Chapter​ 3 ความลับ​ (2)

1653 คำ
Chapter​ 3 ความลับ​ (2) ศรุตมองแผ่นหลังกว้าง​ เขาพยักหน้ารับรู้แม้เจ้านายจะยืนหันหลังให้...เรื่องผู้หญิงคนนั้น​ เขาคิดว่าน่าจะใช่ "เธอบอกว่าถ้าคุณไม่ยอมไปพบ​ตามที่ร้องขอ​ เธอก็ไม่รับรองว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น" "ปกติฉันไม่เคยเก็บตัวปัญหาไว้เป็นหอกข้างแคร่นานขนาดนี้ อยากได้อะไรฉันก็ให้​ แต่ตอนนี้รู้สึกว่าชักจะท้าทายกันเกินไปแล้ว" ภูดิศบดกรามจนเป็นสันนูน​ สิ่งหนึ่งที่เขาเกลียดนั่นก็คือ​ คนที่ไม่รู้จักพอ​ ได้คืบจะเอาศอกโดยไม่ประมาณตน​ คนเหล่านั้นคงไม่รู้ว่ากำลังเล่นกับอะไรอยู่​ เพราะตัวตนที่แท้จริงของเขา...เขาไม่ได้ใจดีอย่างที่คิด​ หากเขาหมดความอดทนเมื่อไหร่​ เมื่อนั้นก็จะพังกันหมดทุกฝ่ายแน่นอน​ และมีแต่คนบ้าที่กล้าทำแบบนี้​ กล้าที่จะท้าทายเขา "แล้วนายคิดว่า​ ฉันควรทำอย่างไร" "เล่นตามน้ำไปก่อน​ครับ​" "ด้วยการยอมไปพบเธอ" "ผมไม่อยากให้สิ่งที่คุณสร้างขึ้นมาพังลงเพราะฝีมือคนพวกนั้น​ ผมรู้...คุณเองก็ไม่อยากเสียเธอไป" สายตาของศรุตมองผ่านม่านกระจกใส​โฟกัสไปยัง ภริตา​ หล่อนเดินไปคุยอะไรบางอย่างกับคนสวน​ ภูดิศมองตาม​ เห็นภริตายื่นอะไรบางอย่างที่มองดูคล้ายถุงขนมให้คนสวน...เขาไม่ค่อยพอใจนัก หล่อนมีน้ำใจเรี่ยราดแบบนี้​ เหตุเพราะคนสวนนั้นยังหนุ่มยังแน่น​ อายุอานามไม่ห่างจากเขาเท่าไหร่นัก เอื้อเฟื้อนักมักเป็นภัย​ เขาเคยสอนหล่อนอยู่บ่อย ๆ​ แต่หล่อนก็ไม่เชื่อฟังในสิ่งที่เขาเตือนเลย ผู้ชายบางคนหลงตัวเองได้อย่างน่าทึ่ง​ บางที...การที่ผู้หญิงคุยด้วย คนแบบนี้มักจะจินตนาการไปไกล​ คิดว่าหล่อนมีใจชอบพอ​ และเมื่อผิดหวังจากความรัก​ มันอาจตามมาซึ่งโศกนาฏกรรม​ เขาเชื่อเช่นนั้น​ เพราะโลกสอนให้เขามองเห็นความโหดร้ายที่ซ่อนอยู่​ เหตุนี้เขาจึงหวงภริตายิ่งกว่าจงอางหวงไข่​ พยายามกีดกันหล่อนออกจากผู้ชายทุกคน ++++ ริมคลองอัมพวา​ที่แยกสาขามาจากแม่น้ำแม่กลอง ใต้ร่มเงาไม้น้อยใหญ่บนที่ดินติดลำน้ำคือสิ่งปลูกสร้างที่เปิดเป็นรีสอร์ทไว้รองรับนักท่องเที่ยว...ปานสุรารัย...คือชื่อเสียงเรียงนามที่เริ่มเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว​ ด้วยทำเลที่ไม่ไกลจากตลาดน้ำและติดลำคลอง​ มีต้นลำพูปลูกอยู่ริมตลิ่ง​ ชนิดไม่ต้องนั่งเรือไปเที่ยวชมก็มีหิ่งห้อยให้ได้เห็นพอให้ตื่นตาตื่นใจ ที่โต๊ะไม้ชายคลองในวันที่รีสอร์ทปิดปรับปรุง​...เสียงสนทนากันดังเบาๆ​ ในช่วงหัวค่ำ​ ฟังดูเคร่งเครียดมากกว่าการพูดคุยกันในวันผ่อนคลาย "ตอนนี้ปานสุราลัยก็อยู่ตัวแล้ว​ คุณต้องการอะไรจากผมอีก" ภูดิศกวาดตามองไปรอบ ๆ​ ท่ามกลางความมืดสลัวที่โรยตัวมาห่มคลุม​ มีเพียงแสงโคมไฟจากเสาที่ปักอยู่ริมคลองพอให้มองเห็น​ ตรงต้นลำพูมีแสงวิบวับเล็ก ๆ​ กระพริบล้อเล่นความมืด​ เขายอมรับว่าชอบบรรยากาศที่นี่...ปานสุราลัยเป็นรูปเป็นร่างก็เพราะเงินลงทุนของเขา​ แต่...เขาไม่ใช่เจ้าของที่ดิน​ ไม่ใช่เจ้าของที่ครอบครองรีสอร์ทแห่งนี้ แรมจันทร์มองหน้าคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้าม​ การที่เขาไม่ยอมแตะอะไรเลยนับตั้งแต่มาถึง​ ทำให้หล่อนยื่นมือ ไปตักเนื้อปลาทูต้มเค็มใส่จานให้...แต่...กลับถูกปฏิเสธ "ขอบคุณ​ แต่ผมไม่ทานปลาทู" "จากที่ฉลาดอยู่แล้ว​ เผื่อจะฉลาดมากขึ้น​ ทานหน่อยก็ดีนะคะ" แรมจันทร์กระตุกยิ้ม​ รู้อยู่แล้วว่ากำลังต่อปากต่อคำอยู่กับใคร​ มองผิวเผินเหมือนทั้งคู่คือพันธมิตรทางธุรกิจ​ แต่ความจริงมันมีอะไรมากกว่านั้น "ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อดินเนอร์​ พูดมาเลยดีกว่า​ ต้อง การเท่าไหร่" "สิบล้าน!" "คุณเห็นผมเป็นอะไร​ ตู้เอทีเอ็มรึไง!" "ฉันคิดว่าคน​ฉลาดอย่างคุณคงไม่ยอมแลกแน่ ๆ​ เงินแค่สิบล้าน​ คงไม่ทำให้คุณล้มละลายหรอกจริงไหม" "แต่ผมก็มีค่าใช้จ่ายรออยู่เหมือนกัน​ ปีหน้าอุ่นต้องไปเรียนต่อ​อเมริกา​ ผมหาเงินมาอย่างยากลำบาก​ แล้วทำไมต้องให้คุณเอาไปผลาญเล่นด้วย" "จะเป็นยังไงต่อไปนะ​ ถ้าลูกสาวสุดที่รักของคุณรู้ว่าคุณทำอะไรลงไป​ อยากให้เธอรู้ใช่ไหมว่าแท้จริงคุณมันเลวกว่าที่คิด! " "คุณขู่ผมเรอะ!" แรมจันทร์สะดุ้งเมื่อเสียงตะคอกมาพร้อมมือที่ทุบลงบนโต๊ะ​ แววตาของเขาขุ่นขวาง "ทำไม​ คุณจะฆ่าฉันอีกคนเรอะไง​ เอาสิ​ เอาเลย" หล่อนกล้าท้าทายเพราะรู้ว่าเขาไม่กล้า​ หากจะทำคงทำไปนานแล้ว​ คนโหดเหี้ยมอย่างเขาคงไม่ปล่อยให้หล่อนได้ลอยหน้าลอยตาอย่างเช่นทุกวันนี้​ เพราะอะไรนั้น​ หล่อนและเขารู้ดี และเพราะทำอะไรไม่ได้​ ภูดิศจึงเข่นเขี้ยวเนี้ยวฟัน อย่างแค้นเคือง "เอาจริงๆ​ ผมฆ่าคุณได้เลยนะ!" "ค่ะ​ ฉันรู้" "เหมือนเศษผักเศษหญ้า​ แต่ผมไม่อยากทำ" "นั่นแหละคุณ...เห็นชีวิตคนที่ต้อยต่ำกว่าว่าไร้ค่า" แรมจันทร์แสร้งทำเป็นไม่ยี่หระ​ หากแต่ก็แอบหวั่นอยู่ลึกๆ​ เช่นกัน "สิบล้านแล้วจบไหม" เขาถามจริงจัง​ คล้ายกับว่าหากรับปากแล้วก็จะเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้อีก หากแต่แรมจันทร์กลับไม่พูดถึง​ เมื่อหล่อนคิดว่ายังคงถือไพ่เหนือกว่าเขาอยู่ดี "อีกไม่กี่ปีคดีก็จะหมดอายุความ​ ตำรวจก็ยังจับตัวคนร้าย​ไม่ได้​ ฉันว่า...คุณควรทำใจได้แล้ว​ ความยุติธรรมไม่มีในโลกนี้​หรอก​ คุณเองก็รู้ดีไม่ใช่เหรอคุณภูมิ​ คุณเองก็ยังทำตัวนอกกฎหมายเลย" แววตาขุ่นขวางตวัดมองเมื่อถูกจี้จุด​ หากแต่เขาไม่เถียง​ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องฟอกตัวเองให้สะอาดกับผู้หญิงคนนี้ "พ่อแม่คุณคงต้องตายฟรี​ เสียใจด้วยนะที่คนผิดไม่ถูกลากคอมารับโทษ​ ​หึ" "ยังเหลือเวลาอีกตั้งสามปี อะไรก็เกิดขึ้นได้​ และต่อให้คดีหมดอายุความ​ ผมขอสัญญา​ สัญญาว่าจะล่ามันมาให้ได้​ และฆ่ามันด้วยมือของผมเอง" แววตาหยิ่งผยองจ้องหน้าคนตรงข้าม​ ซ่อนความเจ็บปวดรวดร้าวเอาไว้ข้างใน​...แรมจันทร์หลุบตามองมือข้างขวาที่ถูกพันผ้าเอาไว้​ พอจะได้ยินข่าวเรื่องเขามาบ้าง​ หลายคนเม้าท์กันว่าเขาทำร้ายตัวเองเพราะอารมณ์โกรธที่ภริตาไปเต้นรำกับผู้ชาย ประเด็นเรื่องชู้สาวที่ทำให้สังคมให้ความสนใจ...ภูดิศนักธุรกิจหนุ่มหลงรักลูกสาวบุญธรรม​ เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ทำให้แรมจันทร์ถึงกับเหยียดยิ้ม "แผลจากความหึงหวง...หวังว่า...คุณคงไม่คว้าลูกสาวบุญธรรมมาทำเมียหรอกนะ​คุณภูมิ" ภูดิศนับหนึ่งถึงร้อยในใจ...ไม่เคยยอมใครขนาดนี้ และเพื่อยุติการสนทนา​ เขาตัดบทด้วยการลุกพรวดขึ้น "ตกลงตามนั้น​ สิบล้าน​ เดี๋ยวจะมีคนจัดการเงินก้อนนี้ให้คุณอย่างเร็วที่สุด" "ขอบคุณ" ก่อนจาก​ เขาโน้มกายข้ามโต๊ะ​ ยื่นมือข้างที่ไม่เจ็บยื่นไปบีบปลายคางของแรมจันทร์เต็มแรง ราวกับต้องการให้กระดูกแตกละเอียดคามือ "จำเอาไว้​ อย่าเสนอหน้าไปถึงหน้าบ้านของผม อย่าไปให้อุ่นเห็นและคุยกับเธอ​ หากมีคนเห็นคุณไปป้วนเปี้ยนแถวนั้น​ ถ้าผมรู้ว่าคุณหักหลัง​ ผมรับรอง...คุณจะไม่ได้อยู่เสวยสุขบนกองเงินของผมแน่!" แรมจันทร์หน้าเบ้​ น้ำตาคลอเบ้า​ รู้สึกปวดร้าวไปทั่วสันกราม "อยู่ในที่ของคุณ​ แล้วเรา...จะอยู่กันได้นาน​ ผมจะไว้ชีวิตคุณ! เขาสะบัดมือออกจนแรมจันทร์หน้าหัน​ ร่างสูงผินหลังเดินหนี...แรมจันทร์ขบกรามแน่น มองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินทิ้งห่างออกไป​เรื่อย ๆ​ ด้วยใจที่เจ็บปวด​ เขาทำกับหล่อนได้ลง...และเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลง​ ความหยิ่งผยองและเลือดเย็น​ หล่อนทำได้เพียงขูดรีดเงินจากเขา​ และเขาเลี้ยงหล่อนไว้ด้วยอำนาจและเงิน​ แลกกับความลับบางอย่างที่ไม่อาจเปิดเผยให้ภริตารู้ได้ ดึกแล้ว...เช่นเคย​ ที่หน้าห้องภริตา​ ภูดิศผลักบานประตูเข้าไปอย่างเงียบเชียบที่สุด​ ภายในห้องนั้นมืดสลัว​ ภริตานอนหลับสนิทอยู่บนเตียงกว้าง​ ข้างกายคือหนังสือที่อ่านค้างไว้​ หล่อนวางเอาไว้อย่างนั้น ชายหนุ่มเดินไปหย่อนกายนั่งลงบนเตียง​ หยิบหนัง สือมาพลิกดู​ เห็นหน้าปกแล้วก็ต้องส่ายหัวอมยิ้ม​ นิยายรักพาฝัน​ หล่อนชอบอ่านเป็นชีวิตจิตใจ​ ที่รู้เพราะมันถูกอัดแน่นจนเต็มตู้ในห้องสมุด​ มากกว่าหนังสือของเขาเสียอีก เขาช่วยเก็บหนังสือให้​ โดยวางเอาไว้บนโต๊ะข้าง เตียง​ ก่อนจะเบนสายตามาจับจ้องใบหน้าอิ่มเอิบที่พรางเอาไว้ด้วยความสลัว...ความกลัวบางอย่างแล่นพล่านมาเกาะกุมใจ มือใหญ่ยื่นไปสัมผัสกับพวงแก้มนุ่ม​ ลากไล้ด้วยสัมผัสอ่อนละมุน 'หากต้องเสียเธอไป​ อาคงทำใจไม่ได้...ที่ทำลงไปทุกวันนี้ก็เพื่อให้เราได้อยู่ด้วยกัน​ ขอโทษนะ...' หัวใจเขาร้องบอก...บางเวลาก็รู้สึกผิด​ หากแต่เขาก็พยายามหาเหตุผลมาสนับสนุนการกระทำของตัว เหตุผลที่ทำให้รู้สึกผิดน้อยลง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม