รินลณีให้ข้อมูลเกี่ยวกับพี่สาวคนสนิททุกอย่าง ทั้งรูปทั้งข้อมูลบ้านของจอย รวมถึงรูปพรรณสัณฐานแฟนหนุ่มของพี่สาวคนสนิท ไม่คิดว่าจอยจะหลอกได้ลงคอ แม้แต่ตอนนี้ก็ยังติดต่ออีกฝ่ายไม่ได้ เชื่อไปแล้วว่าตัวเองถูกหลอกแล้วจริง ๆ
“เดี๋ยวมีอะไรเพิ่มเติมผมจะมาบอกนะครับ” ภูริว่าเสร็จก็ลุกขึ้น ทว่าใบหน้าของรินลณีก็ยังมีความกังวลอยู่
“อย่าทำร้ายเธอเลยนะคะ” กระนั้นเจ้าตัวก็เป็นห่วงคนอื่น
“ครับ ปกตินายก็ไม่เคยสั่งทำร้ายใครอยู่แล้วครับ” ได้ยินอย่างนั้นก็โล่งอก แต่ก็จริงอย่างที่ภูริว่า เพราะเธอเองก็ไม่ได้ถูกทำร้ายร่างกาย แม้จะทำเรื่องไม่น่าให้อภัยก็ตาม
“เอ่อ ถ้าเรียบร้อยแล้ว ฉันขอโทรศัพท์โทรบอกแม่หน่อยได้ไหมคะ” เธอถูกยึดโทรศัพท์ไป ยังไม่ได้บอกคนเป็นแม่เลยว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ไหน แต่ก็คงไม่บอกความจริงหรอก รินลณีคิดจะโกหกต่อไป
“เดี๋ยวผมโทรหานายให้ครับ แต่ว่าตอนนี้คงไม่ได้เพราะนายน่าจะเข้าประชุมอยู่น่ะครับ”
“อ่อ...ค่ะ” เธอพยักหน้ารับเบา ๆ มองแผ่นหลังหนาของภูริที่เดินออกจากคอนโดฯไป หลังจากไปซื้อของที่ตลาดนัดเธอก็ได้มาอยู่ที่นี่ คอนโดมิเนียมหลังเดียวกันกับเขาคนนั้น เพียงแต่ว่าคนละชั้น เธออยู่ชั้นที่ 20 ซึ่งเขาไม่ให้เธออยู่ห้องเดียวกับเขา คงเป็นเพราะความเป็นส่วนตัว หรือไม่ก็รังเกียจเธอ
รินลณีนั่งเก็บของที่ไปซื้อมาจากตลาด ทั้งหมดนี้ตั้งห้าพันบาท ไม่เคยซื้อเสื้อผ้าเยอะขนาดนี้มาก่อน พอไปถึงก็ชี้นิ้วอยากได้นั่นนี่อัตโนมัติ เธอเดินตลาดบ่อยครั้ง อยากได้ชุดสวย ๆ ก็เยอะแต่ก็ไม่มีเงินซื้อ คราวนี้มีโอกาสก็เลยชี้นิ้วเลือกทันที
เวลาผ่านไปสักพักเสียงกดออดหน้าห้องก็ดังขึ้น ไม่นานบานประตูก็ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างบางของแพรว
“กลับมาละเหรอ” รินลณีลุกขึ้นยืน ทักทายเพื่อนใหม่ที่เดินเข้ามาพร้อมกับถุงกระดาษเต็มไม้เต็มมือ
“รีบเอาของที่ซื้อมาจากตลาดไปทิ้งก่อน” ไม่ตอบรับคำทักทายแต่ออกคำสั่งแทน แพรวยกมือขึ้นปาดเหงื่อ กว่าจะเลือกชุดเสร็จ ไหนจะของใช้ เครื่องสำอาง น้ำหอมที่เจ้านายชอบอีก เล่นเอาเธอล้าไปทั้งตัว
“อะไรคะ หมายความว่าไง เอาทิ้งคืออะไรคะ” รินลณีมึนงง ไม่นานก็ได้รับความกระจ่าง
“คุณธันวาไม่ชอบของราคาถูก งั้นเดี๋ยวเธอจัดของพวกนี้ใหม่ เดี๋ยวฉันเอาไปทิ้งเอง”
“วะว่าไงนะคะ เอาทิ้ง ของราคาถูกอะไรกันมันไม่ใช่ถูก ๆ นะ” รินลณีตกใจ เธออุตส่าห์ดีใจไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะไม่ชอบใจ
“นี่แหละของถูก เธอกับเขามันคนละชั้นกันพูดไปก็ไม่เข้าใจ รีบเก็บของดีกว่าก่อนนายจะมา ตอนเย็นเธอต้องทำหน้าที่แล้ว”
“หน้าที่? เย็นนี้เหรอ” หัวใจของเธอร่วงหล่น ตกใจ และทำตัวไม่ถูกในคราวเดียวกัน เมื่อคืนก็เจ็บมากเขาน่าจะให้เธอพักสักหน่อย แต่ก็ไม่มีทางเลือกมากนัก
“ใช่ รีบเก็บของเถอะ เสร็จแล้วจะได้แต่งตัวรอนาย” รินลณีหวั่นใจทำตัวไม่ถูก แต่พอเห็นแพรวรีบร้อนก็พลอยทำให้รีบร้อนตามไปด้วย
ข้าวของจากตลาดนัดถูกแพรวกวาดไปเก็บจนหมด อันที่จริงเธอจะเอาไปทิ้ง แต่รินลณีก็ขอไว้เสียก่อน
เวลาผ่านไปสักพักแพรวก็ออกจากห้องไปแล้ว ปล่อยให้รินลณีอยู่ในห้องเพียงลำพัง หญิงสาวมองเสื้อผ้าแบรนด์เนมที่แขวนอยู่ตามราวภายในตู้เสื้อผ้า เธอถูกสั่งให้อาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดวาบหวิวรอคนเป็นนายมาหา จนป่านนี้ก็ยังไม่ได้กินข้าว แม่ก็ยังไม่ได้โทรหา กังวลไปต่างนานา ตอนนี้ก็สามทุ่มแล้วด้วย
หญิงสาวอยู่ในชุดนอนลายลูกไม้สีชมพู แพรวเป็นคนบังคับให้ใส่ ซึ่งรินลณีไม่ได้อยากแต่งกายแบบนี้แต่ก็ต้องทำ อยากให้เขาคนนั้นกลับมาไว ๆ ไม่ใช่เพราะต้องการทำหน้าที่แต่เป็นเพราะอยากโทรหาแม่ต่างหาก
ทว่าขณะนั้นเอง
แกร็ก~
อยู่ ๆ บานประตูก็ถูกเปิดออก พร้อมกับการปรากฏตัวของคนที่เธอเฝ้ารอ รินลณีสะดุ้งเล็กน้อย
...สายตาของคนทั้งคู่สบกันนิ่ง วันนี้วาระการประชุมค่อนข้างเยอะ แต่เขาไม่ได้รู้สึกเหนื่อยเลย อาจจะเป็นเพราะเฝ้ารอเวลาที่จะมาทำอะไรบางอย่างกับเธอคนนี้
“อาบน้ำให้ฉันด้วย” เขาว่าพร้อมกับเดินเข้าหา ปกติแล้วถ้าเรียกเด็กมาก็จะรู้งาน เดินมาถอดเสื้อสูทให้เขาในทันที แต่เธอก็ไม่ทำแถมยังทำหน้าตื่นกลัวให้เขาเห็นอีก
“อะอาบน้ำ อาบให้ได้ค่ะ แต่ว่าตอนนี้ฉันขอโทรหาแม่หน่อยได้ไหมคะ” รินลณีค่อย ๆ เดินเข้าหา เขาจะให้ทำอะไรเธอยอมหมดนั่นแหละ ขณะที่คนได้ยินก็แปลกใจแต่พอล้วงโทรศัพท์ออกมาดูก็เห็นว่าภูริโทรหาเขาหลายสาย สงสัยจะคุยเรื่องนี้
“เอาไป” ชายหนุ่มยื่นโทรศัพท์ให้เธอ รินลณีรับไปอย่างร้อนรน รีบกดโทรศัพท์โทรหาคนเป็นแม่ ขณะเดียวกันเจ้าของโทรศัพท์นั้น...
ธันวาทนไม่ไหว เขาไล่สายตามองรูปร่างของเธอในชุดนอนลายลูกไม้สุดเซ็กซี่นี้ ก่อนจะเดินไปช้อนแผ่นหลังบาง ทำเอาคนที่กำลังรอสายโทรศัพท์อยู่นั้นสะดุ้งโหยง แต่ก็พูดอะไรไม่ได้เมื่อคนเป็นแม่รับโทรศัพท์แล้ว
“แม่ หนูรินนะแม่” เธอว่าเสียงอ่อน ก้มมองฝ่ามือหนาที่เลื่อนมากุมหน้าอกของเธอจากทางด้านหลัง เขาลูบเบา ๆ ผ่านเสื้อลายลูกไม้ตัวนี้
[อ้าวริน...แม่ก็นึกว่าใครโทรมา เห็นเบอร์แปลก ช่วงนี้ยิ่งมีแก๊งมิจฉาชีพเยอะอยู่ ก็เลยไม่ได้รับ แต่เห็นโทรไม่หยุดเลยรับ ไม่คิดว่าจะเป็นหนู] น้ำเสียงของคนเป็นแม่ทำเอาเจ้าตัวอยากร้องไห้ออกมาหนัก ๆ แต่ก็ทำไม่ได้เพราะคนตัวโตทางด้านหลังกำลังยุ่มย่ามกับร่างกายของเธอ เขากดปลายจมูกลงที่ต้นคอพร้อมกับขบเม้ม ธันวาถูไถเป้ากางเกงกับบั้นท้ายงอนงาม เขาแทบจะกลืนกินตัวเธอไปทั้งตัวแล้ว
“มะแม่คะ ที่ทำงานเขาจัดการแข่งขันนะแม่ แล้วหนูต้องนอนพักที่นี่จนกว่าทัวร์นาเมนต์จะจบ” เป็นเหตุผลเดียวที่แม่จะหมดห่วง เธอไม่อยากโกหกนักหรอก แต่ก็ต้องทำเพื่อความสบายใจ
[อ้อ จ้า]
“แม่ดูแลตัวเองดี ๆ นะแม่ เดี๋ยวหนูแวะไปหา ถ้าหยุดวันไหน”
[ไม่เป็นไรจ้า หนูตั้งใจทำงานให้สมกับที่เขาจ้างนะ แม่ก็ไม่ได้อะไรมากหรอก ลุงแมนมาซ่อมประตูให้แล้วก็ไม่มีอะไรแล้วล่ะ] ได้ยินว่าประตูถูกซ่อมก็โล่งอก รินลณีอยากคุยกับแม่อีกหน่อย แต่ว่าคนข้างหลังกำลังนัวเนียจนเกรงว่าตัวเองจะหลุดเสียงครางออกมา
“งั้น...คะแค่นี้ก่อนนะแม่ หนูขอทะทำงานก่อน” ว่าเสร็จก็กดตัดสายทันที แต่ยังไม่ทันได้ดึงโทรศัพท์ออกจากหู ฝ่ามือหนาก็ยื่นมารั้งใบหน้าของเธอให้เอี้ยวไปหา ก่อนที่เขาจะประกบจูบริมฝีปากอวบอิ่มของเธอในทันที โดยไม่ทิ้งโอกาสให้เธอได้ปริปากพูดเลยสักคำ...