ตอนที่สี่ 2

1280 คำ
“นี่ยังไม่กลับห้องตัวเองอีกเหรอ” เขาเดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่อาบน้ำกว่าครึ่งชั่วโมง คิดว่ามธุรสลดาจะล่าถอยออกจากห้องไปแล้ว แต่ออกมาก็เจอเธอนั่งค้ำคางที่โต๊ะทำงานของเขา จดจ้องรูปถ่ายของเขาในกรอบอย่างพินิจพิจารณา รูปขนาดโปสเตอร์นี้ใส่กรอบขนาดใหญ่ เป็นรูปที่เขาใช้โปรแกรมตัดต่อรวบรวมรูปหลายๆ ใบของเขามาใส่เป็นโปสเตอร์ใหญ่ใบเดียว อันประกอบด้วยรูปตั้งแต่สมัยเด็กแบเบาะ เริ่มโต จวบจนมาถึงปัจจุบัน ฝ่ายหญิงสาวหันหลังไปมองทางต้นเสียงเห็นร่างสูงในชุดคลุมสีขาวสะอาด เอาผ้าขนหนูผืนเล็กขยี้ผมให้หมาดไปพลางคุยกับเธอไปพลาง เขาคงนึกว่าเธอจะไม่อยู่ที่นี่เลยถามออกมาอย่างนั้นกระมัง หญิงสาวคิดอยู่คนเดียวในใจ “ถ้ากลับจะเห็นน้ำผึ้งนั่งอยู่ตรงนี้ไหมเนี่ย ถามแปลก” “พี่คิดว่าพี่พูดกับน้ำผึ้งรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว เราก็ควรกลับห้องได้ ไม่รู้เหรอว่าอยู่ห้องกับผู้ชายสองต่อสองมันไม่เหมาะ เป็นเด็กเป็นเล็กอย่าทำอะไรให้มันมากไปนัก” “ไม่ เรายังคุยกันไม่รู้เรื่อง น้ำผึ้งไม่เปลี่ยนบอดี้การ์ด” เขาส่ายหัวกับความดื้อรั้นของเธอ “งั้น ออกไปรอพี่ที่ห้องรับแขก เดี๋ยวพี่ออกไปคุยด้วย พี่เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน” หญิงสาวทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะบอกว่า “อย่าผิดคำพูดก็แล้วกันนะคะ” แล้วเธอก็เดินออกไป ชยธรสวมชุดนอนแล้วออกมาหาหญิงสาวเจ้าปัญหาที่เขาตั้งใจจะดัดนิสัยหากแต่โดนเอาคืนเสียจนแทบตั้งตัวไม่ติด ออกมาข้างนอกแล้วเห็นอีกฝ่ายดูรายการทีวีแล้วนั่งหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอยู่คนเดียวก็นึกขึ้นว่า ถ้าหากโทรไปถามท่านชิษณุรักษ์ตอนเที่ยงคืนกว่าๆ ถึงวิธีที่จะปราบลูกสาวของท่านให้อยู่ราบคาบได้ ท่านจะว่าอะไรเขาหรือไม่นะ “พี่ชินมาพอดีเลย มานี่ค่ะมานี่” มือเล็กๆ กวักมือเรียก เธอปิดโทรทัศน์แล้วดึงชายเสื้อเขาให้นั่งที่โซฟาตัวเดียวกันกับเธอแต่ไม่ห่างกันมากนัก “ฟังรายการวิทยุเป็นเพื่อนน้ำผึ้งหน่อย” เธอบอกพร้อมกับยื่นหูฟังโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูของเธอให้เขาข้างหนึ่ง ส่วนตัวเธอก็ฟังอีกข้างหนึ่ง เขาเลิกคิ้วมองเธอด้วยสายตาไม่เข้าใจ เขานึกว่าเธอจะคุยกับเขาเรื่องการทำงานเสียอีก แต่ไปยังไงมายังไงให้เขามาฟังรายการวิทยุเป็นเพื่อน “รายการอะไร” เขาถามเธออย่างไม่ค่อยไว้ใจนัก “ช็อคเอฟเอ็มค่ะ” หญิงสาวยื่นหูฟังให้เขาอีก แต่เขาก็ไม่รับไปเธอจึงเอาหูฟังข้างนั้นทิ่มเข้าหูเขาเสียเองเลย “เร็วค่ะ ข่าวต้นชั่วโมงแล้วรายการกำลังจะเริ่ม รายการนี้สนุกมากเลยค่ะเพื่อนเคยเล่าให้น้ำผึ้งฟัง เป็นรายการที่ให้ทางบ้านโทรมาเล่าเรื่องผีให้ฟังน่าสนุกมาก” “เรื่องผี” เขาถามเสียงดัง มือหนาดึงหูฟังออกจากหูของตนเองทันทีโดยที่ไม่กลัวว่าคนที่เจ้ากี้เจ้าการจะให้เขาฟังจะขัดใจ แค่ฟังคำว่าเรื่องผีจากปากเธอ ขนเขาก็ลุกเกรียวไปทั่วทั้งตัว ฟังเรื่องผีเหรอ ให้วิ่งไปให้รถทับยังจะง่ายกว่า คนที่กลัวผีคิดไป “หูฟังหลุดเหรอคะ มาน้ำผึ้งเสียบใหม่ให้” เธอทิ่มหูฟังมาที่หูเขาอีกรอบ “เพลงของรายการกำลังเล่น” เธอบอก เลือด ข้าอยากได้เลือดดดดดด เสียงเพลงที่ดังผ่านมาทางหูฟังทำให้หัวใจแข็งแกร่งดังภูผาแต่ทว่าพ่ายแพ้ต่อคำว่าผีของชายหนุ่มหล่นวูบ “อะ เอ่อ น้ำผึ้งฟังคนเดียวเถอะพี่ไม่ชอบ” เขาถอดหูฟังส่งคืนเธอ “ไม่ได้ค่ะพี่ชินน้ำผึ้งกลัวน้ำผึ้งไม่กล้าฟังคนเดียวพี่ชินฟังเป็นเพื่อนหน่อยนะคะ นะ” พี่ก็กลัวเหมือนกันครับน้อง เขาตอบเธอในใจ “กลัวแล้วจะฟังทำไม ไม่เอาพี่ขี้เกียจฟัง” “หรือว่าพี่ชินไม่ชอบฟังหูฟังคะ” “เอ่อ ใช่แล้ว ใช่จ้ะ” เขาบอกพลางเช็ดเหงื่อที่น่าผากไปพลาง “งั้นเปิดลำโพงก็ได้ค่ะ เราจะได้ฟังกันง่ายๆ” เธอถอดหูฟังออกแล้วเปิดลำโพงเสียงดังสูงสุด ชยธรคิดว่าถึงเขาเข้าไปในห้องก็คงได้ยินชัดเจน “พี่ไปนอนแล้วนะ” เขาลุกเดินออกมา แต่เธอไม่รั้งเขาไว้อย่างที่นึกกลัว “น้ำผึ้งจะฟ้องพ่อ” “ฟ้องอะไร ฟ้องว่าพี่ไม่ฟังเรื่องผีสติแตกของเราเป็นเพื่อนเรางั้นเหรอ ตามใจเลย” “น้ำผึ้งจะฟ้องพ่อว่าพี่ชินทำมิดีมิร้ายกับน้ำผึ้ง” “อะไรนะ จะบ้าเหรอน้ำผึ้ง” เขาหันกลับมามองตกใจ เธอยักคิ้วให้เขาก่อนจะตบที่ที่นั่งว่างๆ ข้างเธอเรียกเขามานั่งด้วยอย่างมีชัยเหนือชายหนุ่ม “ไม่รู้หล่ะ ถ้าน้ำผึ้งร้องให้กระเซอะกระเซิงโทรหาพ่อว่าพี่ชินทำอะไรน้ำผึ้งเนี่ย ถึงแม้ว่าพ่อจะเชื่อว่าพี่ชินเป็นคนดีแค่ไหนก็ตามแต่พ่อต้องเชื่อน้ำผึ้งแน่นอนเพราะน้ำผึ้งไม่เคยโกหกพ่อ” “อย่างเราน่ะเหรอไม่เคยโกหก พ่อเราคงจะเชื่อตายล่ะ พี่ดูหน้าเราก็รู้เพราะมันบอกยี่ห้อความเจ้าเล่ห์เป็นเด็กเลี้ยงแกะได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ” “พี่ชินจะลองดูมั้ยคะ” ดวงหน้าหวานๆ ท้าทายจนเขาอยากจะหยิกแก้มเธอแรงๆ ให้หายงุ่นง่าน เขาก็คิดตามไปว่าถ้าน้ำผึ้งเอาจริง มันต้องไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แน่ แล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าเธอจะไม่เอาจริงด้วย ชายหนุ่มจึงเดินกระแทกส้นไปนั่งข้างๆ เธออย่างจำใจสุดขีด “เร็วค่ะ เขากำลังจะเริ่มเล่า” อีกฝ่ายบอกอย่างกระตือรือร้น ชยธรมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของเจ้าตัวปัญหาอย่างอ่อนใจ เขากำลังพยายามเปรียบเทียบว่า ระหว่างการต้องไปปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงภัยสูงสุดในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ การฟังเรื่องผีของเธอในคืนนี้ และการที่ต้องมาอารักขาเธอเจ็ดวัน อย่างไหนมันโหดร้ายทารุณหรือเป็นอันตรายต่อชีวิตของเขามากที่สุด คิดไม่ถึงครึ่งนาทีเขาก็ได้คำตอบว่า เขาเลือกคำตอบว่าคือข้อที่ต้องมาอารักขาเธอเจ็ดวัน เป็นคำตอบสุดท้าย “พี่ชินคะ เราฟังมันจนปิดรายการเลยเนาะ ฟังหลายๆ เรื่องน่ากลัวดี แล้ววันหลังพี่ชินก็ต้องฟังเป็นเพื่อนน้ำผึ้งทุกวันด้วย ไม่งั้นน้ำผึ้งไม่ยอม ถ้าพี่ชินขัดใจน้ำผึ้งอีก คราวนี้จะฟ้องพ่อว่าพี่ชินทำมิดีมิร้ายกับน้ำผึ้งแล้วน้ำผึ้งไม่ยอมพี่ชินก็เลยตบตีน้ำผึ้ง” เธอพูดไปฟังรายการไป ส่วนคนที่ฟังรายการอย่างจำใจอยู่ข้างๆ นั้นรู้สึกได้ว่าสงสารตัวเองสุดหัวใจ และมันก็เป็นคำตอบที่ถูกต้อง ผู้กองหนุ่มได้แต่ส่ายหัวระอาใจแล้วก็ฟังเรื่องเล่าเรื่องผีจากทางบ้านทั้งๆ ที่ไม่อยากฟัง ได้แต่หวังว่าพอฟังไปฟังมาเขาคงไม่ได้หัวใจวายตายอยู่ตรงนี้หรอกนะ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม