาเอ่ยเรียกเสียงไม่มั่นคงนัก “ปล่อยเธอเถอะครับ เราใช้กฎหมายจัดการดีกว่า”
กชนิภาละสายตาจากตำรวจไปยังเจ้าของมือแกร่งเหมือนเหล็กที่ยิ่งบีบข้อมือเธอแน่นขึ้นจนหญิงสาวร้องอุทานด้วยความเจ็บ เขามองเธอด้วยดวงตาแข็งกร้าว หากทว่าปนกับอาการครุ่นคิดครู่หนึ่ง จึงละมือจากข้อมือนุ่ม นั่นทำให้เธอพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งใจ
หากแต่เพียงครู่เดียวเท่านั้น เขาก็ก้าวพรวดมาหาก่อนยกร่างเธอขึ้นพาดบ่า!
“ผมไม่เชื่อคุณอีกแล้ว” เขาหันไปบอกตำรวจขณะที่หญิงสาวยังสะอึกอึ้งตกใจและไม่ทันดิ้นรน “อย่ามายุ่งกับเรื่องนี้ คุณมีหน้าที่หาตัวไอ้กสิณก็หามันให้เจอให้เร็วที่สุด ไม่ใช่เพราะผมเชื่อคุณหรอกเหรอ คุณย่ากับยัยต่ายถึงตกอยู่ในสภาพแบบนั้นน่ะคุณนนท์!”
กชนิภาอ้าปากจะร้องขอความช่วยเหลือ หากแต่ร่างใหญ่หนาหันกลับไปข้างหลังอีกครั้งจนเธอตาลายและมึนงง ก่อนยินเสียงเขาตะโกนสั่งลูกน้องอย่างทรงอำนาจท่ามกลางเสียงฟ้าคำรามลั่น
“ออกไปเปิดรถ กลับบ้าน!!!”