ตอนที่สอง 1

1782 คำ
“นี่คุณชินจัง คุณจะไม่ถามน้ำผึ้งก่อนเหรอคะว่าจะไปไหน เอาแต่ตะบี้ตะบันขับรถท่าเดียวเนี่ย” คนที่นั่งเงียบอยู่หลังรถเป็นนาน โผล่หน้ามาถามใกล้ๆ หน้าเขาแบบไม่ยอมให้ตั้งตัว ชยธรกำลังขับรถอยู่เพลินๆ ก็ตกใจเสียจนเผลอขับรถเอียงไปวูบหนึ่ง “ไม่เห็นว่าจะต้องถามคุณเลย ผมก็จะพาคุณไปส่งที่บ้านยังไงล่ะ” “โอว มาย ก้อด ไม่นะคะคุณ” มธุรสลดาอุทานออกมาอย่างมีจริตจก้าน “คุณชินจังอย่าได้เอาน้ำผึ้งไปส่งที่บ้านเด็ดขาด” “ทำไมเหรอ” “เถอะน่า” “แล้วจะให้ไปส่งที่ไหน” “คอนโดเพื่อนน้ำผึ้งค่ะ ที่สีลม” “ไม่ได้ คุณกลับไปพักที่บ้านปลอดภัยกว่า” เขาตัดสินใจแทนเธอ “น้ำผึ้งจะไม่กลับบ้านเด็ดขาดค่ะ ถึงกลับไปคุณพ่อก็ไม่อยู่บ้านน้ำผึ้งไม่อยากกลับไปปะทะฉะแหลกกับแม่เลี้ยงใจร้าย เพราะฉะนั้นคุณชินจังจะต้องพาน้ำผึ้งไปที่คอนโดเพื่อนน้ำผึ้ง เข้าใจไหมคะ” “ไม่เข้าใจ” เขาตอบตามที่คิดจริงๆ ไม่รู้ว่าทำไมมธุรสลดาต้องคิดจะไปอยู่คอนโดเพื่อนให้วุ่นวาย บ้านช่องตัวเองรึก็ออกจะใหญ่โต คุณหญิงอมรทิพย์แม่เลี้ยงที่เธอบอกว่าไม่กินเส้นกันนั้นก็แสนจะเป็นคนจิตใจดีต่างกับที่เธอพูดมาคนละขั้ว เขาเดาว่าเธอคงจะหาเรื่องวุ่นวายเองเสียมากกว่า โชคดีที่เขาเป็นแค่บอดี้การ์ดของเธอที่มีหน้าที่ตามคอยดูแลเธอแค่เจ็ดวัน ถ้าเป็นญาติเป็นพี่เป็นน้องอยู่ด้วยกันนานกว่านี้ เขาจะจับเด็กนิสัยเสียช่างเอาแต่ใจอย่างเธอมาสั่งสอนในเรียบร้อยว่าง่ายกว่านี้เสียให้เข็ด “คุณบอดี้การ์ดมาดโหด นึกยังไงมาขัดใจน้ำผึ้งคะ” น้ำเสียงที่เคยหวานสมชื่อบัดนี้เปลี่ยนมาเป็นแหลมปรี๊ดเมื่อถูกขัดใจ “น้ำผึ้งว่า น้ำผึ้งย้ายไปนั่งข้างหน้าดีกว่า จะได้พูดจากันรู้เรื่องหน่อย” เขามองหน้าเธอไม่เข้าใจว่าจะจอดให้เธอย้ายได้อย่างไร ก็รถวิ่งอยู่บนทางด่วน แล้วเขาก็ได้เข้าใจสิ่งที่เธอพูดเมื่อเธอขยับตัวพยายามจะมุดมาที่นั่งข้างคนขับ ผ่านทางช่องว่างระหว่างเบาะคนขับกับเบาะข้างๆ ไอ้อย่างนี้เขาเคยเห็นแต่เด็กห้าขวบทำตอนจะมุดมาหาพ่อแม่แต่นี่แม่คุณหนูน้ำผึ้งอายุปาเข้าไปตั้งยี่สิบห้าแล้ว มันไม่น่ากระทำเป็นอย่างยิ่งแม้ว่าเธอจะตัวเล็กก็ตามที ตอนนี้เธอคงจะลืมว่าเธอไม่ได้เป็นเด็กแล้ว ที่สำคัญชุดที่ใส่มันไม่ได้เอื้ออำนวยเลย แต่ด้วยวิสัยความดื้อรั้นทำให้เจ้าตัวทำอะไรโดยไม่เคยยั้งคิดเลย “เฮ้ยคุณ จะทำอะไรน่ะ หยุดเลยนะ” เขาเอามือข้างเดียวที่วางจากพวงมาลัยมาดันหัวรั้นๆ ของเธอที่พยายามจะดันนำมาก่อน มือหนาๆ พยายามดันหัวเธอให้ถอยกลับไปที่นั่งด้านหลังอย่างเดิม “ขับรถต่อไปเถอะค่ะคุณชินจัง น้ำผึ้งข้ามไปได้ ไม่ต้องห่วง” “ผมไม่ได้ห่วง แต่ผมกลัวว่าตัวคุณจะติดแหงกอยู่ตรงกลางเบาะนี่แล้วแกะไม่ออกน่ะสิ โตแล้วยังจะมาเล่นมุดมาหน้ารถเหมือนเด็กๆ ไปได้ ไม่รู้เหรอว่าตัวคุณกับเด็กน่ะคนละไซส์กัน ทำไมดื้อจังเลย อย่าเล่นแผลงๆ อย่างนี้สิเดี๋ยวก็เกิดอุบัติเหตุหรอก” เป็นประโยคคำบ่นที่คนพูดคิดว่ายาวที่สุดในชีวิตตั้งแต่ได้บ่นคนมา ที่สำคัญขณะที่เขาพูดเขายังใช้มือดันหัวเธอกลับอยู่ แสดงว่าคำพูดของเขานั้นไม่มีความหมายอันใดต่อความพยายามที่จะมาเบาะด้านหน้าของเธอเลย เขาทั้งขับรถทั้งปราบปรามชุลมุนวุ่นวายกับคนในความคุ้มครอง จนเขาแทบอยากจะถอนตัวออกจากงานที่รับปากไว้ภายในวินาทีนี้ ทำไมงานสุดท้ายสำหรับอำลาชีวิตราชการของเขามันช่างวุ่นวายอัปยศอดสูเสียเหลือเกิน “คุณชินจัง อย่าเอามือผลักน้ำผึ้งกลับสิคะ บอกแล้วว่าให้ขับรถไปไม่ต้องมาสนใจ น้ำผึ้งข้ามไปได้จริงๆ มัวผลักกันอย่างนี้แหล่ะจะเกิดอุบัติเหตุ เลิกมือเอามาดัน แล้วตั้งใจขับรถต่อไปเลย มือคุณโดนหน้าอกน้ำผึ้งแล้วเนี่ย” น้ำเสียงแกมหงุดหงิดเถียงออกมา ทันทีที่เธอพูดจบ รถก็เอียงวูบไปอีกครั้งอย่างไม่ตั้งใจจนรถคันที่ขับตามมาถึงกับบีบแตรบริภาษเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นพร้อมกับอาการหน้าแดงของคนขับรถ อาการหน้าแดงที่ว่านี้ไม่ได้เกิดจากความโกรธที่โดนบีบแตรด่า หากแต่เกิดจากความเขินอาย “โอเค คุณน้ำผึ้ง โอเค คุณจะไปไหนผมจะพาไปโดยที่ไม่ขัด จะไปขึ้นเขาลงห้วยที่ไหนก็บอกผมมา ผมจะพาคุณไป” เขาบอกอย่างยอมจำนน ก่อนที่ทุกอย่างมันจะแย่ไปกว่านี้ หากเปรียบการยอมจำนนของเขาเป็นสวิตซ์ปิดอาการดื้อดึงที่จะข้ามมาข้างหน้าของมธุรสลดาได้ ก็คงจะไม่ผิดแผกจากความเป็นจริงนัก เพราะทันทีที่เขายอมแพ้ เจ้าตัวก็หยุดกึก ถอยออกมานั่งไขว่ห้างที่เบาะหลังอย่างเดิมด้วยสีหน้าที่เรียกได้ว่าพอใจสุดฤทธิ์ แถมเธอยังยักคิ้วให้เขาผ่านกระจกส่องหลังอีกต่างหาก “อย่างนี้ค่อยน่ารักหน่อย” คนขับรถถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เห็นทีตอนลงจากรถเขาต้องขอดูบัตรประชาชนของเธอเสียบ้างแล้ว เพื่อที่จะยืนยันความแน่ใจว่าเธออายุยี่สิบห้าหรือว่าห้าขวบกันแน่ “คุณชินจัง” หลังจากที่นั่งพึงพอใจกับชัยชนะของตัวเองเงียบๆ คนเดียวตั้งนาน เธอก็เอ่ยเรียกชื่อของเขาออกมา คราวนี้คนเรียกไม่โผล่มาข้างๆ ให้ตกใจอย่างคราวที่แล้ว ทำให้เป็นที่โล่งใจของเขาเป็นอย่างยิ่ง “ก่อนที่จะไปคอนโดเพื่อนน้ำผึ้ง คุณชินจังพาน้ำผึ้งไปซื้อเสื้อผ้าข้าวของที่ห้างสรรพสินค้าก่อนนะคะ พอดีน้ำผึ้งเพิ่งจะนึกออกน่ะค่ะ” “ครับ” “ไป เซ็นทรัลชิดลมนะคะ น้ำผึ้งเคยไปแล้ว ชั้นหนึ่งที่นั่นมีร้านพิซซ่าร้านหนึ่งอร่อย อยากไปทานอีกครั้ง คุณชินชอบทานพิซซ่ามั้ยคะ” เธอยังชวนคุย ในขณะที่ชายหนุ่มยังคงใช้สมาธิขับรถฝ่าดงรถติดในกรุงเทพฯ ด้วยความที่เป็นคนต่างจังหวัดและชินที่มีคนขับรถให้มากกว่า เขาจึงต้องใช้สมาธิมากในการขับรถในท้องถนนที่มีความพิเศษ(ในแง่ลบ) เพราะว่าที่กรุงเทพฯ ถนนไม่ได้โล่งเหมือนที่บ้านเขา แต่เธอไม่รู้ว่าเขาต้องการสมาธิจึงทั้งแกล้งทั้งชวนคุยไม่หยุดหย่อนเอาเสียเลย “ครับ” เขาตอบแบบส่งๆ ไป ไม่ได้ฟังว่าเธอถามอะไร เพราะมัวแต่หัวเสียกับแท็กซี่ที่เพิ่งขับปาดหน้าไปอย่างไร้มารยาท “นอกจากพิซซาแล้วคุณชินชอบทานอะไรอีกคะ” “อืม” “คุณชินจัง” น้ำเสียงหวานก้องกังวานไปทั่วรถ เมื่อรู้ได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้สนใจคุยกับตนเอง “อะไรกันคุณ” น้ำเสียงตวาดน้อยๆ ติดรำคาญของชยธรเอ่ยตอบมา เขาชักจะเชื่อแล้วว่าที่ท่านชิษณุรักษ์ได้ฝากฝังมาก่อนที่เขาจะพบมธุรสลดานั้นไม่ได้เกินจริงเลย ทั้งดื้อรั้น ทั้งเอาแต่ใจไม่มีใครเกิน หญิงสาวที่กำลังเจื้อยแจ้วอยากคุยต่อต้องเบรกตัวเองจนตัวโก่ง ถอยมานั่งหน้างออยู่ข้างหลังคนเดียวเพราะงอนที่อีกฝ่ายไม่สนใจแถมยังมาทำท่ารำคาญใส่ ชยธรเองก็เห็นกิริยาอย่างนั้นของเธอเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้รู้สึกผิดอะไรเท่าไหร่ นึกโล่งใจด้วยซ้ำที่ไม่ได้โดนก่อกวนสมาธิในการขับรถ ให้นั่งหน้างออยู่อย่างนั้นแหล่ะ เงียบเสียงไปสักพักจนกว่าเขาจะฝ่าดงรถติดไปถึงห้างสรรพสินค้า แล้วเธอจะแผลงฤทธิ์อะไรก็ค่อยว่ากันต่อไป “คุณชินจังคะ” คนที่นั่งงอนอยู่ด้านหลังทนไม่ไหวเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้สะทกสะท้านกับอาการงอนของเธอเลย “ครับ” “น้ำผึ้งหิวน้ำค่ะ” ชยธรแอบยิ้มอยู่คนเดียว ที่แท้ยอมพูดกับเขาก่อนเพราะว่าทนหิวน้ำไม่ไหวสินะ เด็กเอ๊ย “มีน้ำเปล่าอยู่ในกระเป๋าข้างๆ เท้าคุณนะครับ บริการตัวเองหน่อยก็แล้วกัน” ชยธรบอก มธุรสลดาจึงก้มลงมองหากระเป๋าที่ว่าแล้วหยิบขวดน้ำออกมาขวดหนึ่ง แต่เธอไม่ยอมดื่มน้ำ กลับเพ่งสายตาอ่านฉลากที่ติดอยู่ข้างขวดอย่างพินิจพิเคราะห์แทน “ไม่มีน้ำแร่เหรอคะคุณชินจัง น้ำผึ้งไม่เคยดื่มน้ำเปล่าแบบนี้น่ะค่ะ” “ไม่มีครับ” “แล้วน้ำผึ้งจะทานน้ำที่ไหนละคะ น้ำผึ้งหิวน้ำ” เสียงออดอ้อนราวกับเด็ก ทำให้เขาถอนใจ หิวน้ำ ก็ถือน้ำอยู่ในมือแท้ๆ แล้วยังไม่ดื่ม เขาจะช่วยอะไรเธอได้กันล่ะ “ดื่มเข้าไปเถอะครับ น้ำเปล่ากับน้ำแร่มันก็แก้กระหายได้เหมือนกันนั่นแหล่ะ” “แต่ว่า เอ่อ ไม่เป็นไร น้ำผึ้งทานน้ำแบบนี้ก็ได้ค่ะ คงพอดื่มได้เพราะอย่างน้อยน้ำดื่มยี่ห้อนี้ก็เป็นยี่ห้อเดียวในเมืองไทยที่ผ่านมาตรฐานอเมริกา ปกติน้ำผึ้งจะทานแต่น้ำแร่ค่ะ แต่วันนี้น้ำผึ้งทานเพราะว่าเดี๋ยวคุณชินจังจะหาว่าน้ำผึ้งเรื่องมากค่ะ” ไม่ใช่จะว่าหรอก เขาว่าเธอในใจไปแล้วเรียบร้อย “คุณชินจังรู้ไหมคะว่าทำไมน้ำผึ้งถึงทานแต่น้ำแร่” “ไม่รู้ครับ” เขาตอบสุภาพ ทั้งๆ ที่ในใจคิดว่าแล้วผมจะรู้มั้ยล่ะครับ “เพราะว่าน้ำผึ้งหันมาดูแลสุขภาพตัวเองมากขึ้นค่ะ คนเราปกติเนี่ยไม่ค่อยสนใจเรื่องการดื่มน้ำหรือคุณภาพของน้ำที่ดื่มสักเท่าไหร่เลย ทั้งๆ ที่จริงแล้วน้ำเปล่าเนี่ยเป็นสิ่งที่เราดื่มมากที่สุดและสำคัญต่อร่างกายมากที่สุด เพราะฉะนั้นเราจึงควรเคร่งครัดเกี่ยวกับเรื่องน้ำดื่มมากที่สุดเลย ๆลๆ” กว่าจะถึงห้างสรรพสินค้าชยธรก็ได้ฟังปถกฐาเรื่องน้ำไปจนสุดทาง เขาล่ะนับถือในความช่างพูดของคนในคุ้มครองของเขาเสียจริง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม