Chapter 3
ความลับ (2)
ศรุตมองแผ่นหลังกว้าง เขาพยักหน้ารับรู้แม้เจ้านายจะยืนหันหลังให้...เรื่องผู้หญิงคนนั้น เขาคิดว่าน่าจะใช่
"เธอบอกว่าถ้าคุณไม่ยอมไปพบตามที่ร้องขอ เธอก็ไม่รับรองว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น"
"ปกติฉันไม่เคยเก็บตัวปัญหาไว้เป็นหอกข้างแคร่นานขนาดนี้ อยากได้อะไรฉันก็ให้ แต่ตอนนี้รู้สึกว่าชักจะท้าทายกันเกินไปแล้ว"
ภูดิศบดกรามจนเป็นสันนูน สิ่งหนึ่งที่เขาเกลียดนั่นก็คือ คนที่ไม่รู้จักพอ ได้คืบจะเอาศอกโดยไม่ประมาณตน
คนเหล่านั้นคงไม่รู้ว่ากำลังเล่นกับอะไรอยู่ เพราะตัวตนที่แท้จริงของเขา...เขาไม่ได้ใจดีอย่างที่คิด หากเขาหมดความอดทนเมื่อไหร่ เมื่อนั้นก็จะพังกันหมดทุกฝ่ายแน่นอน และมีแต่คนบ้าที่กล้าทำแบบนี้ กล้าที่จะท้าทายเขา
"แล้วนายคิดว่า ฉันควรทำอย่างไร"
"เล่นตามน้ำไปก่อนครับ"
"ด้วยการยอมไปพบเธอ"
"ผมไม่อยากให้สิ่งที่คุณสร้างขึ้นมาพังลงเพราะฝีมือคนพวกนั้น ผมรู้...คุณเองก็ไม่อยากเสียเธอไป"
สายตาของศรุตมองผ่านม่านกระจกใสโฟกัสไปยัง ภริตา หล่อนเดินไปคุยอะไรบางอย่างกับคนสวน
ภูดิศมองตาม เห็นภริตายื่นอะไรบางอย่างที่มองดูคล้ายถุงขนมให้คนสวน...เขาไม่ค่อยพอใจนัก หล่อนมีน้ำใจเรี่ยราดแบบนี้ เหตุเพราะคนสวนนั้นยังหนุ่มยังแน่น อายุอานามไม่ห่างจากเขาเท่าไหร่นัก
เอื้อเฟื้อนักมักเป็นภัย เขาเคยสอนหล่อนอยู่บ่อย ๆ แต่หล่อนก็ไม่เชื่อฟังในสิ่งที่เขาเตือนเลย
ผู้ชายบางคนหลงตัวเองได้อย่างน่าทึ่ง บางที...การที่ผู้หญิงคุยด้วย คนแบบนี้มักจะจินตนาการไปไกล คิดว่าหล่อนมีใจชอบพอ และเมื่อผิดหวังจากความรัก มันอาจตามมาซึ่งโศกนาฏกรรม เขาเชื่อเช่นนั้น เพราะโลกสอนให้เขามองเห็นความโหดร้ายที่ซ่อนอยู่ เหตุนี้เขาจึงหวงภริตายิ่งกว่าจงอางหวงไข่ พยายามกีดกันหล่อนออกจากผู้ชายทุกคน
++++
ริมคลองอัมพวาที่แยกสาขามาจากแม่น้ำแม่กลอง ใต้ร่มเงาไม้น้อยใหญ่บนที่ดินติดลำน้ำคือสิ่งปลูกสร้างที่เปิดเป็นรีสอร์ทไว้รองรับนักท่องเที่ยว...ปานสุรารัย...คือชื่อเสียงเรียงนามที่เริ่มเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว ด้วยทำเลที่ไม่ไกลจากตลาดน้ำและติดลำคลอง มีต้นลำพูปลูกอยู่ริมตลิ่ง ชนิดไม่ต้องนั่งเรือไปเที่ยวชมก็มีหิ่งห้อยให้ได้เห็นพอให้ตื่นตาตื่นใจ
ที่โต๊ะไม้ชายคลองในวันที่รีสอร์ทปิดปรับปรุง...เสียงสนทนากันดังเบาๆ ในช่วงหัวค่ำ ฟังดูเคร่งเครียดมากกว่าการพูดคุยกันในวันผ่อนคลาย
"ตอนนี้ปานสุราลัยก็อยู่ตัวแล้ว คุณต้องการอะไรจากผมอีก"
ภูดิศกวาดตามองไปรอบ ๆ ท่ามกลางความมืดสลัวที่โรยตัวมาห่มคลุม มีเพียงแสงโคมไฟจากเสาที่ปักอยู่ริมคลองพอให้มองเห็น ตรงต้นลำพูมีแสงวิบวับเล็ก ๆ กระพริบล้อเล่นความมืด เขายอมรับว่าชอบบรรยากาศที่นี่...ปานสุราลัยเป็นรูปเป็นร่างก็เพราะเงินลงทุนของเขา แต่...เขาไม่ใช่เจ้าของที่ดิน ไม่ใช่เจ้าของที่ครอบครองรีสอร์ทแห่งนี้
แรมจันทร์มองหน้าคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้าม การที่เขาไม่ยอมแตะอะไรเลยนับตั้งแต่มาถึง ทำให้หล่อนยื่นมือ
ไปตักเนื้อปลาทูต้มเค็มใส่จานให้...แต่...กลับถูกปฏิเสธ
"ขอบคุณ แต่ผมไม่ทานปลาทู"
"จากที่ฉลาดอยู่แล้ว เผื่อจะฉลาดมากขึ้น ทานหน่อยก็ดีนะคะ"
แรมจันทร์กระตุกยิ้ม รู้อยู่แล้วว่ากำลังต่อปากต่อคำอยู่กับใคร มองผิวเผินเหมือนทั้งคู่คือพันธมิตรทางธุรกิจ แต่ความจริงมันมีอะไรมากกว่านั้น
"ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อดินเนอร์ พูดมาเลยดีกว่า ต้อง การเท่าไหร่"
"สิบล้าน!"
"คุณเห็นผมเป็นอะไร ตู้เอทีเอ็มรึไง!"
"ฉันคิดว่าคนฉลาดอย่างคุณคงไม่ยอมแลกแน่ ๆ เงินแค่สิบล้าน คงไม่ทำให้คุณล้มละลายหรอกจริงไหม"
"แต่ผมก็มีค่าใช้จ่ายรออยู่เหมือนกัน ปีหน้าอุ่นต้องไปเรียนต่ออเมริกา ผมหาเงินมาอย่างยากลำบาก แล้วทำไมต้องให้คุณเอาไปผลาญเล่นด้วย"
"จะเป็นยังไงต่อไปนะ ถ้าลูกสาวสุดที่รักของคุณรู้ว่าคุณทำอะไรลงไป อยากให้เธอรู้ใช่ไหมว่าแท้จริงคุณมันเลวกว่าที่คิด! "
"คุณขู่ผมเรอะ!"
แรมจันทร์สะดุ้งเมื่อเสียงตะคอกมาพร้อมมือที่ทุบลงบนโต๊ะ แววตาของเขาขุ่นขวาง
"ทำไม คุณจะฆ่าฉันอีกคนเรอะไง เอาสิ เอาเลย"
หล่อนกล้าท้าทายเพราะรู้ว่าเขาไม่กล้า หากจะทำคงทำไปนานแล้ว คนโหดเหี้ยมอย่างเขาคงไม่ปล่อยให้หล่อนได้ลอยหน้าลอยตาอย่างเช่นทุกวันนี้ เพราะอะไรนั้น หล่อนและเขารู้ดี
และเพราะทำอะไรไม่ได้ ภูดิศจึงเข่นเขี้ยวเนี้ยวฟัน อย่างแค้นเคือง
"เอาจริงๆ ผมฆ่าคุณได้เลยนะ!"
"ค่ะ ฉันรู้"
"เหมือนเศษผักเศษหญ้า แต่ผมไม่อยากทำ"
"นั่นแหละคุณ...เห็นชีวิตคนที่ต้อยต่ำกว่าว่าไร้ค่า"
แรมจันทร์แสร้งทำเป็นไม่ยี่หระ หากแต่ก็แอบหวั่นอยู่ลึกๆ เช่นกัน
"สิบล้านแล้วจบไหม"
เขาถามจริงจัง คล้ายกับว่าหากรับปากแล้วก็จะเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้อีก
หากแต่แรมจันทร์กลับไม่พูดถึง เมื่อหล่อนคิดว่ายังคงถือไพ่เหนือกว่าเขาอยู่ดี
"อีกไม่กี่ปีคดีก็จะหมดอายุความ ตำรวจก็ยังจับตัวคนร้ายไม่ได้ ฉันว่า...คุณควรทำใจได้แล้ว ความยุติธรรมไม่มีในโลกนี้หรอก คุณเองก็รู้ดีไม่ใช่เหรอคุณภูมิ คุณเองก็ยังทำตัวนอกกฎหมายเลย"
แววตาขุ่นขวางตวัดมองเมื่อถูกจี้จุด หากแต่เขาไม่เถียง ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องฟอกตัวเองให้สะอาดกับผู้หญิงคนนี้
"พ่อแม่คุณคงต้องตายฟรี เสียใจด้วยนะที่คนผิดไม่ถูกลากคอมารับโทษ หึ"
"ยังเหลือเวลาอีกตั้งสามปี อะไรก็เกิดขึ้นได้ และต่อให้คดีหมดอายุความ ผมขอสัญญา สัญญาว่าจะล่ามันมาให้ได้ และฆ่ามันด้วยมือของผมเอง"
แววตาหยิ่งผยองจ้องหน้าคนตรงข้าม ซ่อนความเจ็บปวดรวดร้าวเอาไว้ข้างใน...แรมจันทร์หลุบตามองมือข้างขวาที่ถูกพันผ้าเอาไว้ พอจะได้ยินข่าวเรื่องเขามาบ้าง หลายคนเม้าท์กันว่าเขาทำร้ายตัวเองเพราะอารมณ์โกรธที่ภริตาไปเต้นรำกับผู้ชาย
ประเด็นเรื่องชู้สาวที่ทำให้สังคมให้ความสนใจ...ภูดิศนักธุรกิจหนุ่มหลงรักลูกสาวบุญธรรม เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ทำให้แรมจันทร์ถึงกับเหยียดยิ้ม
"แผลจากความหึงหวง...หวังว่า...คุณคงไม่คว้าลูกสาวบุญธรรมมาทำเมียหรอกนะคุณภูมิ"
ภูดิศนับหนึ่งถึงร้อยในใจ...ไม่เคยยอมใครขนาดนี้ และเพื่อยุติการสนทนา เขาตัดบทด้วยการลุกพรวดขึ้น
"ตกลงตามนั้น สิบล้าน เดี๋ยวจะมีคนจัดการเงินก้อนนี้ให้คุณอย่างเร็วที่สุด"
"ขอบคุณ"
ก่อนจาก เขาโน้มกายข้ามโต๊ะ ยื่นมือข้างที่ไม่เจ็บยื่นไปบีบปลายคางของแรมจันทร์เต็มแรง ราวกับต้องการให้กระดูกแตกละเอียดคามือ
"จำเอาไว้ อย่าเสนอหน้าไปถึงหน้าบ้านของผม อย่าไปให้อุ่นเห็นและคุยกับเธอ หากมีคนเห็นคุณไปป้วนเปี้ยนแถวนั้น ถ้าผมรู้ว่าคุณหักหลัง ผมรับรอง...คุณจะไม่ได้อยู่เสวยสุขบนกองเงินของผมแน่!"
แรมจันทร์หน้าเบ้ น้ำตาคลอเบ้า รู้สึกปวดร้าวไปทั่วสันกราม
"อยู่ในที่ของคุณ แล้วเรา...จะอยู่กันได้นาน ผมจะไว้ชีวิตคุณ!
เขาสะบัดมือออกจนแรมจันทร์หน้าหัน ร่างสูงผินหลังเดินหนี...แรมจันทร์ขบกรามแน่น มองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินทิ้งห่างออกไปเรื่อย ๆ ด้วยใจที่เจ็บปวด เขาทำกับหล่อนได้ลง...และเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลง ความหยิ่งผยองและเลือดเย็น หล่อนทำได้เพียงขูดรีดเงินจากเขา และเขาเลี้ยงหล่อนไว้ด้วยอำนาจและเงิน แลกกับความลับบางอย่างที่ไม่อาจเปิดเผยให้ภริตารู้ได้
ดึกแล้ว...เช่นเคย ที่หน้าห้องภริตา ภูดิศผลักบานประตูเข้าไปอย่างเงียบเชียบที่สุด ภายในห้องนั้นมืดสลัว ภริตานอนหลับสนิทอยู่บนเตียงกว้าง ข้างกายคือหนังสือที่อ่านค้างไว้ หล่อนวางเอาไว้อย่างนั้น
ชายหนุ่มเดินไปหย่อนกายนั่งลงบนเตียง หยิบหนัง สือมาพลิกดู เห็นหน้าปกแล้วก็ต้องส่ายหัวอมยิ้ม นิยายรักพาฝัน หล่อนชอบอ่านเป็นชีวิตจิตใจ ที่รู้เพราะมันถูกอัดแน่นจนเต็มตู้ในห้องสมุด มากกว่าหนังสือของเขาเสียอีก
เขาช่วยเก็บหนังสือให้ โดยวางเอาไว้บนโต๊ะข้าง
เตียง ก่อนจะเบนสายตามาจับจ้องใบหน้าอิ่มเอิบที่พรางเอาไว้ด้วยความสลัว...ความกลัวบางอย่างแล่นพล่านมาเกาะกุมใจ
มือใหญ่ยื่นไปสัมผัสกับพวงแก้มนุ่ม ลากไล้ด้วยสัมผัสอ่อนละมุน
'หากต้องเสียเธอไป อาคงทำใจไม่ได้...ที่ทำลงไปทุกวันนี้ก็เพื่อให้เราได้อยู่ด้วยกัน ขอโทษนะ...'
หัวใจเขาร้องบอก...บางเวลาก็รู้สึกผิด หากแต่เขาก็พยายามหาเหตุผลมาสนับสนุนการกระทำของตัว เหตุผลที่ทำให้รู้สึกผิดน้อยลง