ซุกเมีย9 ใครไม่ซี แต่พีชซี

1659 คำ
“อย่าดื้อนะพีช เฮียรู้ทุกเรื่อง จำเอาไว้” เขาสั่งรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ ว่าด้วยการเปิดเรียน เพื่อนๆเข้ารับน้อง มีพี่รหัส แต่อิพีชไม่มีอะไรเลย เสี่ยเขารวยเสี่ยเขาเก่ง เพื่อนเขาที่เป็นเจ้าของมหาวิทยาลัยจัดการให้ แล้วคือฉันไม่ได้เรียนที่เดียวกับเพื่อนเก่า เสี่ยเขาจัดแจงโยกย้ายแบบกะทันหัน และฉันต้องยอม เพราะชีวิตฉันเป็นของเขา... “รู้ค่ะ” รู้ตลอด แต่ไม่เคยรอดเงื้อมมือเขา ตลอดเวลาที่รอมหาวิทยาลัยเปิด ฉันและเขาไม่เคยทำเรื่องอย่างว่ากันอีกเลย ตั้งแต่ที่ฉันบอกว่าเขาก็ไม่ต่างอะไรจากฟิล์ม นับตั้งแต่คืนนั้นเขาก็เริ่มวางตัวเป็นปกติเหมือนที่เคย ไม่สิ หลังจากคืนนั้น เขาก็บอกว่ามีงานต่างประเทศ แล้วเขาก็บินไป ไม่ติดต่อมาถามไถ่ แต่ก็ถือว่าดีนั่นแหละ เพราะฉันอยู่กับพี่จิวและเสี่ยฮอลล์ก็โล่งดี แต่ตอนนี้สองคนนั้นย้ายกลับไปอยู่บ้านเขาล่ะ “เดี๋ยวเฮียมารับนะ แต่ถ้าเฮียไม่ว่างจะให้การ์ดมารับแทน” “ค่ะ” ฉันไม่สามารถเถียงหรือย้อนแย้งอะไรออกไปได้ไง พี่จิวบอกว่า การนิ่งและเชื่อฟังเขาคือเรื่องที่ดีที่สุด ซึ่งฉันคงต้องพยายามเป็นอย่างมาก... “รอด้วยค่ะ” ฉันร้องเรียกให้คนในลิฟต์กดรอ “ขอบคุณค่ะ” ฉันกล่าวขอบคุณยิ้มให้คนตรงหน้า จากนั้นฉันก็ก้มมองดูแผนผัง ซึ่งฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยนี้เลย แผนผังในมือจึงจำเป็นต่อฉันเป็นอย่างมาก “ปี1” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้น และคงจะพูดกับฉันเพราะในลิฟต์มีแค่เรา2คน “ค่ะ” ฉันเงยหน้าไปตอบและก้มมองดูต่อ “หึ! เรียนห้องไหนล่ะ เดี๋ยวฉันเดินไปส่ง” เขาแสดงน้ำใจ “ไม่เป็นไรค่ะ พีชไปเองได้” ฉันปฏิเสธทันที ใครก็ไม่รู้ จู่ ๆ จะไปส่ง “ชื่อพีช?” เขาย้อนถาม เขาคงไม่ได้คิดว่าฉันอ่อยเขาหรอกนะ เพราะหน้าตาเขาก็ดูดีเลยล่ะ หน้าขาวใส สไตล์เกาหลี ปากอมชมพู จมูกมาเป็นสัน ดวงตาคมเข้ม คิ้วสวยได้รูป ขนตายาวดกดำ ส่วนสีผมก็ดูจะโดดเด่นเลยล่ะ เพราะเส้นผมของเขามันเป็นสีน้ำเงิน “ค่ะ” “เธอรู้จักฉันไหม?” จู่ ๆ เขาก็ถามขึ้น “ไม่ค่ะ” ฉันตอบตามความจริง ก็ฉันไม่รู้จักจริง ๆ ใครก็ไม่รู้ “หึ” เขาเค้นเสียงในลำคอ ติ๊ง! “ปะ ฉันเดินไปส่ง” เขาคว้ามือฉัน ใช่! เขากล้าคว้าข้อมือฉันแล้วเดินจูงออกจากลิฟต์ ฉันพยายามบิดออกแต่เขากลับจับไว้แน่นกว่าเดิม “กรุณาปล่อยด้วยค่ะ พีชไม่รู้จักคุณ” ฉันหยุดเดินและยืนแกะข้อมือเขาออก “ฟราน ปี3 บริหารธุรกิจ รุ่นพี่เธอ คราวนี้เราก็รู้จักกันแล้วนะพีช ปะ เดี๋ยวเข้าไม่ทันอาจารย์อินทรา เธอซวยนะ” “คุณรู้ได้ยังไงคะ ว่าพีชเรียนกับใคร” “ก็เธอกางทั้งแผนผังทั้งวิชาเรียน ฉันก็ต้องเห็นสิ” เขาไขข้อสงสัย และมันก็จริง ฉันกางแผนผังและเปิดมือถือเพื่อกดดูวิชาเรียน “ไปได้ยัง?” เขาเลิกคิ้วสูง “ค่ะ” ฉันจำยอมเดินตามเขาไป ทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร “ไม่รู้จักตึกและไม่มีเพื่อนแบบนี้ ไม่ได้มารับน้องใช่ไหม?” เขาถามระหว่างทางเดิน “ค่ะ พีชป่วยเพิ่งหาย แล้วก็ไม่มีเพื่อนที่โรงเรียนเดิม” ฉันเลือกการพูดปด ไม่บอกเล่าถึงเรื่องราวการเป็นเด็กฝาก “งั้นเดี๋ยวเที่ยงฉันมารับหน้าห้อง” เขาหยุดยืนตรงหน้าห้อง ห้องหนึ่ง “รับทำไมคะ” “กินข้าวไง เดี๋ยวฉันจะพาไปกินข้าว นี่ห้องที่เธอจะเรียน อย่าลืมรอฉันนะ” เขายกยิ้มแล้วเดินจากไปอย่างมาดมั่น ฉันเดินเข้ามาในห้อง ซึ่งนักศึกษาในห้องนี้ก็มีมากพอสมควร บางคนก็จับกลุ่ม บางคนก็นั่งคนเดียว และฉันเป็นหนึ่งในกลุ่มที่อยู่คนเดียว ฉันไม่ชอบสุงสิงกับใคร “เธอ ๆ” นักศึกษาคนหนึ่งเดินมาสะกิดฉัน “หืม” ฉันจับจ้องใบหน้าเธอ “เธอเป็นอะไรกับพี่ฟรานอ่ะ” ผู้หญิงตรงหน้าเหมือนหน่วยกล้าตายของพวกที่อยากจะเสือก แต่ไม่กล้าเข้ามาถาม “ฟรานไหน?” ฉันแกล้งโง่ ใช่! ฉันแกล้งโง่ เพราะฉันไม่จำเป็นต้องรีบตอบนิว่าเป็นอะไรกัน ในเมื่อความจริงเป็นแค่คนบังเอิญเจอ “ก็คนที่มีผมสีน้ำเงินที่เดินจับมือเธอมาเมื่อกี๊ไง” ผู้หญิงตรงหน้าขยายความ “อ๋อ ฉันไม่รู้จักเขาหรอก แค่บังเอิญเจอ” ฉันคิดว่าไม่มีใครเชื่อหรอก เพราะดูจากสีหน้าแล้วพวกนางมองว่าฉันตอแหล “พี่ฟรานเขาไม่มีทางตีสนิทกับใครง่ายๆ เธออ่อยเขาแบบไหน หรือเขาตกหลุมรักเธอ หรือเธอเป็นรุ่นน้องโรงเรียนเก่า” ประโยคเหล่านี้ถูกพูดเป็นเสียงเดียวกัน เหมือนพวกนางเตี๊ยมกันมา “...” เงียบ เงียบดีที่สุด เพราะฉันไม่รู้ว่าพี่ฟรานที่พวกนางพูดถึงโด่งดังขนาดไหน เป็นใครอะไรยังไงฉันไม่รู้เลย เพราะฉันเพิ่งย้ายมา ย้ายแบบไม่ได้เช็คประวัติมหาวิทยาลัยหรืออะไรทั้งนั้น แต่ฉันก็จะไม่อธิบายประวัติความเป็นมาของฉันให้พวกนางรับรู้ เพราะมันไม่จำเป็น! “เธอหยิ่งเหรอ” น้ำเสียงริษยาเริ่มเปล่งประกาย และออร่าของความเกลียดชังเริ่มคละคลุ้ง ตาย... ฉันจะมีศัตรูตั้งแต่ชั่วโมงแรกของการเรียนเลยใช่ไหมเนี่ย “หลีกทางหน่อย” น้ำเสียงราบเรียบของใครบางคนดังขึ้น เขาคือนักศึกษาชาย ใส่แว่น แต่ไม่ใช่แนวเด็กเรียนนะ ท่าทีของเขานิ่งเหมือนน้ำเสียงที่เปล่งออกมา และเมื่อเขาพูดบอกไป นักศึกษาหญิงคนที่มาคุยกับฉันก็เดินกลับไปที่ของเธอ ส่วนนักศึกษาผู้ชายก็นั่งลงข้างฉัน จากนั้นทุกอย่างก็ตกอยู่บนความเงียบ เพราะอาจารย์เข้าสอนพอดี ข้างกายฉันก็เลยมีนายแว่นนั่งเคียงข้าง กระทั่งหมดชั่วโมงเรียน... “ชื่อ?” จู่ ๆ นายแว่นก็ทักฉันขณะที่ฉันกำลังเก็บของ “พีช แล้ว...” ฉันตอบด้วยใบหน้าที่นิ่ง เพราะเหล่านักศึกษากลุ่มนั้นกำลังมองมาที่ฉัน “บูม เธอคงยังไม่มีเพื่อน” เขาบอกชื่อตัวเองแล้วเลิกคิ้วสูง “ก็อย่างที่เห็น” ฉันบอกแล้วมองไปรอบ ๆ “ไปกินข้าวกัน” เขาเก็บข้าวของ ของเขาและของฉัน จากนั้นก็คว้าข้อมือฉัน แล้วพาเดินออกมาจากห้อง ซึ่งพอเดินออกมาพ้นประตูฉันก็เจอ... “ไปยัง แล้วนี่?” เจอพี่ฟรานเอ่ยทักฉันยังไงล่ะ “เอ่อ...นี่บูมค่ะ เป็น...เพื่อน” บางทีฉันก็สงสัยนะว่าควรเรียกเพื่อนไหม คือเราเพิ่งเจอกัน และยังไม่ตกลงเป็นเพื่อนกันด้วยซ้ำ แล้วที่สำคัญท่าทางบูมเหมือนพวกไม่สนโลก “แล้วตกลงไปกินข้าวกับฉันไหม?” พี่ฟรานเอ่ยถาม แล้วคือฉันยังไม่ได้บอกสักคำนะว่าจะไปกินข้าวกับพวกเขา “ถ้าเธอไม่อยากโดนคนอิจฉามากไปกว่านี้ เธอควรไปกับฉัน” บูมกระซิบกระซาบเบา ๆ แต่กลับสร้างความงงให้ฉัน ซึ่งพอฉันมองไปรอบ ๆ ฉันเห็นนักศึกษากำลังถ่ายรูปพี่ฟราน บ้างก็จับกลุ่มซุบซิบ “พีชไปกับบูมสะดวกกว่าค่ะ ไม่อยากรบกวนคุณ” ฉันยิ้มเจื่อน ๆ ส่งให้พี่ฟราน “เอางั้น...” เขาย้ำถาม “ค่ะ งั้นพีชขอตัวนะคะ” ฉันยืนยันคำตอบและเดินเลี่ยงออกมาโดยที่มีบูมเดินตามติด ๆ “นั่นน่ะ ฟราน หนุ่มฮอตของมหาวิทยาลัย” เสียงของใครคนหนึ่งพูดขึ้น ขณะที่ฉันและบูมอยู่ในลิฟต์ “ผู้ชายที่สาว ๆ หลายคนหมายปอง แต่เขาครองตัวเป็นโสดไม่สนใคร เหตุจูงใจที่เล่าลือกันมา บ้างก็ว่าอคติกับผู้หญิง บ้างก็ว่าแฟนตาย บ้างก็ว่าเป็นเกย์ และอีกหลายๆอย่าง แต่ก็ไม่มีอะไรมายืนยันในสิ่งที่ร่ำลือ" ผู้หญิงหน้านิ่งยืนพูดอยู่มุมหนึ่งของลิฟต์ ถ้าจำไม่ผิดผู้หญิงคนนี้นั่งอยู่มุมห้องเรียน นั่งเงียบ ๆ จนเหมือนกับว่าไม่ใช่สิ่งมีชีวิต “อ้อ! ฉันดิว ลีลาวดี ยินดีที่ได้รู้จัก เธอคงเป็นพีชญาเด็กพิเศษของผู้อำนวยการ ส่วนนาย ณัฐวัฒน์ ความจริงต้องอยู่ปี3 แต่เฮิร์ทเพราะโดนเพื่อนกับแฟนสวมเขา ก็เลยเลิกเรียน แล้วมาเริ่มต้นเรียนใหม่ที่มหาวิทยาลัยนี้ ซึ่งรับเฉพาะคนระดับVIP” ผู้หญิงหน้านิ่ง เธอพูดเป็นฉากเป็นตอน เธอรู้เรื่องราวของฉัน และเรื่องราวของบูม หนำซ้ำฉันไม่รู้เลยว่ามหาวิทยาลัยที่เรียนอยู่...เลือกรับคน “หึ! ดิว ลีลาวดี ลูกสาวนักการเมืองใหญ่ ถูกบังคับให้เข้าเรียนทั้ง ๆ ที่IQ สมองโตกว่าผู้ใหญ่บางคน จะอยู่กลุ่มนี้ก็ได้นะ เพราะฉันคงไม่มีอะไรมาให้เธอขุดคุ้ยแล้ว" บูมหันไปพูดกับดิว ในขณะที่มือของบูมยังจับข้อมือฉันไว้ “ก็ได้นะ ฉันไม่ซี แต่นายจับมือเด็กของผู้อำนวยการแบบนี้จะดีเหรอ” ดิวหลุบตามองมาที่มือของฉันซึ่งมีมือบูมจับอยู่ “ฉันไม่ซี” บูมยักไหล่หลังจากพูดจบ เขาสองคนไม่ซี ไม่เป็นไร แต่ฉันซี! ตอนนี้ฉันเริ่มซีเรียสกับสิ่งที่กำลังเผชิญ มันคือเรื่องบังเอิญหรือใครจัดฉากให้ฉันต้องมายืนอยู่ตรงนี้ แค่วันแรกฉันก็รู้สึกถึงความวุ่นวายที่กำลังจะตามมา...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม