บทที่ 8
การแต่งงานเริ่มแล้ว
.....โห่ ฮีโห่ ฮีโห่ ใครมีมะกรูดมาแลกมะนาว ใครมีลูกสาวมาแลกลูกเขย เอาวะเอาเหวย วันนี้จะได้ลูกเขยคนดี.....
เสียงโห่แตรวงดังมาไม่ไกล ทำให้แขกเหรื่อที่อยู่ทั้งบนบ้านและบริเวณงานพากันตื่นเต้นออกไปดูขบวนขันหมากอย่างแปลกใจ
“เอะ บ้านนี้ไม่มีลูกสาวนี่ แล้วขบวนขันหมากของใคร แล้วจะมาขอใครแต่งงาน” ปลัดเดชาเป็นคนแรกที่ถามขึ้น
“5555 เดี๋ยวก็รู้ แต่ตอนนี้เดชาไปเอากระเป๋าเอกสารในรถมาให้พ่อหน่อยนะ คงถึงเวลาที่จะต้องใช้แล้ว” นายอำเภอพูดขึ้นยิ้มๆ
“ครับ” ปลัดเดชาขานรับแบบงงๆ
เขาแปลกใจที่วันนี้นายอำเภอที่เป็นพ่อของเขาบอกเขาว่าวันนี้มีราชการนอกสถานที่ แถมยังให้แต่งเครื่องแบบมาด้วย แต่พอมาถึงกลับเป็นงานแต่งงานที่บ้านพ่อเลี้ยงพสุธาที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี
เมื่อขบวนขันหมากเดินเข้ามาใกล้ๆ ทุกคนจึงเห็นหน้าเจ้าบ่าวซึ่งก็คือลูกชายคนเดียวของพ่อเลี้ยงพสุธานั่นเอง ชายหนุ่มที่มาเป็นมดแดง แฝงมะม่วงชักจะรู้แล้วว่าเจ้าสาวเป็นใคร
“นั่นนายเมฆนิ กลับมาตั้งแต่เมื่อไร วันนี้นายเมฆจะแต่งงานเหรอ”
“นั่นสิ นายเมฆไปเมืองนอกตั้งหลายปี กลับมาก็แต่งงานเลย คงไม่ได้พาเมียฝรั่งมาด้วยหรอกนะ”
“แต่ทำไมหน้านายเมฆน่ากลัวจังหวะ หน้าบูดยังกับตูดลิง 5555”
“นั่นสิทำอย่างกับถูกบังคับให้แต่งงาน ว่าแต่เจ้าสาวเป็นใครวะ”
คนงานต่างๆ พากันวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างสนุกสนานเมื่อเห็นขบวนขันหมากชัดๆ
“ไอ้เมฆ แกทำหน้าให้มันดีๆ หน่อย ยิ้มเข้าไว้ เดี๋ยวทุกอย่างก็จะผ่านไป” แทนไทที่เดินถือหีบสินสอดอยู่ข้างๆ เจ้าบ่าวที่ถือดาบโบราณมาด้วยพูดขึ้น
“หุบปากแกไปเลยนะ แกไม่โดนบังคับอย่างฉัน แกไม่มีวันเข้าใจหรอก เดี๋ยวฟันด้วยดาบในมือเลยนิ” เมฆาตอบกลับมาด้วยความไม่พอใจ
“ฉันเตือนเพราะหวังดีนะโว้ย ดาวเป็นที่รักของทุกคนในไร่ ถ้าแกเปิดศึกตั้งแต่วันแรก แกก็จะแพ้ตั้งแต่วันแรก ตอนนี้แกควรจะทำดีๆ เพื่อดึงทุกคนกลับมาเป็นพวกของแกก่อน ส่วนยัยดาวแกค่อยไปจัดการทีหลังก็ได้”
แทนไทพูดขึ้นและยิ้มเมื่อเห็นเจ้าบ่าวคล้อยตามเขาด้วยการเปลี่ยนหน้าบึ้งตึงเป็นยิ้มมุมปาก ก่อนเขาจะขนลุกทั้งตัวเมื่อได้ยินคำพูดของเพื่อน
“ใช่ แกพูดถูก ฉันจะต้องเอาคืนยัยดาวให้สาสม แกคอยดูก็แล้วกัน ฉันจะทำให้ยัยนั่นร้องขอหย่ากับฉันก่อนสองปีแน่ 555555”
เมฆาพูดจบก็หัวเราะชอบใจ และเขาเริ่มหันไปยิ้มและโบกมือให้คนงานที่มายืนรอรับขันหมากอย่างอารมณ์ดี
เมื่อขบวนขันหมากมาถึง ก็มีการกั้นประตูเงินประตูทองโดยคนงานในไร่ ซึ่งมีการจ่ายด้วยซองหนาๆ ที่เมฆารับมาจากแมนและอ่ำ
“เตรียมการมาอย่างดีเชียวนะไอ้แมน ไอ้อ่ำ” เมฆามองหน้าอดีตลูกไล่ของตัวเองอย่างคาดโทษ
“ผมทำตามหน้าที่ครับนายเมฆ แฮ่ๆๆๆ” แมนยื่นซองให้แล้วถอยออกมาให้ห่างจากวิถีเท้าของเมฆา
“ป้าแก้วสวัสดีครับ” เมฆาละความสนใจจากแมนแล้วมายกมือไหว้ป้าแก้ว ซึ่งเป็นแม่ครัวใหญ่ประจำไร่
“สวัสดีค่ะนายเมฆ กลับมาสักทีนะคะ ทุกคนที่นี่คิดถึงนายเมฆมากเลย” ป้าแก้วโอบกอดนายน้อยของนางไว้ พร้อมกับลูบหลังลูบไหล่ไปด้วย
จากนั้นเมฆาก็ทักทายคนงานอื่นๆ พร้อมกับจากซองเพื่อผ่านประตูเงินประตูทองไปด้วย
จนกระทั่งมาถึงด่านสุดท้าย เมฆาจึงได้พบหน้ากับสองแฝดชายหญิงที่แต่งชุดไทยมานั่งรอล้างเท้าให้เขา
“สวัสดีครับ / สวัสดีค่า” ทั้งสองแฝดยกมือไหว้เมฆาอย่างที่ย่าอรสอนไว้
“สวัสดี” เมฆาตอบกลับไปด้วยใบหน้านิ่งเฉย ยิ่งมองเด็กทั้งสองก็เหมือนพ่อของเขามาก ทั้งดวงตา แววตาดื้อดึงเอาเรื่องเกินเด็กวัย 4 ขวบ
เด็กทั้งสองคนย่อตัวลงเพื่อเตรียมล้างเท้าและเช็ดเท้าให้เจ้าบ่าว โดยที่เมฆาก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ด้วยการถอดรองเท้าและถุงเท้าออก
“ผมไม่ยอมให้ลุงมาแย่งแม่ไปจากผมหรอกนะ” เวหาพูดขึ้นเบาๆในตอนที่เทน้ำราดลงที่เท้าของเมฆา
“อิงฟ้าก็ไม่ยอมยกแม่ให้ใครเหมือนกัน” เพียงนภาพูดขึ้นเหมือนกันในตอนที่ใช้ผ้าเช็ดน้ำออกจากเท้าเมฆา
“แล้วเราคิดว่าฉันอยากได้แม่พวกเธอมาเป็นเมียมากหรือไง ฉันไม่ได้รักแม่ของพวกเธอ รู้ไว้ซะด้วย” เมฆากระซิบบอกเด็กทั้งสองกลับไป ก่อนที่จะยื่นซองให้ตามธรรมเนียมแล้วเดินเข้าไปในงานพิธีทันที
‘คิดว่าแม่ตัวเองดีตายล่ะ คนใจแตกแบบนั้นใครจะไปแย่งมา’
เวหาและเพียงนภามองตามหลังเมฆาไป ก่อนยกมือขึ้นตบกันแล้วรีบวิ่งไปทางงานพิธี
ในงานพิธี ตอนนี้ทุกคนเห็นผู้จัดการไร่อย่างเพียงดาวในชุดแต่งงานแบบชาวเหนือนั่งอยู่ โดยมีพ่อเลี้ยงพสุธา อรอินทร์ คงเดช นิ่มนวล และแขกผู้ใหญ่นั่งอยู่บนโซฟาที่จัดวางไว้ไม่ไกลนัก
เมฆาเดินไปนั่งลงข้างๆ เพียงดาวในทางขวา ก่อนที่พ่อเลี้ยงจะเดินมาสวมฝ้ายมงคลให้ทั้งคู่ หลังจากนั้นปู่อาจารย์ที่นับถือของชาวบ้านก็เริ่มพิธีขวัญคู่บ่าวสาวให้รักกันยืนนานชั่วชีวิตเป็นภาษาล้านนาที่มีทำนองไพเราะอ่อนหวาน มีความหมายว่าให้ทั้งคู่รักกันยืนยาวชั่วชีวิต ขณะเดียวกันก็จะแทรกด้วยการเตือนสติบ่าวสาว ว่ากำลังจะเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านของชีวิตจากหนุ่มสาววัยรุ่นสู่ความเป็นพ่อเรือนแม่เรือนที่จะต้องครองคู่กันอย่าง มีสติ ลำดับต่อไปคือ พิธีปัดเคราะห์ ซึ่งทำเพื่อเอาเคล็ดให้บ่าวสาวอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ปราศจากโรคภัย และอุปสรรคทั้งปวง ก่อนจะให้ญาติผู้ใหญ่และพ่อแม่เจ้าสาวผูกข้อมืออวยพรคู่บ่าวสาว ตามด้วยญาติผู้ใหญ่และพ่อแม่เจ้าบ่าว ปิดท้ายด้วยญาติสนิทมิตรสหายของทั้งสองฝ่าย
การผูกข้อมือ จะใช้ฝ้ายดิบหรือฝ้ายไหมผูกที่ข้อมือของบ่าวสาว โดยเจ้าสาวผูกที่ข้อมือซ้าย ส่วนเจ้าบ่าวผูกที่มือขวา ระหว่างที่ผูกข้อมือก็จะ ต้องกล่าวคำอวยพรให้แก่บ่าวสาว แล้วจึงมอบซองเงินให้กับคู่บ่าวสาวใส่ในขันสลุง หลังจากนั้นผู้ประกอบพิธีจะเป็นผู้ถอดฝ้ายมงคลออกให้ จึงถือเป็นอันเสร็จพิธี ตลอดพิธีมงคลคู่บ่าวสาววางสีหน้าเรียบเฉยด้วยกันทั้งคู่
“เอาล่ะ ลุกขึ้นมาทางนี้ได้แล้ว ตอนนี้ก็เสร็จพิธีทางนี้แล้ว ต่อไปก็พิธีทางกฎหมาย” พ่อเลี้ยงพสุธาพูดขึ้น พร้อมกับบอกทั้งคู่ให้เดินตามไปที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่ที่เขายกมาไว้ที่กลางลานบ้าน ในตอนนี้มีนายอำเภอ นั่งอยู่ฝั่งหนึ่ง เมฆากับเพียงดาวก็เดินไปนั่งลงที่อีกฝั่งหนึ่งอย่างรู้งาน
“นี่คือคำร้องขอและเงื่อนไขในการจดทะเบียนสมรสระหว่างเมฆ กับดาวที่ลุงทำให้ในวันนี้ อ่านให้ละเอียดก่อนลงชื่อนะ ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจหรือไม่ยอมรับ ก็บอกลุงมาเลย” นายอำเภอเลื่อนกระดาษมาให้ทั้งคู่อ่าน ก่อนจะนั่งกอดอกมองดูอย่างจริงจัง
“ฉลาดดีนิ ให้ฉันเซ็นรับรองบุตรให้ เพื่อที่จะได้ฮุบสมบัติของฉันได้สะดวกๆ ใช่ไหมล่ะ อย่าหวังไปเลยว่าเธอจะสมหวัง” เมฆากระซิบให้ได้ยินสองคน เมื่ออ่านมาถึงข้อที่เขาจะต้องยินยอมเซ็นรับรองบุตรของเพียงดาว
“ก่อนจะพูดอะไร อ่านหนังสือให้ครบก่อนนะคะ เดี๋ยวเขาจะว่าเอาได้ว่าคนไทยอ่านหนังสือไม่เกิน 8 บรรทัดแล้วตัดสินใจ” เพียงดาวที่นั่งอ่านเอกสารเงียบได้ยินแบบนั้นก็อดที่จะตอบโต้ไม่ได้
“นี่เธอ.../อ่านให้ครบก่อนค่ะ ผู้หลักผู้ใหญ่กำลังนั่งรออยู่”
เมฆาโมโหมากที่โดนตอบกลับแบบนั้น เขาจึงคิดจะต่อว่าเธอ แต่เพียงดาวก็พูดแทรกขึ้นมาซะก่อน จนเมฆาต้องเงียบลงและตั้งใจอ่านต่อ
“เป็นยังไง มีอะไรจะต้องแก้ไขไหม” นายอำเภอพูดขึ้นหลังจากที่เห็นว่าทั้งคู่อ่านคำร้องและเงื่อนไขต่างๆ ครบถ้วนแล้ว
“ไม่มีครับ / ไม่มีค่ะ” ทั้งสองคนตอบนายอำเภอออกไปพร้อมกัน
“ดี งั้นก็เซ็นชื่อซะ นี่เป็นทะเบียนสมรสและคำร้องรับรองบุตร เมฆกับหนูดาวเซ็นชื่อในช่องที่มีชื่อตัวเองให้ครบถ้วนนะ” นายอำเภอยื่นเอกสารทั้งหมดมาตรงหน้าทั้งคู่
เมฆาและเพียงดาวรับมาเซ็นชื่อด้วยสีหน้านิ่งเฉย ก่อนจะส่งคืนให้นายอำเภอ นายอำเภอตรวจดูเมื่อเรียบร้อยก็ส่งคู่ฉบับเอกสารให้ทั้งคู่เก็บไว้ ส่วนตัวจริงก็เก็บใส่ซองปิดผนึกอย่างดี
“ลุงขอให้เมฆกับหนูดาวอยู่ด้วยกันเหมือนไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรนะ มีอะไรหนักนิดเบาหน่อยให้อภัยกันได้ก็ให้อภัยกัน ยอมได้ก็หัดรู้จักยอมบ้าง รู้จักให้เกียรติซึ่งกันและกัน มีเรื่องอะไรก็คุยกันดีๆ อย่าใช้อารมณ์ ทำได้ที่ลุงบอกรับรองว่าชีวิตคู่ของเมฆกับหนูดาวจะมีแต่ความสุขแน่นอน” นายอำเภอถือโอกาสให้อวยพรและให้โอวาทในเวลาเดียวกัน
“ขอบคุณครับ / ขอบคุณค่ะ” ทั้งคู่ยกมือขึ้นไหว้และเอ่ยพร้อมกัน
“เสร็จแล้วใช่ไหมครับ ลุงบวร” เมฆาม้วนกระดาษแบบลวกๆ ส่งให้แทนไทอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะพูดขึ้น
“เสร็จแล้ว แต่ลุงให้เมฆรออยู่ข้างๆ นี่ก่อนนะ ยังมีอีกคู่ที่ลุงจะต้องจดทะเบียนสมรสให้ ลุงอยากให้เมฆกับหนูดาวเป็นพยานให้พวกเขาหน่อย”
นายอำเภอพูดยิ้มๆ ก่อนที่จะขยิบตาให้ทั้งคู่ ทำให้ทั้งคู่ลุกขึ้นยืนอยู่ข้างๆ โต๊ะอย่างงง ๆ ก่อนจะได้ยินนายอำเภอพูดขึ้นอีกครั้ง
“เชิญคู่ต่อไปได้”
จบคำพูดของนายอำเภอ ทุกคนก็ต้องตกตะลึงอีกครั้ง เมื่อเห็นพ่อเลี้ยงพสุธาลุกขึ้น พร้อมกับยื่นมือไปให้คุณอรอินทร์จับ
“แต่งงานกับพี่นะอร” พ่อเลี้ยงพสุธาพูดขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าตกตะลึงของอรอินทร์
“แต่งเลย แต่งเลย แต่งเลย”
หลังจากทุกคนหายจากการตกตะลึงก็มีเสียงเชียร์และเสียงปรบมือก็ดังขึ้น ซึ่งต้นเสียงไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเจ้าบ่าวอย่างเมฆานั่นเอง
“เย้ๆ ชัยโยๆ แบบนี้สิ” เสียงเชียร์ดังขึ้นอย่างยินดี เมื่อคุณอรอินทร์วางมือลงที่มือของพ่อเลี้ยงด้วยน้ำตาคลอหน่วย
จากนั้นพ่อเลี้ยงก็เดินจับมือคุณอรอินทร์มานั่งลงและเซ็นชื่อลงไปในทะเบียนสมรสอย่างไม่ลังเล