เวลาผ่านมาอีกหนึ่งสัปดาห์ที่มนต์มีนาย้ายกลับเข้ามาอยู่บ้านหลังเดิม เธอทำงานบ้านแทบจะทุกอย่างเองคนเดียวอีกทั้งยังคอยขับรถรับส่งหลานสาวไปกลับเนิร์สเซอรี ด้วยเหตุนี้เมื่อมนต์มีนาเดินผ่านร้ายขายสติกเกอร์ในห้างสรรพสินค้าเธอจึงหยุดเลือกซื้อสติกเกอร์กรอบสีเหลืองเด่น ที่เขียนตัวอักษรภาษาอังกฤษกำกับด้วยภาษาไทยว่า ‘BABY IN CAR’ มีเด็กในรถ มาติดไว้ที่ด้านหลังของตัวรถในจุดที่รถคันอื่นมองเห็นได้ง่ายเพื่อให้รถที่ตามมาได้ใช้ความระมัดระวังในความขับขี่มากขึ้น อีกเหตุผลหนึ่งที่หญิงสาวซื้อสติกเกอร์มาติดไว้ก็เพราะตัวเองกำลังท้องด้วยอีกคน
ปิยะนุชขับรถอีกคันกลับมาถึงบ้านในเวลาหกโมงเย็น เดินเข้ามาในบ้านก็เอาแต่บ่นเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้น้องสาวกับลูกฟัง เปียตั้งท่าจะวิ่งมารับผู้เป็นแม่ด้วยความดีใจตามประสาเด็กแต่ก็ถูกปิยะนุชร้องห้ามเสียงดังจนลูกหน้าจ๋อยไป
“ไม่ต้องมาหาแม่ แม่เหนื่อย ไปเล่นกับน้ามี่นู่น ช่วงนี้ติดกันแจนี่ ดีละแม่จะได้ไม่ต้องเหนื่อย”
บ่นแล้วก็เดินเข้าไปในห้องนอนโยนกระเป๋าทิ้งลงบนเตียงก่อนจะเดินออกมาด้านนอกหยิบหมูทอดเข้าปากแล้วนั่งลงที่โต๊ะอาหาร เอ่ยกับมนต์มีนาที่กำลังจัดโต๊ะอาหารอยู่ว่า
“มี่ไปซื้อคาร์ซีตมาติดที่รถรึยังน่ะ ต้องติดนะยัยเปียยังเด็กเผื่อขับ ๆ ไปไอ้บ้าที่ไหนมาชนท้ายล่ะแย่แน่ คนเดี๋ยวนี้มันขับรถยังกะรีบไปหาญาติที่โรงพยาบาล ยิ่งตอนเช้า ๆ มันไม่สนหรอกว่าจะมีสติกเกอร์ติดว่ามีเด็กอยู่ในรถน่ะ”
มือเรียวชะงักไปครู่ นิ่ง เมื่อเธอยังไม่ได้ทำสิ่งนั้นที่พี่สาวต้องการ
“ยังค่ะ ยังไม่ได้ไปเลือกซื้อเลย คิดว่าวันเสาร์นี้จะไปค่ะ ซื้อของใช้เข้าบ้านด้วย”
ตอนยังฟังไม่จบปิยะนุชก็ชักสีหน้าไม่พอใจที่น้องสาวยังไม่ติดคาร์ซีตให้ลูกของเธอนั่งอีก แต่พอฟังจนจบสีหน้าก็คลายลง
“อืม ก็ดีนะ พรุ่งนี้พี่หยุด เดี๋ยวพายัยเปียไปซื้อของเล่นที่ห้างเพิ่ม แล้วไปเดินดูคาร์ซีตด้วยกัน ดีมั้ยลูก”
ประโยคหลังปิยะนุชหันไปถามลูกสาวเสียงสูงเป็นการยุ เด็กน้อยที่ไร้เดียงสาก็ตอบตกลงทันที แต่คนที่เริ่มลำบากใจกลับเป็นมนต์มีนา แค่ย้ายกลับเข้ามาอยู่ในบ้านเพียงอาทิตย์เดียวเธอก็หมดเงินไปกับค่ากินอยู่จิปาถะกับพี่สาวและหลานไปหลายพันบาทแล้ว ส่วนคาร์ซีตที่พี่สาวอยากให้ติดนั้นก็คงไม่พ้นเป็นเงินของเธอที่ต้องจ่ายเองทั้งหมด นี่ลองชั่งน้ำหนักดูว่าถ้าเธออยู่คนเดียวจะเสียค่าใช้จ่ายมากขนาดนี้ไหม มนต์มีนาบอกกับพี่สาวว่าเธอเองก็ไม่ได้มีเงินเก็บมากนัก ยิ่งตอนนี้ท้องงานที่รับไว้ก็ต้องยกเลิกก่อน ช่วงนี้ไม่มีรายได้อะไรเข้ามา ปิยะนุชชักสีหน้าไม่พอใจใส่ถอนหายใจเหมือนเธอเข้ามาเป็นภาระในบ้านเพิ่ม แต่อยู่ได้เพียงวันเดียวพี่สาวก็เหมือนจะขูดรีดเงินจากเธอ บอกว่าค่าไฟเดือนนี้ยังไม่เสีย ค่าน้ำที่หวั่นจะถูกตัด เพราะนำเงินไปจ่ายค่าเนิร์สเซอรีให้ลูกสาวหมดแล้ว เงินเดือนที่จะจ่ายยังไม่ออกให้เธอช่วยกันออกไปก่อน
บ่ายวันเสาร์มนต์มีนาขับรถเก๋งญี่ปุ่นสมบัติชิ้นใหญ่ที่ได้จากจวินพาปิยะนุชพร้อมหลานสาวมาที่ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านพอสมควร ตอนแรกหญิงสาวเสนอให้ซื้อที่ห้างค้าปลีกใกล้บ้าน แต่พี่สาวก็แย้งว่าอยากมาซื้อที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง จะได้พาลูกเข้าไปเล่นสนามเด็กเล่นและมีของให้เลือกซื้อมากกว่า เธอจึงต้องตามใจพี่สาวด้วยความไม่เต็มใจนัก
บนถนนเส้นที่ขับผ่านมีช่วงที่กำลังก่อสร้างรถไฟฟ้า ทำให้รถติดยาวบางช่วง หญิงสาวเป็นคนขับรถส่วนพี่สาวกับหลานนั่งอยู่เบาะหลังด้วยกันสองคน โดยบอกว่าลูกยังเด็กต้องคอยนั่งจับแต่เมื่อเหลือบตามองกระจกหลังทีไรก็เห็นแต่พี่สาวนั่งเล่นโทรศัพท์แทบไม่เงยหน้าขึ้นมาสนใจลูกเลย จะพูดหน่อยก็คือการเงยหน้าขึ้นมาบ่น
“โอ๊ย รถจะติดอะไรนักหนาวะ หิวจะตายอยู่แล้วเนี่ย เมื่อไหร่จะถึง...นั่งดี ๆ หน่อยลูกจะอยากดูอะไรนักหนาแค่รถติด”
บ่นแล้วก็ก้มหน้ามองจอโทรศัพท์เช่นเดิม ส่วนตัวเด็กน้อยก็พยายามปีนป่ายเกาะเบาะมองดูนั่นดูนี่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
มนต์มีนาขับรถหลุดออกจากเส้นทางก่อสร้างมาได้ก็พบกับถนนสี่เลนที่มุ่งหน้าไปยังห้างสรรพสินค้าใหญ่ที่สุดในย่านนี้ บนถนนเส้นเดียวกันปอร์เช่คาเยนน์คันใหญ่ขับอย่างระมัดระวังตามรถคันหน้ามาเรื่อย ๆ ก่อนจะชะลอเมื่อใกล้ถึงแยกไฟแดงใหญ่ รถคันหน้าเขาเบี่ยงออกไปยังเลนขวาเพื่อเตรียมตัวเลี้ยวไปอีกทาง ชายหนุ่มจึงเร่งความเร็วขึ้นมาแทนที่ เมื่อมองเห็นสติกเกอร์ท้ายรถเก๋งคันสีขาวด้านหน้าติดไว้ว่า
“BABY IN CAR”
ชายหนุ่มก็รักษาระยะห่างไว้ ไม่ขับจี้เข้าไปใกล้จนเกินไปนัก ก่อนที่สายตาจะจดจ่ออยู่กับท้ายรถเก๋งญี่ปุ่นคันนั้นซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับที่เขาชินตา เมื่อเพ่งมองดูป้ายทะเบียนรถหัวใจของจวินก็เต้นรัวเร็ว เพราะมันเป็นเลขทะเบียนเดียวกับรถของมนต์มีนาที่เขาซื้อให้ ชายหนุ่มถึงกับสบถออกมา รถเก๋งคันนั้นจอดอยู่เป็นคันแรกแต่ด้วยกระจกที่ติดฟิล์มทึบจึงบดบังการเคลื่อนไหวทั้งหมดในรถไว้ ส่วนมนต์มีนาที่อยู่ในรถคันนั้นเธอเหลือบดูกระจกมองหลังเห็นมีรถยุโรปคันใหญ่จอดต่อท้ายและเว้นระยะห่างก็ไม่ได้สนใจอะไร
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนที่นั่งอยู่ในรถคันนั้นกำพวงมาลัยแน่นขนาดไหน เพราะเธอเองก็มองไม่เห็น อีกทั้งไม่รู้ด้วยว่าเจ้าของรถเป็นคนที่เธอรู้จัก
^
^
^
***เอาล้าวมี่...คุณจินจะสงสัยไรมั้ยน้า อยากอ่านต่อเร็ว ๆ อย่าลืมกดหัวใจ ส่งคอมเมนต์ให้มนสิด้วยนะคะ เรื่องนี้มันหนาจริง ๆ แง ไม่อยากสปอยส์เลยสักตอน