กัวเหม่ยอิงเดินนำน้องสะใภ้คนรองกับน้องชายคนเล็กของสามีไปยังบ้านของเลขาธิการหมู่บ้าน ที่เธอพูดกับบ้านใหญ่ไปเธอไม่ได้แค่ขู่ เธอพูดจริงแล้วก็ทำจริง และระหว่างนั้นเธอก็แวะไปเอาเอกสารทั้งหมดที่มีไปด้วย
โชคดีที่เลขาธิการหมู่บ้านนั้นทำธุระเสร็จแล้วก็เลยกลับมาดูแลหมู่บ้าน พรุ่งนี้ทุกคนก็จะต้องลงแปลงนาอีกครั้งเนื่องจากหยุดมาสามวันทุกอย่างก็เลยยุ่ง ๆ
“เลขาธิการคะ”
บริเวณที่กัวเหม่ยอิงมาเป็นกองผลิตของหมู่บ้าน จึงไม่แปลกหากบริเวณนี้จะเต็มไปด้วยผู้คนที่มาเฝ้าอาหาร ยุคนี้เป็นยุคข้าวยากหมากแพง ชาวบ้านที่ไม่มีเงินซื้อหรืออดอยากต่างก็ดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด บางครั้งพวกเขาก็จะหาทางขโมยอาหารของหน่วยผลิตแต่ละตำบลและหมู่บ้าน
หน่วยผลิตจะแยกออกเป็นหมู่บ้าน หมู่บ้านไหนมีคนเยอะก็แยกเป็น 1 หน่วย แต่ถ้าหมู่บ้านที่มีน้อยก็จะถูกจัดคู่กับหมู่บ้านข้างเคียงให้เป็น 1 หน่วย และหมู่บ้านของพวกเธอนั้นเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่จึงไม่ต้องรวมกับคนอื่น ๆ แต่เมื่อเก็บผลผลิตเสร็จธัญพืชบางส่วนก็จะถูกส่งเข้ากองกลางของตำบล และเข้าเมืองต่อไป
หากฤดูไหนได้ผลผลิตน้อยชาวบ้านต่างได้รับคงามเดือดร้อนกันทั่ว ลำพังผลผลิตน้อยมากแล้วยังต้องส่งเข้ากองกลางอีก
“อ้าว ว่ายังไงล่ะสะใภ้ใหญ่บ้านหาน พวกเธอพากันมาทำอะไรที่นี่” เลขาธิการของหมู่บ้านทัก
เลขาธิการของหมู่บ้านนั้นเป็นผู้ชายวัยกลางคนแล้ว อีกทั้งยังเป็นสหายของพ่อสามีอีก เพราะแบบนี้แล้วกัวเหม่ยอิงจึงไว้ใจเขาเรื่องสัญญาที่มีชื่อลงนามเป็นพยาน
ชาวบ้านที่อยู่รอบข้างต่างเดินเข้ามามุงอย่างอยากรู้อยากเห็น หากเป็นวันปกติพวกเขาคงจะมาออกันแบบนี้ไม่ได้หรอก แต่วันนี้เป็นวันหยุดเลขาธิการหมู่บ้านจึงไม่สามารถห้ามใครได้
“ฉันมาคุยเรื่องสัญญาแยกบ้านของบ้านสามกับบ้านใหญ่ค่ะ” กัวเหม่ยอิงปรายตามองน้องชายสามีเล็กน้อยแล้วหันกับมาคุยกับผู้อวุโสในหมู่บ้าน
“หื้ม พวกเจ้ามีเรื่องกันรึ!”
แม้ตัวเขาจะเป็นสหายของพ่อสามีหล่อนแต่เขาก็เป็นเลขาธิการของหมู่บ้าน การจะทำอะไรจึงต้องมองฝั่งตรงข้ามด้วย
“ไหน ๆ เราก็ทำสัญญาตัดขาดกันมาหลายปีแล้ว ปีนี้สามีฉันตาย ลูกสาวก็ยังเล็ก” กัวเหม่ยอิงเกริ่น
ไม่ต้องพูดให้ขยายความเลขาธิการหมู่บ้านจึงสั่งให้คนไปตามบ้านใหญ่สกุลหานมาพบ จากนั้นก็หันไปรับเอกสารจากมือหลานสะใภ้ที่หอบมาด้วย เขาทำการเปิดอ่านสองฉบับก็ทำสีหน้าเรียบตึงแล้วเก็บเอกสารลง
เลขาธิการหมู่บ้านกล่าวเสียงเรียบ“เราจะคุยกันอีกที
เอกสารพวกนี้เขาเห็นมาหลายครั้งแล้ว ไม่ใช่ว่าสหายเอาออกมาให้ดู แต่เขาก็ยังเป็นคนเซ็นเป็นพยานให้บ้านสามสกุลหานอีกด้วยว่าบ้านใหญ่ยืมเงินไป
เสียงไม่พอใจของป้าสะใภ้ใหญ่ดังขึ้นหลังจากที่คนไปเรียกตัวมา นางกำลังจะกินข้าวแท้ ๆ แต่กลับเจอมารผจญ
“มีอะไร!”
“บ้านสามมาแจ้งว่าบ้านใหญ่สกุลหานยืมเงินไปแล้วไม่คืน” เพื่อต้องการจบทุกอย่างเร็ว ๆ เลขาธิการจึงไม่พูดอ้อมคอม
“เหลวไหล! บ้านใหญ่สกุลหานคือใคร? บ้านสามคือใคร” นางเชิ่ดหน้าขึ้น
“นั่นสิบ้านใหญ่สกุลหานยืมเงินบ้านสามไปเสวยสุขหลายครั้งแล้ว วันนี้พวกท่านจึงต้องคืนให้กับพวกเรา” กัวเหม่ยอิงฉีกยิ้ม แต่ดวงตาของเธอกลับไม่ยิ้มด้วย
คนรอบข้าวต่างซุบซิบเรื่องที่บ้านใหญ่จับฉวยของบ้านสามไป ไม่คิดว่านอกจากเอาของแล้วยังเอาเงินไปอีก มิน่าบ้านสามจึงไม่ค่อยมีเงิน ทั้ง ๆ ที่ผู้ชายบ้านสามต่างเป็นทหารกัน
“อกตัญญู! อกตัญญู!”
ป้าสะใภ้หันมองซ้ายขวาอย่างตื่นตระหนก ทุกคนรู้ได้อย่างไรว่าบ้านใหญ่มาเอาเงินจากบ้านสาม? ทุกครั้งที่นางไปเอาเงินมาก็ดึกมากแล้ว ทุกบ้านต่างปิดประตูนอน แต่ทำไมอยู่ ๆ ถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้
“นี่เป็นเอกสารลายมือทั้ง 92 ฉบับ เป็นเอกสารการกู้ยืมเงินอย่างถูกต้อง” เลขาธิการหมู่บ้านเดินไปหยิบซองเอกสารในตู้เอกสารของหมู่บ้านมายื่นให้ชาวบ้านรอบ ๆ ดู
“เอกสาร? เอกสารอะไร!” ป้าสะใภ้ใหญ่ตะลึง แม้นางจะอ่านหนังสือไม่ได้แต่นางก็ไม่ได้ไปปั๊มลายมือมั่ว ๆ ยิ่งเป็นคนบ้านสามแล้ว แม่สามีกับพ่อสามีกำชับนางอย่างดีว่าห้ามทำเอกสารด้วย
ท่าทีลนลานของป้าสะใภ้ใหญ่ทำให้กัวเหม่ยอิงยกยิ้มริมฝีปาก เอกสารพวกนี้เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่ามีการกู้ยืมจริง โดยเฉพาะของลุงใหญ่ที่ยืมพ่อสามีไปแล้วห้าร้อยกว่าหยวน ซึ่งเขายืมทีละน้อยจนสะสมไปเป็นหลายร้อยหยวน และทุกครั้งที่ยืมไป เขาเอาไปดื่มเหล้าหมด แม้แต่ผู้เป็นแม่ก็ไม่รู้ ที่กัวเหม่ยอิงรู้ก็เพราะพ่อสามีเคยเล่าให้ฟัง
“เอกสารนี้มีพยานทุกฉบับและเป็นผู้อวุโสหลายท่านที่ลงชื่อเป็นพยาน แต่บางคนไปประชุมไม่ได้อยู่ที่นี่ แบบนี้บ้านใหญ่หานจะเอายังไง” เลขาธิการหมู่บ้านถามคนเป็นพี่สะใภ้สหายด้วยน้ำเสียงงุนงนเล็กน้อย
เขาต้องยอมรับจริง ๆ ว่าเอกสารที่เขาเป็นพยานนั้นมันไม่ได้ขาวสะอาด แต่เขาไม่รู้ว่าเอกสารอีกหลายฉบับทำไมถึงมีผู้อวุโสของหมู่บ้านเป็นพยานให้ด้วย? หากว่าสหายเขาเป็นคนทำเขาก็ไม่เชื่อเพราะสหายเขารอบครอบตลอด
“มะ…ไม่จริง” ป้าสะใภ้ใหญ่ส่ายหัวรัว ๆ
เลขาธิการไม่มีทางที่จะอ่านตัวหนังสือในเอกสารนั้นผิดแน่ แล้วเรื่องนี้มันเกิดอะไรขึ้น?
“ไปตามคุณย่าหานมา” เลขาธิการมาเอ่ยบอกผู้ช่วยข้างตั
วันนี้แหละจะเป็นวันที่เขาจะทวงคืนความยุติธรรมให้กับครอบครัวของสหาย เพราะคณะกรรมการของหมู่บ้านไม่ได้มีเพียงเขาคนเดียว และมีหลายคนที่ถือหางบ้านใหญ่สกุลหาน เขาจึงไม่สามารถจะทำอะไรพวกเขาได้แม้แต่การจะดุก็ต้องมองหน้าผู้อวุโส แต่วันนี้ผู้อวุโสต่างขนกันเข้าเมืองหมด คาดว่าจะกลับมาถึงกลางดึก
กัวเหม่ยอิงกระซิบกระซาบกับสะใภ้รองอย่างเบา ๆ ชาวบ้านที่ยืนอยู่ด้านต่างชะโงกหน้ามาฟังคำที่สิงสะใภ้คุยกัน
ดวงตาของสะใภ้รองเบิกโพลงอย่างยินดี วันนี้แหละจะเป็นวันนี้นางต้องได้รับเงินที่ถูกฉกไปของสามีกลับคืน
ระหว่างที่รอคุณย่าหานเดินทางมาที่กองผลิต เลขาธิการของหมู่บ้านจึงยกกระดาษที่ว่าเป็นสัญญาการกู้ยืมขึ้นมาอ่านให้ชาวบ้านรับฟัง
ฉบับแรกที่เป็นสัญญาของหลายปีก่อนก็ยังมีอยู่ ในวันนั้นเป็นคุณปู่หานที่มายืมเงินไปให้ลูกชายคนโตเป็นจำนวน 20 หยวน
ฉบับที่เก้าเป็นคุณย่าหานที่ยืมเงินไป 10 หยวน เพื่อลูกชายคนรอง
ฉบับที่ยี่สิบเป็นคุณย่าหานที่มายืมเพราะลุงใหญ่อยากกินเนื้อ
ฉบับที่ยี่สิบสองป็นช่วงที่คุณย่าหานล้มป่วย จึงจำเป็นต้องใช้เงิน พวกเขาจึงมาเอาไปเกือบ 100 หยวน
“เลขาธิการมีอะไรถึงกลับต้องเรียกยายแก่คนนี้มา” นางที่กำลังจะนอนพักต้องรีบเดินเท้ามาที่กองผลิตเพราะเลขาธิการหมู่บ้านเรียก
“เนื่องจากบ้านสามสกุลหานมาแจ้งครับว่าบ้านใหญ่ยืมเงินไปและพวกเขาก็ต้องใช้เงิน” เป็นเลขาธิการตอบ
“ยืมเงิน? ยืมเงินใคร ฉันไม่เคยไปยืมเงินใคร!” คุณย่าหานตอบอย่างมั่นใจโดยที่ไม่หันไปมองลูกสะใภ้ที่กำลังจะร้องไห้
เลขาธิการหมู่บ้านยื่นเอกสารให้คุณย่าหานหนึ่งแผ่นแล้วกล่าว “เอกสารทุกอย่างถูกต้องทุกฉบับ”
คุณย่าหานไม่เข้าใจหนังสือนางจึงได้หันไปมองสะใภ้ที่ทำตัวสงบ สลับกับมองครอบครัวของลูกชายคนที่สามอย่างลังเล เกิดอะไรขึ้นกับลูกสะใภ้ของนางที่ทำตัวสงบได้?
“พวกมันทำเอกสารปลอม!” ป้าสะใภ้ใหญ่กัดฟันกระซิบแม่สามี
“ฉันไม่เคยได้เซ็น!”
“แต่ที่เอกสารมีชื่อคุณแล้ว คุณประทับลายมือแล้วด้วย” เลขาธิการว่า
“ไม่จริง!”
“เรื่องนี้ผมจะทำการตรวจสอบอีกทีหากคณะกรรมการกลับมาแล้ว” เพราะพยานในเอกสารไม่อยู่สักคนทุกคนจึงต้องรอให้พวกเขากลับมาก่อน
คนรอบข้าวต่างซุบซิบเรื่องเอาของในบ้านสามไป ทุกคนต่างไม่มีใครว่าเพราะมันถือว่าเป็นเรื่องกตัญญู แต่เงินเป็นสิ่งที่พวกเขาจะต้องประหยัดที่สุดไม่รู้ว่าบ้านใหญ่มาเอาไปมากแค่ไหนแล้ว
“ส่วนเรื่องแยกบ้าน” กัวเหม่ยอิงเปรยขึ้นมาช้า ๆ
“แล้วมีอะไรทำไมสะใภ้ใหญ่บ้านสามถึงต้องการมาคุยเรื่องการแยกบ้าน บ้านใหญ่กับบ้านสามแยกบ้านไปหลายปีแล้ว” เลขาธิการหมู่บ้านถามพลางไปหาเอกสารการแยกบ้าน เนื่องจากเขาไม่ใช่พยานในการแยกบ้านและไม่ใช่คนเขียนเอกสาร จึงต้องใช้เวลาในการค้นเอกสาร
คุณย่าหานตวัดสายตามองหลานสะใภ้อย่างไม่พอใจ นางไม่คิดว่าหล่อนจะกล้ามาฟ้องเลขาธิการของหมู่บ้าน บ้านสามยอมบ้านใหญ่ของนางมาตลอด ทำไมวันนี้ถึงกล้าแข็งข้อขึ้นมาได้?
“ฉันอยากให้เลขาธิการบอกบ้านใหญ่น่ะค่ะว่าบ้านสามพวกเราแยกบ้านออกจากบ้านใหญ่แล้ว พวกเราไม่เกี่ยวข้องกัน แม้แต่ข่าวลืออะไรที่เกิดขึ้น” กัวเหม่ยอิงตอบ
“เหอะ หล่อนลืมไปหรือยังไงต่อให้แยกบ้านกันแล้วบ้านสามก็ยังใช้สกุลหานอยู่” ป้าสะใภ้ใหญ่พูดขึ้นเมื่อทุกคนไม่ได้สนใจเรื่องกู้เงินแล้ว
กัวเหม่ยอิงยิ้ม “หรือป้าสะใภ้ต้องการให้เราเปลี่ยนสกุลเหรอคะ แต่ฉันคิดว่ามันคงจะไม่ได้เพราะสามีของฉันเป็นคนสกุลหาน” เธอหัวเราะ
“เธอต้องการอะไร” คุณย่าหานถามหลานสะใภ้
“ที่ดินสุดเขตหมู่บ้านใต้เขาเป็นที่ดินของสามีฉันค่ะ พ่อสามียกให้ลูกชายคนโตของเขา แต่คุณย่าไม่ยอมให้เราใช้ที่ดินพื้นนั้น”
ตอนนี้ที่ดินไม่สามารถซื้อขายได้ การที่จะบอกว่าพ่อสามีซื้อที่ดินผืนนั้นมันคงทำให้พวกเธอถูกจับตามอง แต่ที่ดินผืนนั้นมันติดกับบ้านสกุลกัวและพ่อสามียกให้ครอบครัวของเธอแล้ว เธอจึงต้องเรียกสิทธิ์คืนเพราะย่าสามีเอาโฉนดที่ดินไป
“เหลวไหล! ที่ดินผืนนั้นเป็นของอาเซิน” คุณย่าหานว่า
อาเซินหรือหานเซินเป็นหลานชายคนโตของคุณย่าหานจากลูกชายคนโต นางที่รักลูกชายคนนี้มากจึงรักหลานที่เกิดจากลูกชายสุดที่รัก นางได้โฉนดหลังจากลูกชายของนางเสียไปไม่ถึงเดือน และเรื่องนี้มีแต่นางที่รู้เพราะนางต้องการเก็บไว้ให้หลานชาย หากนางบอกคนในบ้านทุกคนจะแย่งกันนางจึงไม่ได้บอก
“คุณย่าลืมไปหรือเปล่าคะว่าก่อนที่จะเป็นของพ่อสามีมันเป็นของใครมาก่อน” ว่าจบกัวเหม่ยอิงก็ยิ้มให้เลาขาธิการของหมู่บ้าน
ที่ดินซื้อขายไม่ได้ก็จริงแต่หากจ่ายเงินมากหน่อยก็ไม่มีปัญหา และที่ดินพื้นนี้แต่ก่อนเป็นของคนที่พ่อสามีเคยช่วยชีวิตเอาไว้หลังจากตกน้ำ เขาจึงขอบคุณพ่อสามีมาก และลูกชายของเขาจึงมารับผู้เป็นพ่อไปอยู่ด้วย พ่อสามีจึงขอซื้อที่ดินมา และมีเลขาธิการของหมู่บ้านเป็นพยานในครั้งนั้น
“ของใคร? มันเป็นที่ดินของสหายปู่สามีของเธอยังไงล่ะ เขายกให้กับปู่สามีของเธอก่อนที่จะจากไป” คุณย่าหานตอบ
จริง ๆ หากสหายของปู่สามีไม่มีลูกชายมันคงจะเนียนกว่านี้ และกัวเหม่ยอิงก็คิดว่าย่าสามีคงจะไม่ได้อ่านชื่อเจ้าของโฉนดเพราะอ่านไม่ออก
“คุณย่าตลกเกินไปแล้ว ชื่อเจ้าของโฉนดมันเป็นชื่อของสามีฉัน ไม่ใช่ของพี่ใหญ่หานเซิน” กัวเหม่ยอิงหัวเราะ
“นี่!” คุณย่าหานตกใจ นางไม่คิดว่าชื่อโฉนดจะเป็นของหลานชายจากบ้านสาม นางคิดว่าเป็นชื่อของลูกชายนาง นางคิดว่าหากคนถามก็จะตอบว่าซื้อไว้ให้ลูกชายคนที่สาม แต่เขาตายไปแล้วก็เลยยกให้หลานชายคนโตแทน ไม่คิดว่าจะเป็นชื่อของหลานชาย