EP.1 ซัลลี่ยัยภาระ
สนามบิน
“ฮัลโหลเฮียเตอร์ ทำไมยังไม่มารับหมวยสักทีเนี้ย” ซัลลี่ตะโกนใส่ปลายสายด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด หลังจากที่ต้องยืนรอพี่ชายมารับนานนับสิบนาทีได้แล้ว
“โทษทีหมวย รถเฮียยางแตกกำลังรีบเปลี่ยนอยู่ รอแป๊บนะ” ปลายสายตอบกลับด้วยน้ำเสียงร้อนรนใจ เพราะตนก็ไม่ได้อยากให้น้องสาวต้องรอนาน แถมยังอันตรายเพราะอยู่คนเดียว
“ตลอดเลยเฮียเตอร์ หมวยโกรธเฮียแล้ว!”
“โถ่น้องสาวเฮีย เฮียขอโทษ เอางี้เดี๋ยวเฮียให้เพื่อนไปรับก่อน อยู่คนเดียวมันอันตราย”
“อีกแล้วนะ ให้คนอื่นมารับน้องอีกแล้ว” นึกแล้วก็น่าน้อยใจไม่ได้เจอกันมานานสี่ปีแทนที่พี่ชายจะเป็นคนมารับเอง แต่กลับต้องไปว่ายวานให้คนอื่นมารับอีก
“นะๆ เดี๋ยวเฮียให้ไอ้ไดไปรับแล้วไปรออยู่บ้านมันนะ”
“เฮียไดมอนด์เหรอคะ?” รู้สึกใจหวิวแปลกๆเมื่อได้ยินชื่อของเขา
“นั่นแหละ เฮียโทรหามันก่อน บริษัทมันอยู่ไม่ไกลจากสนามบิน” เมื่อฮันเตอร์พูดจบเขาจึงกดวางสายไปทันที ซัลลี่จึงทำได้แค่นั่งรอให้เพื่อนสนิทของพี่ชายมารับ
ซัลลี่ นอร์ เด็กสาวอายุ 24ปี เธอเป็นน้องสาวเพียงคนเดียวของฮันเตอร์ นอร์ แถมฮันเตอร์เองก็ยังหวงแหนและเอ็นดูเธอเอามากๆ เพราะเขาเป็นคนเลี้ยงดูเธอมากับมือ
วันนี้เป็นวันที่เธอกลับมาจากต่างประเทศ หลังจากที่ไปเรียนอยู่ที่นิวยอกนานถึงสี่ปีโดยที่บิดาของเธอเป็นคนจ่ายค่าเทอมให้ และตอนนี้เธอได้เรียนจบแล้วจึงกลับมาอยู่ที่ประเทสไทยเพื่อกลับมาอยู่กับครอบครัว
10 นาทีผ่านไป
“เมื่อไหร่จะมาสักที ถ้าไม่กลัวจะนั่งแท็กซี่กลับเองให้ดู!” บ่นพึมพำพลางชะเง้อคอมองหารถของพี่ชาย
ในขณะดียวกันก็มีรถไฮเปอร์คาร์สีดำราคาแพงมาจอดเทียบฟุตบาทตรงหน้าเธอ ก่อนที่กระจกรถจะลดลงเพียงครึ่งเดียวจึงทำให้เห็นบุคคลที่อยู่ด้านใน ทว่าซัลลี่กลับไม่ได้สนใจและเลือกที่จะชะเง้อคอมองหารถพี่ชายของตนต่อแทน
“ขึ้นมา” บุคคลที่อยู่ในรถพูดขึ้น ฉุดให้ซัลลี่ต้องมองไปที่เขาเพราะรู้สึกคุ้นชินกับเสียงของชายหนุ่มคนนี้
“พูดกับฉันเหรอคะ?” เมื่อเห็นว่าตรงนี้มีแค่เพียงเธอจึงถามกลับไป
“ชักช้าก็ยืนรอพี่ชายเธอต่อไปแล้วกัน”
“คุณคือ..”
“ยัยภาระ” พูดพลางหันมองมาที่เด็กสาวพร้อมกับถอดแว่นตากันแดดออก จึงทำให้ซัลลี่รู้ทันทีว่าเขาคือใคร
“เฮียไดมอนด์..” อุทานชื่อของชายหนุ่มออกมาเบาๆ จ้องมองเขาอย่างไม่ลดละสายตา เธอจำเขาได้ดีเพราะไม่มีใครเรียกเธอว่ายัยภาระนอกจากเขาอีกแล้ว
“ขึ้นมาได้แล้ว คันหลังจะด่าพ่อฉันอยู่แล้ว”
“ก็บอกว่าไม่ต้องมารับ เฮียเตอร์นะเฮียเตอร์!” เพราะเธอกับเขามีอดีตที่ฝังใจกันจึงไม่อยากเจอและให้เขาเป็นคนมารับ
“ไม่ขึ้นก็ตามใจ”
บรื้น! เสียงคันเร่งดังขึ้นบ่งบอกว่าชายหนุ่มในรถกำลังจะออกตัวและทิ้งเธอไว้ตรงนี้
“ปะ..ไปด้วย! กำลังจะขึ้นแล้วเนี้ย” ไม่อยากถูกทิ้งจึงรีบเดินไปอีกฝั่งและเปิดประตูขึ้นมานั่งบนรถทันที
บรื้นนน! เสียงเหยียบคันเร่งอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้รถออกตัวแบบกระชากจึงทำให้ซัลลี่ที่ยังไม่ทันจะได้คาดเข็มขัดนิรภัยเกือบหน้าคะมำ
“จิ๊! ไม่เจอตั้งนานคิดว่าจะนิสัยดีขึ้น!” บ่นพึมพำเพียงคนเดียวเหลือบมองชายหนุ่มข้างๆด้วยสายตาไม่พอใจ
“บ่นอะไร ฉันไม่ได้ใจดีเหมือนพี่เธอนะ เดี๋ยวจับโยนลงรถ”
“ไม่ได้พูดถึงเฮียสักหน่อย”
“ยัยภาระ ไปก็ภาระกลับยังจะภาระ” เขาพูดโดยไม่ได้หันมองเด็กสาวแต่ยังคงจ้องมองไปที่ถนนสายหลัก
-ย้อนกลับไปวันครึ่งเครื่อง-
“ซัลลี่ออกมาจากบ้านหรือยังลูก อีกครึ่งชั่วโมงม๊าถึงสนามบินแล้วนะ” ซินเอ่ยถามลูกสาวที่กำลังคุยโทรศัพท์ด้วย
“เฮียเตอร์ยังไม่มาเลยค่ะม๊า เดี๋ยวหนูโทรตามก่อนนะคะ”
“โอเคจ้ะ เจอกันที่สนามบิน อย่าสายนะลูก”
“โอเคค่ะ” เมื่อพูดจบจึงกดวางสายของมารดาและต่อสายหาพี่ชายตัวแสบทันที
“เฮียกำลังจะโทรหาพอดีเลยหมวย เฮียไปรับไม่ทันเดี๋ยวไอ้ไดไปรับไปส่งที่สนามบินแทนนนะ”
“ทำไมไม่ทันล่ะคะ แล้วเฮียจะมาส่งหมวยขึ้นเครื่องทันไหม จะไม่ได้เจอกันอีกหลายปีเลยนะคะ”
“ส่งขึ้นเครื่องทันแน่นอน ไอ้ไดมันกำลังไปรับ ออกไปประมาณห้านาทีได้แล้ว”
“ค่ะ เฮียรีบมานะ ไม่งั้นหมวยโกรธเฮียจริงๆด้วย”
“ครับ”
-ปัจจุบัน-
“ก็ไม่ได้อยากเป็นภาระสักหน่อย ถ้าไม่อยากมาก็ไม่เห็นต้องมาเลย ยังจะมาว่ากันอีก” กอดอกนั่งหน้าบึ้งตึง เธอไม่ได้อยากเป็นภาระของใครต่อใครทั้งนั้น หากไม่มีเรื่องร้ายฝังใจเกี่ยวกับการนั่งแท็กซี่เธอก็คงจะนั่งกลับไปเองโดยไม่ต้องรอให้ใครมารับทั้งนั้น
ไดมอนด์ไม่ได้ตอบกลับอะไรเด็กสาวกลับไป แต่ตั้งใจขับรถแทน จนกระทั่งเลี้ยวรถเข้ามาจอดหน้าเซเว่น
“จะกินอะไรก็ลงไปซื้อเอา”
“อะไรคะ” หันไปถามชายหนุ่มอย่างไม่เข้าใ เธอยังไม่ได้พูดสักนิดว่าอยากแวะเซเว่น
“ไอ้พี่เวรของเธอมันให้ฉันพาแวะเซเว่น จะกินอะไรก็ลงไปซื้อเอาที่บ้านฉันไม่มีอะไรให้กิน” ตอนที่ฮันเตอร์โทรมาหาไดมอนด์ให้ช่วยไปรับซัลลี่เขาได้สั่งเอาไว้เพราะกลัวว่าน้องสาวของตัวเองจะรอนานจนหิว จึงให้แวะเซเว่นหาอะไรลองท้องก่อน
“แต่หนูยังไม่ได้แลกเงินไทยค่ะ ไม่มีติดตัวมาสักบาท”
เมื่อไดมอนด์ได้ยินเช่นนั้นจึงหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาและยื่นแบงก์เทาให้กับเด็กสาว
“ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวหนูคืนนะ” เขาพยักหน้าให้เด็กสาวก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นรอ
5 นาทีผ่านไป
“มาแล้วค่ะ ไม่ทอนนะคะ จะได้คืนแบงก์พันไปเลย” เธอพูดพลางหยิบขนมและนมขึ้นมาแกะ โดยไม่ได้ซื้ออะไรมาฝากชายหนุ่มเลยสักอย่าง ซึ่งไดมอนด์ก็ไม่ได้สนใจและขับรถออกมาทันที
“ข้าวไม่กิน แต่กินขนม” เมื่อสังเกตเห็นว่าในถุงมีแต่ขนมจึงพูดขึ้น
“ก็หนูไม้ได้หิวข้าวค่ะ แค่ลองท้องเผื่อหิว”
“ถ้าไอ้เตอร์มันด่าฉัน ฉันจะทุบหลังเธอ”
“ไม่หรอกน่า ซัลลี่เคลียร์ได้” ยกคิ้วให้กับชายหนุ่มอย่างทะเล้น ทว่าไดมอนด์กับไม่ได้สนใจและขับรถต่อ
ตลอดทางเด็กสาวนั่งกินขนมปังและนมจนแก้มตุ่ย เธอไม่ได้เอ่ยชวนชายหนุ่มข้างๆเลยสักนิด แถมยังกินคนเดียวจนหมด
ในระหว่างที่กำลังติดไฟแดงก่อนถึงซอยบ้านของไดมอนด์ เขาได้สังเกตเห็นเด็กสาวข้างๆเอาแต่เกาที่แขนทั้งสองข้างสลับไปมา จนเริ่มขึ้นผื่นแดง
“จะเกาทำไม”
“คันค่ะ คันมากๆ” มือเล็กเปลี่ยนมาเกาและถูที่ต้นคอแทน จนไดมอนด์สังเกตเห็นถึงความผิดปกติ
“ซื้อนมอะไรมากิน เอามาดู”
“นี่ค่ะ”
เขาแย่งกล่องนมในมือของเด็กสาวมาอ่านวัดถุดิบด้านหลังกล่อง ก่อนจะหันไปดุเธอ
“จะกินนมอะไรทำไมไม่อ่านก่อนวะ ก็รู้ว่าตัวเองแพ้ถั่วยังไม่ระวัง!”
“อะ..อะไรนะคะ มีถั่วเหรอ!” แย่งกล่องนมในมือเขากลับมาอ่านอีกครั้ง ก่อนจะรีบทิ้งลงถุงด้วยความรวดเร็ว
“หยุดเกา! ถ้าไม่หยุดฉะมัดมือเธอติดกับมือฉัน!” จับมือข้างขวาของเด็กสาวเอาไว้ก่อนจะรีบตีไฟเลี้ยวกลับและตรงไปที่โรงพยาบาล
“อึก คัน”
“ชอบหาแต่เรื่อง!”
“…” คำดุด่าของไดมอนด์ทำเอาเด็กสาวถึงกับนิ่งไปทันที อยากจะเกาแต่ก็ถูกล็อกมืออีกข้างเอาไว้ ทำได้แค่ใช้มือข้างซ้ายลูบไปตามแขนขา
______________________________________________
มีความจำได้ว่าน้องแพ้ถั่ว อิอิ แต่เปิดมาก็จะทุบกันละ55555555
ขอคนลั 1 คอมเมนต์ 1 ใจ นะคะงับ