Area 16 : ความพึงพอใจ

4177 คำ
มื้ออาหารค่ำแนวแคมป์ปิ้งเป็นที่ถูกอกถูกใจคนต่างแดนเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งซามูร์ก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าเขาก็อยู่ในป่าตลอดเวลาอยู่แล้ว ทว่ามันอาจจะแตกต่างกับคนด้านข้างที่เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่นั่งอยู่ด้านข้างนี่ก็ได้ น้ำค้างสนุกสนานรื่นเริงไปกับชาวบ้านได้อย่างสนิทสนมกลมกลืน คนตัวเล็กผุดลุกผุดนั่งเมื่อถูกพวกกลุ่มชาวบ้านเรียกให้ไปชิมสิ่งที่บ้านตนเองนำติดมือมาร่วมงานสังสรรค์ในคืนนี้ด้วย น้ำค้างดูจะชอบหมู่บ้านเรดเมเปิลแห่งนี้เสียจริง แต่ก็อย่างว่าแหละ กรีนเคิร์กเป็นเพียงแค่ชนเผ่าที่ไม่คิดจะติดต่อกับโลกภายนอกดั่งเช่นที่นี่ ทั้งสะดวกสบายใช้ชีวิตได้ราวกับชนพื้นเมือง ดังนั้นข้าวของรวมไปถึงที่อยู่อาศัยหรือแม้แต่อาหารการกินที่เผ่านี้คงจะน่าจะถูกจริตน้ำค้างเป็นแน่ ซามูร์คอยมองตามร่างเล็กที่ลุกขึ้นเดินไปหากลุ่มนั้นที กลุ่มนี้ที อนจะต้องเสสายตากลับมามองคนที่เพิ่งจะเดินเข้ามาหาพร้อมกับทิ้งตัวนั่งลงด้านข้างแบบไม่ได้เชิญให้นั่ง ในมือที่ถือแก้วน้ำเมาติดมาด้วย พลางยื่นให้กับตนเองเช่นกัน ยิ่งถูกอีกฝ่ายพยักพเยิด ราวกับกำลังยัดเยียดแก้วน้ำเมาให้กันอย่างไม่ยอมให้ปฏิเสธได้ ซามูร์จำต้องหยิบแก้วในมือของอาร์ลมาถือไว้เอง "นายไปรู้จักกับน้ำค้างได้ยังไง วันนั้นฉันลืมถามน่ะ" ผู้มาใหม่ทิ้งตัวนั่งลงตรงหน้าเริ่มปริปากถามในสิ่งที่ค้างคาใจ ซึ่งอาร์ลก็พอจะสังเกตเห็นถึงความสัมพันธ์อันแนบแน่นแปลกๆ ของสองคนนี้ได้เช่นกัน "เรื่องมันยาว" ใบหน้าเรียบนิ่งตอบกลับออกมาเพียงแค่นั้น ไม่ได้สาวความยาวไปมากกว่านี้ พอเมื่อถูกสายตาจับผิดมองกลับมาดุจกำลังเค้นหาคำตอบกันอยู่ ซามูร์จึงยกแก้วน้ำเมาในมือกระดกเข้าปากแทน พลางทำเมินสายตาที่ยังคงจ้องมองมาไปในตัว "หึ คิดไว้แล้วว่าเจ้าจะต้องไม่ยอมบอก แต่ข้าจะบอกเจ้าไว้เลยแล้วกัน ว่าก่อนที่น้ำค้างจะกลับข้ามฝั่งไปยังเกาะนู้นข้าจะขอน้ำค้างให้มาเป็นเมียข้า" อาร์ลพูดเรื่องใหญ่ให้ดูกลายเป็นเรื่องเล็กได้แบบปกติแสนธรรมดามาก ซึ่งต่างจากคนที่ได้ยินแล้วคิ้วกระตุกทันควัน แก้วน้ำเมาในมือถูกออกแรงบีบจนเกือบยุบอย่างไม่รู้ตัว ซามูร์ปรายหางตาไปมองอาร์ลเล็กน้อย ก่อนที่จะหันไปสนใจกับน้ำเสียงใสแจ๋วที่ได้เอ่ยทักทายกันออกมาก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมาถึงตรงนี้ซะอีก "อาร์ลมาแล้วเหรอ วันนี้ไปเจออะไรสนุกๆ มาบ้างไหม / ซามูร์ อะไรอะ ชิมบ้างสิ" น้ำค้างทิ้งตัวนั่งลงด้านข้างซามูร์ พร้อมกับเอ่ยปากทักทายหัวหน้าเผ่าเรดเมเปิล ก่อนที่จะหันไปถามคนกันเอง แถมยังดึงแก้วเหล้าในมือใหญ่มากระดกซดต่อรวดเดียวจนหมดแก้ว แบบที่ไม่ได้นึกรังเกียจหรือเอะใจอะไรในการถูกมองมาด้วยสายตาสงสัยและกดดันของอาร์ลด้วยเลยสักนิด "น้ำค้าง ข้าว่าเจ้าควรใช้แก้วใหม่นะ" อาร์ลอดไม่ได้ที่จะพูดทักออกมาด้วยแววตาตระหนก จนทำให้คนฟังที่ถือแก้วเปล่า พลางแลบลิ้นสีแดงออกมาประกอบกับการหลับตาปี๋จากรสชาติบาดคอของน้ำเมาที่ได้ยกซดลงคอไปจนเกลี้ยงแก้วแล้ว "ทำไมละ อ่อ เสียมารยาทสินะ ไม่เป็นไรหรอกซามูร์ไม่ถือ ฮ่าๆ" ใบหน้าติดทะเล้นส่งเสียงหัวเราะขำกลบเกลื่อนทว่าแววตากลับหม่นแสงลงไปเลย พร้อมกับความรู้สึกในใจก็แอบคิดเช่นกันว่า เดี๋ยวนี้ตนนั้นยิ่งนับวันก็ชักจะยิ่งทำตัวสนิทสนมกับซามูร์จนออกนอกหน้าเกินพอดีไปรึเปล่า มันคงจะดูแย่ในสายตาคนอื่นที่มองมาสินะ แบบนี้คงต้องระวังมารยาทของตัวเองเอาไว้หน่อยแล้วละ "ไม่ใช่ คือมันเป็นเรื่องของ.. // ไม่เป็นไรข้าไม่ถือ" ประโยคแรกที่อาร์ลยังพูดไม่จบดี ก็ดันถูกซามูร์พูดสวนออกมาขัดกันซะก่อน จนน้ำค้างที่รอฟังคำอธิบายจากอาร์ล เลยต้องเปลี่ยนหันหน้าไปยกยิ้มพยักหน้าหงึกหงักให้กับเจ้าของแก้วเหล้าที่ถูกแย่งมาดื่มรวดเดียวเมื่อครู่อย่างใจชื้นแทน "เห็นมั้ยอาร์ล ซามูร์ไม่ถือหรอก ก็เพราะข้าจะชอบแย่งของซามูร์กิน เพราะเวลาข้ากินเองทีไรซามูร์ก็จะชอบบอกว่าเผื่อข้าจะโดนพิษ เจ้านี่เลยชิมแทนข้าก่อนตลอดน่ะ" น้ำค้างอธิบายออกมาซะยืดยาว ทั้งที่ตนเองไม่ได้เข้าใจวัฒนธรรมของชาวชนเผ่าเลยสักนิด ยิ่งโดยเฉพาะพวกชนเผ่ากรีนเคิร์กที่ถือเรื่องแบบนี้มาก สิ่งที่ยิ่งทำให้อาร์ลเข้าใจได้ชัดเจนแล้วว่า ซามูร์พลสำรวจพื้นที่ของเผ่ากรีนเคิร์กนั้น คิดไม่ซื่อกับว่าที่เมียหัวหน้าเผ่าของตนเองไปเสียแล้ว แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องของเขาที่จะเอาไปแพร่งพรายให้น้ำค้างมีอันตรายมากกว่านี้อยู่ดี สู้ให้น้ำค้างเดินทางกลับประเทศของตัวเองไปแบบที่ไม่เข้าใจวัฒนธรรมของเผ่ากรีนเคิร์กไปซะก็จบเรื่อง ทำตัวเงียบเอาไว้เช่นเดียวกับซามูร์ซะ น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดเอง ก็ในเมื่อคนของเผ่านู้น เขายังเลือกที่จะปกปิดเรื่องสำคัญทางขนบธรรมเนียมประเพณีที่แสนจะเคร่งครัดเอาไว้เอง แล้วไยตัวเราที่เป็นเพียงแค่คนนอกเผ่าต้องเข้าไปจุ้นจ้านกับเรื่องนี้ด้วยเล่า แค่ตอนที่เผลอทักท้วงออกไปเพราะตื่นตกใจเท่านั้นเอง "พอแล้วน้ำค้าง ไปนอนเถอะ ทำไมเจ้ากลายเป็นเด็กขี้เมาไปซะแล้วละ" ซามูร์พูดยืดยาวมากที่สุดตั้งแต่ได้รู้จักกับน้ำค้างมาเลย ดวงตาปรือปรอยส่งสายตาหยาดเยิ้มมองคนที่เอาแต่บ่นใส่กัน แล้วน้ำค้างยังชอบย่นจมูกพร้อมกับยู่ปากใส่จอมจู้จี้ที่กำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดมองกันอยู่ทันที "ตอนไม่มีซามูร์ก็เป็นอาร์ล พอตอนนี้มีซามูร์แล้วก็มาบ่นใส่ข้าเพิ่มอีกคนแล้ว งื้อ" น้ำค้างเดินเซไปนั่งลงบนแคร่หน้าบ้านใครสักคน หลังจากปาร์ตี้แคมป์ปิ้งได้เลิกราจบลงไปแล้ว "ลุกขึ้นก่อน ข้าจะไปส่งเจ้าเข้าที่พัก" ซามูร์เดินตามคนอ้อแอ้มาติดๆ เพื่อจะช่วยดึงร่างคนที่ดูเหมือนว่าจะเมามากแล้วให้กลับเข้าบ้านพักไปอย่างปลอดภัยได้สักที แต่นอกจากอีกคนที่เคยพูดมากจะไม่พูดแล้ว กลับทำแค่เพียงยกยิ้มพลางส่ายหน้าไปมาก่อนจะเอนตัวลงไปนอนบนแคร่ไม้ซะดื้อๆ เลย "น้ำค้าง" ซามูร์เดินขยับเข้าไปใกล้กับคนที่ทิ้งตัวนอนสบายไปแล้ว หลังจากที่อาร์ลเดินตรวจตราชาวบ้านเสร็จ จึงเดินผ่านมาทางนี้แล้วต้องพบเห็นในสิ่งที่ขัดตาขัดใจเสียเหลือเกิน "น้ำค้างเมาอีกแล้วเหรอ หึหึ" อาร์ลส่งเสียงทักทาย จนซามูร์ละสายตาจากน้ำค้างหันไปมองคนที่เดินมายืนข้างๆ กันแบบตาขวาง "ตั้งแต่น้ำค้างมาอยู่นี่ ชอบชิมทุกอย่างที่ชาวบ้านยื่นให้เลยละ โดยเฉพาะน้ำเมาสูตรพิเศษของแต่ละบ้านน่ะ" อาร์ลพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่มปนขำขัน แต่คนที่ยืนฟังอยู่ด้วยกันกลับไม่ขำด้วยสักนิด "ทำไมเจ้าปล่อยให้น้ำค้างเป็นเช่นนี้เล่า" ซามูร์เสียงเข้มขึ้นพร้อมกับมองหน้าอาร์ลที่ติดยิ้มเย้ยด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าแล้วไง "ทำไมต้องปรามด้วยล่ะ ยิ่งน้ำค้างสนิทสนมกับชาวบ้านได้มากเท่าไร ก็ยิ่งง่ายต่อการถูกยอมรับในฐานะว่าที่เมียหัวหน้าเผ่าง่ายยิ่งขึ้นนี่ เจ้าว่างั้นมั้ยละซามูร์" หลังได้ฟังคำตอบหลุดออกมาจากปากของผู้นำเผ่าใจดีแห่งนี้ ใบหน้าที่เคยยกยิ้มใจดีเสมอให้กับน้ำค้าง แต่แท้ที่จริงแล้วชายผู้นี้กลับดูเจ้าเล่ห์เพทุบายสำหรับในความคิดของซามูร์ไปเสียแล้ว "แต่น้ำค้างต้องกลับไปเผ่ากรีนเคิร์กกับข้า" ซามูร์เริ่มเสียงแข็งพร้อมกับแววตาแข็งดุดัน "พากลับไปเป็นเมียท่านเก็งเคอร์น่ะรึ เจ้าทนเห็นภาพแบบนั้นได้จริงๆ รึ..ซามูร์" หลังอาร์ลได้เอ่ยวาจาเชือดเฉือนอย่างรู้ทันกัน ทำให้ซามูร์ยืนขบฟันกรอดจนเส้นเลือดที่ขมับปูดโปน ก่อนที่จะรีบยื่นมือไปสกัดกั้นรั้งท่อนแขนของคนที่กำลังจะช้อนตัวน้ำค้างออกจากแคร่ไม้เอาไว้ได้ทันแบบทันควันเลยละ "เจ้าปัดมือข้าทำไม ข้าจะพาน้ำค้างไปนอนที่บ้านพักของข้า น้ำค้างชอบเตียงนุ่มๆ กับห้องนอนอุ่นๆ เวลาเมา" อาร์ลมองตาขวางกลับคืนใส่ซามูร์ ที่บังอาจเข้ามายืนแทรกใช้ตัวบังร่างของน้ำค้างไว้ ซ้ำยังพยายามกันตนให้ออกห่างจากกันเช่นนี้ด้วย "ข้าจะพาน้ำค้างไปนอนเอง" ซามูร์ผู้ที่ไม่ยอมแพ้ชายหัวหน้าเผ่าตรงหน้าเช่นกัน ขณะที่ทั้งคู่กำลังส่งสายตาฟาดฟัน เพื่อยื้อแย่งร่างคนเมากัน ที่คนเมาดูเหมือนกับจะชิงหลับยาวหนีความวุ่นวายไปก่อนซะแล้ว แต่ทว่าน้ำค้างกลับต้องกระดกหัวขึ้นมาบ่นใส่ทั้งคู่ด้วยใบหน้ามู่ทู่ด้วยอาการหงุดหงิดใจ "เถียงกันอีกแล้ว ข้าจะนอน ไปไหนกันก็ไปเลย ออกไปห่างๆ ให้หมด ข้ารำคาญ คนจะนอน!" น้ำค้างผู้ที่ลุกขึ้นมาขยี้ตาได้แป๊ปเดียว และได้ยกมือขึ้นมาปิดใบหูก่อนจะนอนขดตัวกลับลงไปนอนคุดคู้ตัวบนแคร่ไม้เช่นเดิม แต่แล้วเมื่อซามูร์เอื้อมมือไปสะกิดตัวคนที่เพิ่งจะปิดเปลือกตากลับลงไปเมื่อครู่ และรีบส่งเสียงปลุกให้คนหลับตื่นขึ้นมาอีกครั้งก่อน "น้ำค้างไปนอนให้ห้องดีๆ สิ" ซามูร์ใช้เสียงที่ดูอ่อนโยนขึ้นมาก "เอ๊ะ! ข้าบอกว่าข้าจะพาคนของข้าไปนอนเองไง นี่เจ้า! ข้าเป็นหัวหน้าเผ่าแห่งนี้นะ" อาร์ลเริ่มไม่พอใจ จึงได้เผลอลืมตัวแล้วเปล่งน้ำเสียงฉุนกึกออกมาอย่างฟิวส์ขาด จนอยากเอาชนะเช่นกัน เพราะทุกครั้งเวลาที่น้ำค้างเมา อาร์ลก็จะเป็นผู้ที่คอยรับผิดชอบ และพาตัวน้ำค้างเข้าไปพักที่ห้องของตนแล้วดูแลเองเสมอมา จนกระทั่งวันนี้ ดันได้มีคนริอ่านมาขัดใจหัวหน้าเผ่าใส่กันแบบสุดๆ ตรงหน้าเช่นนี้ จนต้องเกิดอารมณ์ฉุนเฉียวไม่พอใจขึ้นมาได้ก็ไม่แปลก "ซามูร์..ข้ารำคาญอ่ะ ข้าจะนอน.." แขนเรียวของคนที่กำลังจะหลับแหล่มิหลับแหล่ ได้ยื่นส่งขึ้นมาหาผู้ที่ถูกเลือกทันที ซามูร์ไม่ได้สนใจน้ำเสียงที่ไม่พอใจกับสีหน้าถมึงทึงของหัวหน้าเผ่าเรดเมเปิลอีกต่อไป เขาเพียงแค่ดึงแขนน้ำค้างให้ลุกขึ้นนั่งก่อนที่จะให้คนเมาคอพับขี่คอแล้วเดินไปส่งที่พักของน้ำค้างทันที อาร์ลยืนกำหมัดแน่นที่ไม่ถูกเป็นผู้เลือกราวกับกำลังถูกพรากของรักของชอบไปต่อหน้าต่อตาแบบนี้อีกด้วย "ซามูร์.." ดวงตากลมเบิกโพลงขึ้นมา หลังจากที่นอนหลับไปได้ไม่นานเท่าไร "ซามูร์.." น้ำค้างหรี่ตามองหาคนที่ตนเองพร่ำเรียกหาอยู่ แต่ทว่าเมื่อลองเพ่งมองดีๆ แล้ว ที่นี่กลับเป็นที่พักของตนเอง จึงไม่มีเงาร่างของไอ้คนร่างยักษ์ที่เคยนอนเกยกันแบบตอนที่อยู่ด้วยกันที่เผ่าคองกี้แล้วซะหน่อย ดวงตากลมกะพริบปริบ ๆ นอนมองเพดานสูงภายในบ้านพักหลังนี้อยู่พักใหญ่ ทว่ามันดันรู้สึกว่าจะนอนต่อไม่หลับแล้ว เจ้าตัวจึงตัดสินใจลุกขึ้นแล้วเลือกที่จะเปิดประตูเดินออกไปยังบ้านพักอีกหนึ่งหลังแทน เมื่อสองขาเรียวเดินมาหยุดอยู่หน้าบ้านพักของคนที่ตนเองนึกถึง และเกิดอยากจะอยู่ใกล้ๆ กันขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุ เพียงเพราะอีกแค่ไม่กี่วันน้ำค้างก็จะต้องลาจากที่นี่ไปแล้วนั่นเอง น้ำค้างย่ำเท้าเดินวนเวียนอยู่บริเวณหน้าประตูบ้านพักของคนที่คิดถึง แต่กลับไม่กล้าส่งเสียงเรียกคนในห้องพักสักที เจ้าตัวถอนหายใจออกมาหลายเฮือก พลางสบทงึมงำออกมาอยู่คนเดียวดังเช่นทุกครั้ง ก่อนที่คนติดเกรงใจจะตัดสินใจหันหลังเดินกลับไปยังบ้านพักของตนเองแทน เพราะใบหน้าที่ขมวดคิ้วมุ่นคิดว่าอีกคนคงจะนอนหลับไปนานแล้ว แต่กลับต้องสะดุ้งโหยงที่ถูกฉุดดึงข้อมือให้เข้าไปยังหลังบานประตูที่มันเคยปิดสนิทก่อนหน้านี้มานาน จนทำเอาน้ำค้างตื่นตกใจไปหมด "ซะ..ซามูร์" ดวงตาโตเลิ่กลั่กตกใจ หลังจากที่ตัวเองโดนฉวยดึงร่างเข้ามาภายในห้องอย่างไม่ทันตั้งตัว แถมยังถูกกอดรัดแน่นจากทางด้านหลังอยู่ในตอนนี้อีกด้วย "ข้าว่าแล้วต้องเป็นเจ้า" แววตาเลิ่กลั่กเมื่อครู่ หายตื่นตกใจลงได้แล้ว คนมาเยือนห้องพักของผู้อื่นยามวิกาลเช่นนี้ จึงได้หมุดตัวเข้าหา เพื่อจะได้มองหน้าคนที่ยอมคลายอ้อมกอดที่รัดกันแน่นเมื่อครู่ให้แล้ว มือเรียวขยับกระชับโอบรัดเข้าหาร่างใหญ่ เพื่อออกแรงกอดให้แน่นขึ้นบ้าง จนได้ใบหูขาวได้แนบลงบนหน้าอกตึงแน่นแล้วได้ยินจังหวะการเต้นของหัวใจดังเข้าโสตประสาทได้อย่างดีเลย น้ำค้างเริ่มเกิดความหวั่นไหวในอกด้านซ้ายขึ้นมาแล้วเหมือนกัน ตั้งแต่การได้กลับมาพบหน้ากับซามูร์อีกครั้งแบบนี้ ทั้งที่เคยคิดว่าคงจะหมดโอกาสและคงจะไม่ได้พบเจอกันอีกแล้วซะอีก เพราะน้ำค้างคิดว่าตนจะอยู่ที่เรดเมเปิล เพื่อรอเวลาให้เรือมาเทียบท่าแล้วให้อาร์ลพาตนเองไปส่งที่ฟากฝั่งนู้น และค่อยหาทางกลับประเทศเกิดของตนอีกที จนเลิกคาดคิดไปแล้วด้วยว่าหลังจากวันนั้น ที่เราทั้งคู่ต้องถูกพวกโจรพรากห่างออกจากกันไปแล้ว จะยังมีวันที่เราทั้งสองได้หวนกลับมาพบเจอกันได้อีก ซึ่งราวกับว่ามันเป็นเรื่องมหัศจรรย์มาก ซามูร์ออกตามหาข้าจริงๆ ด้วยสภาพร่างกายที่พวกโจรชั่วพวกนั้น มันได้ฝากรอยแผลเป็นรอยใหญ่เอาไว้ให้ดูต่างหน้า เสมือนกับตอกย้ำเรื่องในวันนั้นได้อย่างน่าเจ็บใจแทน น้ำค้างคิดสะระตะไปเรื่อยพลางร่างกายขยับไปเอง ขาเล็กๆ พยายามเขย่งขึ้นไปพรมจูบลงบนปลายคางสากอย่างเผลอลืมตัว อาจจะเพราะความเป็นห่วงคนตรงหน้ามาก จึงทำให้ซามูร์ที่เกิดความตกใจกับการกระทำของคนตรงหน้าเล็กน้อย แต่ก็ยอมโน้มตัวให้ต่ำลงมาหาคนตัวเล็กตรงหน้าอยู่ดี พร้อมกับกระชับแขนโอบเอวบางเอาไว้ด้วย ส่วนมือข้างที่ว่างใช้ประคองท้ายทอยเล็กเอาไว้ให้มั่นก่อนที่จะเริ่มฉกชิงริมฝีปากแดงก่ำยามค่ำคืนนี้อีกหลายครั้ง อือออ.. ทั้งคู่ต่างไม่ลดละแรงในการประกบจูบอย่างดูดดื่มกันเลย กระทั่งน้ำค้างเสียการทรงตัว ซวนเซทำท่าจะหงายหลัง เลยต้องคว้าร่างของซามูร์ให้เซตามกันไปด้วย แต่ทว่าโชคดีที่ไปล้มลงบนแคร่ไม้ที่มีผูกนุ่มนิ่มปูรองรับไว้อยู่อย่างพอดี จึงโชคดีที่ไม่มีใครต้องเจ็บตัวเพราะการดีพคิส อ๊ะ..อื้ออ เรียวลิ้นเล็กแดงชื้นถูกเกี่ยวกระหวัดชวนแลกน้ำลายกันอย่างดูดดื่ม ริมฝีปากหนาประกบอย่างไม่มีออกห่าง ส่งลิ้นร้อนตามเข้าไปหยอกเอินลิ้นเล็กๆ พลางสลับไล่ขบเม้มริมฝีปากบนล่างอย่างเร้าอารมณ์ จนห้องที่เคยมีอากาศหนาวเย็นกลับกลายเป็นร้อนระอุขึ้นมาได้ด้วยห้วงแห่งอารมณ์เร่าร้อนของทั้งคู่ เรียวแขนที่เคยคล้องคอคนด้านบนที่ได้ทับคร่อมกันอยู่ จำต้องผละออกมา แล้วพยายามผลักดันหน้าอกตึงแน่นให้ออกห่างก่อน ลำคอที่ไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้ จึงทำได้เพียงแค่ครางอื้ออึงประท้วงออกมา เมื่อเริ่มขาดอากาศหายใจจริงๆ เข้าให้แล้ว หากยังไม่ยอมท้วงแล้วตีรัวลงบนบ่ากว้างเช่นนี้ ซามูร์ก็คงไม่ยอมปล่อยริมฝีปากฉ่ำวาวเคลือบหยาดน้ำใสให้เป็นอิสระแน่ นัยน์ตาสีเข้มจ้องมองแววตาหวานหยาดเยิ้มของคนใต้ร่าง ก่อนจะยกยิ้มกว้างออกมา ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่คนได้เห็นต้องใจกระตุกสั่นไหว เพราะตั้งแต่ได้รู้จักกับซามูร์มานั้น น้ำค้างไม่เคยได้เห็นชายผู้นี้ยิ้มให้กันแบบนี้เลยแม้เพียงสักครั้งเดียว ซามูร์จึงเลือกที่จะหยุดการรุกรานและคุกคามคนที่นอนเหนื่อยหอบอยู่จนน่าเอ็นดู แล้วได้ล้มตัวลงนอนลงข้างๆ คนตัวเล็กแทน ฝ่ามือหยาบกร้านยกมือเรียวขึ้นมาสอดประสานกอบกุมกันเอาไว้ แล้วจำต้องเอ่ยถามในสิ่งที่ทั้งอยากฟังคำตอบ และก็ไม่อยากฟังคำตอบไปในเวลาเดียวกัน "น้ำค้าง" "หื้ม" "เจ้าอยากกลับไปบ้านเกิดของเจ้าแล้วใช่มั้ย" ใบหน้าเรียบนิ่งของซามูร์เริ่มจริงจังขึ้นมาใหม่อีกครั้ง "อื้อ" "ถ้าข้าบอกว่า.." ซามูร์หันมองไปยังคนที่ทำตาแป๋วยกยิ้มรอคำถามอย่างใจจดจ่อกันอยู่ ทว่าริมฝีปากสีเข้มกลับไม่สามารถเอื้อนเอ่ยคำใดให้หลุดออกจากปากได้แม้นแค่เพียงครึ่งคำอีกเลย เจ้าตัวจึงเลือกที่จะกลืนคำพูดกลับลงคอไปแทน "บอกว่าอะไรอะ" ใบหน้ายกยิ้มรอเปลี่ยนเป็นฉงนสงสัยทันทีที่จู่ๆ คนถามก็เงียบเสียงลงไปเฉยเลย "ไม่มีอะไร ข้าแค่ขอให้เดินทางปลอดภัยจนถึงบ้านเจ้านะ" "แน่นอน เพราะเจ้าไปส่งข้าด้วยนี่นา ใช่มั้ย" รอยยิ้มประดับบนใบหน้าสดใสกลับมาอีกครั้ง จนทำให้ซามูร์เลือกที่จะเก็บงำความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้เอง แล้วปล่อยให้น้ำค้างได้กลับไปใช้ชีวิตตามปกติในถิ่นของตัวเองที่ได้พลัดพรากจากมานานย่อมจะดีกว่า มือใหญ่ยกขึ้นมาลูบไล้พวงแก้มแดงก่อนที่จะขยับใบหน้าเข้าไปประทับจูบลงบนหน้าผากมน และขยับลงมาที่ริมฝีปากนุ่มนิ่มแผ่วเบาอย่างไม่รุกล้ำ พร้อมฉวยตัวคนที่ยังคงยกยิ้มเข้ามากกกอดให้ความอบอุ่นแผ่ซ่านให้กันและกัน เมื่อกาลเวลาไม่เคยหยุดเดิน ในที่สุดวันที่ทุกคนไม่อยากให้มาถึง แต่มันก็ย่อมต้องมาถึงเข้าจนได้ เพียงเพราะกาลเวลาไม่เคยหยุดทำงานเลยสักวินาทีเดียว อีกทั้งยังไม่เคยหมุนย้อนกลับได้อีกด้วย อาร์ลติดต่อกับคนขับเรือว่ารอบนี้จะขอติดเรือไปขึ้นบนฝั่งเกาะลอนโตเพิ่มด้วยอีกสามคน หลังจากที่เคยแจ้งไว้ว่าจะมีนักวิจัย 4 คนและจะจ้างวานให้พาหน่วยลาดตระเวนกับพวกพ่อค้าที่เผ่าของตนเองนั้น ต้องไปทำงานติดอยู่บนเกาะลอนโตมาหลายเดือนก่อนให้ได้กลับมาฟากฝั่งนี้ด้วยเสียที จึงได้ว่าจ้างเที่ยวเรือเพิ่มในการให้ข้ามกลับมาส่งเป็นเที่ยวพิเศษยังฝั่งตะวันออกแห่งนี้อีกครั้งด้วย เพราะอย่างไรเสียอาร์ลก็ไม่สามารถทิ้งเผ่าเรดเมเปิล แล้วไปติดอยู่บนเกาะลอนโตเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือนกว่าได้แน่ๆ จนคนขับเรือยอมทำข้อตกลงด้วย ตอนแรกอาร์ลคิดแค่ว่าจะมีแค่ตนเองและน้ำค้างที่จะนั่งเรือออกจากท่าไป แต่ทว่ากลับมีซามูร์ผู้ที่อยากไปส่งน้ำค้างให้ถึงฝั่งนู้นด้วยกันเพิ่มเข้ามาด้วยอีก แถมยังยืนกรานเอ่ยปากอย่างชัดเจนด้วยว่า ต้องการที่จะเห็นน้ำค้างสามารถข้ามฝั่งได้อย่างปลอดภัยด้วยตาของตัวเองเช่นกัน อาร์ลก็พอจะเข้าใจได้ แม้มันจะดูขัดหูขัดตาไปสักหน่อยก็ตาม ยามเมื่อเรือได้แล่นอยู่ในทะเลที่คลื่นลมแสนสงบกลางทะเลเช่นนี้ ทั้งสามจึงได้ใช้เวลาร่วมกันมาจะว่านานก็นานจะว่าไม่นานก็ไม่นาน ในตอนที่น้ำค้างสับสนว่า หากข้ามไปยังเกาะลอนโตได้แล้ว ตนจะหาทางกลับบ้านเกิดของตัวเองได้จริงๆ หรือ? จนเมื่อคนคิดมากได้พบปะกับเหล่านักวิจัยคนหนึ่งในกลุ่มที่มาด้วยกันถึงสี่คนนั้น ได้บอกเล่าว่าเขาเคยไปวิจัยงานที่ประเทศแถบเอเชียมาก่อนด้วย จึงทำให้น้ำค้างรู้สึกใจชื้นและมั่นใจขึ้นมาทันทีเช่นกัน ว่าตนนั้นจะสามารถเดินทางกลับประเทศของตัวเองได้อย่างแน่นอน เรือขนส่งสินค้าที่รอบนี้มีคนติดเรือข้ามฟากมาลงเกาะด้วย พร้อมกับบรรดาทีมวิจัยที่ต้องเดินทางกลับไปยังถิ่นของตนเองเช่นกัน อาร์ลจึงรู้สึกโล่งใจที่อย่างน้อยน้ำค้างก็น่าจะสามารถผ่านด่านออกนอกประเทศนี้ได้ พร้อมกับทีมพวกนักวิจัยทั้งสี่คนที่จะอาสารับช่วงดูแลน้ำค้างต่อให้ด้วย ทั้งสามกล่าวอำลากัน น้ำค้างโบกมือลาพร้อมกล่าวคำขอบคุณให้กับอาร์ลผู้นำเผ่าเรดเมเปิลที่ใจดีมาก ซึ่งคอยช่วยเหลือดูแลกันอย่างดีตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พร้อมกับส่งรอยยิ้มหวานๆ ไปให้ด้วยความจริงใจ น้ำค้างจึงถูกอาร์ลดึงตัวเข้ามากอดแบบที่ไม่ทันตั้งตัวเลย แถมยังมาเซอร์ไพรส์บอกความในใจว่าที่จริงแล้วอาร์ลนั้น ต้องการให้น้ำค้างมาเป็นเมียของหัวหน้าเผ่าเรดเมเปิลด้วยซ้ำ เพราะเราทั้งสองจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป ทำเอาน้ำค้างหน้าเหวอทันทีจนเกือบจะช็อกแล้ว จึงรีบพผลักดันหน้าอกของอาร์ลออกห่างและให้เลิกกอดตนเองซะที อาร์ลจึงได้แสร้งหัวเราะชอบใจเสียงดังออกมา เพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกที่แท้จริงที่มันมาจากก้นบึ้งของหัวใจ พร้อมกับโน้มตัวลงไปกระซิบข้างใบหูขาวว่า "ข้าล้อเล่น" อย่างติดตลกเช่นทุกครั้ง น้ำค้างบ่นใส่อาร์ลไปหนึ่งกรุบฐานพูดเล่นอะไรไม่รู้เรื่อง ทำเอาตกใจไปหมด โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าแท้จริงแล้ว คำที่ว่าพูดเล่นนั้นมันกลับคือความจริงจังของหัวหน้าเผ่าเรดเมเปิลต่างหาก ซามูร์ที่กัดฟันกรอดยืนรอน้ำค้างให้เจรจากับอาร์ลจนจบลงไปได้ซะที คนหน้าบูดบึ้งยืนกำหมัดแน่นยิ่งตอนที่สบเห็นน้ำค้างถูกอาร์ลถือวิสาสะดึงตัวเข้าไปกอด จนแทบจะระเบิดอารมณ์ที่เก็บกักเอาไว้ไม่ไหวออกมาอยู่รอมร่อแล้ว ครั้งนี้เสมือนกับว่าเป็นการจากลากันด้วยดีครั้งสุดท้ายแล้ว น้ำค้างจอมขี้แยก็ไม่สามารถเก็บกักน้ำตาไว้ได้ไหวอีกต่อไป จึงได้ปลดเปลื้องอารมณ์ทั้งหมดออกมาจนทำให้พูดอู้อี้ฟังไม่รู้เรื่องเช่นเดิม ฝ่ามือใหญ่คอยประคองใบหน้าที่นองไปด้วยน้ำตาเอาไว้ แล้วก็ช่วยเช็ดหยดน้ำตาออกจากใบหน้าเศร้าหมองออกให้ น้ำค้างสะอื้นไห้จนตัวโยนจนซามูร์แทบจะไม่อยากให้คนตรงหน้านี้จากไปเช่นกันแล้ว แต่ก็ต้องยอมผละตัวออกจากกันอยู่ดี เมื่อพวกทีมวิจัยเดินเข้ามาเรียกตัวน้ำค้างว่าสมควรแก่เวลาที่จะต้องออกเดินทางกันต่อได้แล้ว เดี๋ยวต้องรีบพาน้ำค้างไปทำการติดต่อเรื่องเอกสารที่ชายแดนอีก เพื่อจะต้องขอเข้าผ่านด่านเมืองต่อๆ ไปด้วย ทำเอาทั้งคู่จำต้องยอมปล่อยให้นิ้วมือที่เกี่ยวเกาะกันไว้หลุดออกจากกันอย่างอาลัยอาวรณ์ "ซามูร์ บ๊ายบาย~" ปัง!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม