Area 11 : ความพลัดพราก กับ ความเลวร้าย (2/2)

3270 คำ
กริ๊ก~~! ดวงตาที่ถูกผ้าผูกปิดตาเอาไว้จนมืดมิด มองสิ่งใดก็ไม่เห็นได้เลยจึงมีเพียงใบหูเท่านั้นที่ต้องทำงานอย่างหนัก น้ำค้างเลิ่กลั่กเมื่อรู้สึกถึงแรกกระแทกหนักๆ ที่ร่วงหล่นลงมาใส่ที่บริเวณปลายขาให้รู้สึกอุ่นร้อนทันที ฮึ? เหมือนกับ..ร่างคน..ใช่มั้ย? หลังเสียงของบานประตูปิดกลับลงไปแล้ว คนที่ถูกมัดมือไพล่หลังเอาไว้ก็พยายามเอี้ยวตัวแล้วลองแตะๆ จับๆ ลงบนพื้นชื้นแฉะ น้ำค้างทำท่ายงโย่ยงหยกเปลี่ยนทิศทางการนั่งของตัวเอง โดยการหันหลังและใช้มือทั้งสองข้างที่ผูกติดกันไว้พยายามควานหาสิ่งที่ตกลงมาใส่กันทันที คนจริงๆ ด้วยแฮะ "อื้อ...อื้อ" ฝ่ามือที่ขยับอย่างยากลำบากพยายามแตะจับลงไปยังร่างของคนที่น่าจะไม่รู้สึกตัว น้ำค้างพยายามเขย่าร่างคนที่นอนนิ่งเท่าที่จะทำได้ แต่ดูเหมือนว่าคนที่เขาพยายามปลุกเท่าไร ก็ยังไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด จนคนออกแรงเขย่าต้องขอยอมแพ้ไปเอง คนเนื้อตัวเต็มไปด้วยคราบฝุ่นได้นั่งกลับลงไปที่พื้นเขรอะฝุ่นตามเดิมแล้ว เมื่อน้ำค้างนั่งถอนหายใจหลายครั้งได้ไม่เท่าไร เจ้าตัวก็ได้ผล็อยหลับลงไปตามร่างใหม่ที่ถูกพวกกองโจรผลักเข้ามาขังเอาไว้ในห้องนี้เช่นกัน กริ๊ก...กริ้ง เสียงไขกุญแจที่ประตูด้านนอก ทำให้คนที่เหนื่อยล้าจนเผลอหัลบไปเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อโสตประสาทรับรู้ถึงเสียงของจำนวนฝีเท้าที่เดินย้ำเข้ามาภายในห้องนี้ น้ำค้างได้ลองเงี่ยหูฟังให้ดีแล้วเหมือนกับว่า พวกมันจะมีอยู่ด้วยกันหลายคนเลย "เอ้า ๆ ตื่นได้แล้ว เห้ย!!” เสียงเข้มตะเบ็งเรียกดังขึ้นมา พร้อมกับแรงเขย่าที่ไม่เบามือนัก เรียกได้ว่ามันใช้ปลายเท้าเตะๆ เขี่ยๆ ลงมาที่ลำตัวของแต่ละคนซะมากกว่า "นายสั่งมาว่าจะเอากี่คนนะ" เสียงทุ้มแปลกแปร่งเอ่ยถามออกมา ทำให้น้ำค้างยิ่งต้องพยายามตั้งใจฟังว่าพวกมันกำลังสื่อสารอะไรกัน "ครั้งนี้สามคน" หลังได้ยินคำตอบด้วยแล้ว น้ำค้างรู้สึกได้ถึงแรงดึงรั้งให้ต้องขยับลุกขึ้นตามแรงกระชากโซ่ไปด้วย จนเกือบจะเซถลาล้มหน้าคะมำอยู่รอมร่อ แต่ทว่าเหมือนกับได้ไปปะทะชนเข้ากับลำตัวของคนอื่นเข้าซะก่อน จึงไม่ถึงกับล้มคว่ำลงไป "มึงสุ่มเลือกลากออกไป 3 คนสิ" น้ำเสียงดุดันราวกับกำลังบงการให้คนอื่นรีบลากตัวเชลยออกไปยังไงยังงั้น "เฮ้ย! ไอ้นั่นน่ะ! ไบจารบอกว่าอย่าเพิ่งเอามันไป" หลังจากที่ได้ยินประโยคว่า ไอ้นั่นน่ะ ยังไม่เอา น้ำค้างจึงถูกผลักให้หงายท้องล้มลงไปนั่งฟุบกองอยู่ที่พื้นตามเดิม จนต้องยู่ปากเพราะเจ็บจี๊ดจากแรงกระแทกตรงบริเวณก้นกบ เสียงเคร้งๆ ของสายโซ่กระทบกันได้เงียบหายไปแล้ว พร้อมกับเสียงดีดดิ้นจากฝ่าเท้าของแต่ละคน ที่น่าจะพยายามขัดขืนราวกับว่าไม่อยากจะออกไปเลย รวมถึงเสียงจิ๊จ๊ะของพวกที่น่าจะเป็นเหล่าโจรชั่วก็เงียบเสียงลงไปด้วยเช่นกัน น้ำค้างเริ่มขยับตัวอีกครั้ง เขาลองพยายามคลานไปยังบริเวณห้องนี้ จากที่ฟังเสียงเปิดปิดประตูแล้วน้ำค้างคิดว่าที่นี่น่าจะเป็นบ้านรกร้างสักหลังกลางป่าแน่ ๆ หัวเข่าที่เคยขาวนวลบัดนี้เต็มไปด้วยรอยแผลบ้าง รอยเปรอะจากการคลุกฝุ่นบ้าง แต่น้ำค้างไม่ได้โฟกัสถึงความเจ็บแสบตรงนี้สักเท่าใด เจ้าตัวยังคงเลือกที่คลานเข่าไปเรื่อยๆ จนกระแทกเข้ากับสิ่งของบ้าง และร่างของคนบ้าง จึงทำให้น้ำค้างรู้ว่าในห้องนี้ยังมีคนที่ถูกพวกโจรจับตัวมาเหลืออยู่ด้วยกันอีกถึงสองชีวิต น้ำค้างพยายามออกเสียงอือออในลำคอ จนได้รับคำอือออกลับมาเช่นกัน ซึ่งไม่รู้เลยว่าแต่ละคนหน้าตาจะเป็นอย่างไร คนประเทศไหน และถูกจับตัวมาได้อย่างไร เพราะต่างคนต่างก็ถูกปิดตาไว้เหมือนกัน ผ้าที่ผูกปิดปากและผูกข้อมือไพล่หลัง และยังมีโซ่ตรวนเส้นยาวล็อกติดอยู่ที่ข้อเท้าทั้งสองข้างเหมือนๆ กันเลย แต่ทว่าความพยายามของน้ำค้างไม่มีที่สิ้นสุด คนสู้ชีวิตขยับจัดท่าทางของตนเองให้ถนัดถนี่ และได้พยายามควานหาบริเวณใบหน้าของอีกคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อนจนเจอ แล้วจึงหาทางใช้นิ้วที่พอจะกระดิกขยับได้แกะผ้าปิดตาและผ้าปิดปากออกให้ก่อนเป็นอันดับแรก ฮ่าห์...ฮ้ะ! เมื่อคนแรกถูกแกะผ้าปิดตาและผ้าปิดปากออกได้แล้ว คนนั้นจึงแกะให้กับน้ำค้างคืนบ้าง และเราทั้งคู่จึงได้มองเห็นใบหน้าของผู้เคราะห์ร้ายเหมือนกันได้สักที แต่ก่อนที่จะได้ทำความรู้จักกัน น้ำค้างรีบคลานไปหาอีกคนและได้เข้าไปช่วยเหลือเช่นเดียวกัน จนทั้งสามคนเริ่มทำความรู้จักซึ่งกันและกันทันที คนแรกมีชื่อว่าเออฟาน เป็นคนที่อยู่แถบชายขอบทางเหนือของพื้นที่นี้ ซึ่งมีรูปร่างเล็กค่อนไปทางผอมบาง มีหน้าตาผิวพรรณที่ขาวมาก ดวงตาโต มีรอยยิ้มสวย หากไม่โดนบดบังด้วยสภาพแววล้อมที่มีแต่ฝุ่นและดินโคลนสีแดงติดตัวมา น้ำค้างคิดว่าชายผู้นี้ช่างน่ารักมากๆ เลยล่ะ เออฟานบอกว่าตนเองนั้นถูกครอบหัวขโมยตัวมาจากทางหมู่บ้านที่อาศัยอยู่กันเพียงแค่ตายายแก่ๆ แถวปลายเชิงลำธารน้ำตกที่ร้างไร้ผู้คน ส่วนคนที่สองนั้นมีอายุน้อยที่สุด น้องมีชื่อว่า แคดัส ซึ่งเป็นเด็กชายที่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ สีผิวจะออกเข้มๆ แม้นจะมีอายุได้เพียงแค่ 8 ปีเอง แต่ร่างกายกลับเติบโตดูเสมือนกับเด็กหนุ่มในวัย 16 ปีแล้วเลย ซึ่งน้องเขาบอกว่าโดนทุบหัวจนสลบไปแล้วถูกจับตัวมา น่าจะเป็นตอนที่เข้าป่าไปหาท่อนฟื้นให้กับคนในหมู่บ้าน พอรู้สึกตัวอีกทีก็โดนพวกโจรป่าขโมยจับตัวมาขังไว้ที่นี่ซะแล้ว น้ำค้างพอจะคุยรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แต่ก็ยังพยายามทำความเข้าใจให้ได้มากที่สุด ด้วยความสงสัยน้ำค้างจึงถามออกไปว่าพอจะรู้มั้ยว่าโจรพวกนี้มันจับเรามาทำอะไรกัน แต่ทว่ายังไม่ทันจะได้รับคำตอบมาเป็นข้อมูลแบบที่ทำให้เข้าใจแบบง่ายๆ ได้เลย ทั้งสามคนจำต้องรีบดึงผ้าผูกปิดตากับผ้าปิดปากให้กลับมาคงที่ไว้ดังเดิม เมื่อเสียงด้านนอกเริ่มดังโขมงโฉงเฉงได้เล็ดลอดแว่วเข้ามาให้ได้ยินถึงในบ้านกันอีกครั้งแล้ว ทั้งสามคนเป็นอันรู้กันว่าพวกกองโจรมันได้กลับมาจากข้างนอกแล้ว จึงต้องควรแยกตัวออกให้ห่างจากกันเอาไว้ก่อน เพื่อจะได้กลบเกลื่อนไม่เป็นที่สงสัย เวลาผ่านไปนานนับหลายนาที เสียงโซ่คล้องประตูและกุญแจที่ถูกไขเข้ามาก็กระทบเข้าโสตประสาทของทั้งสามคนที่ถูกจับตัวมา แต่ทว่าแต่ละคนก็ทำเป็นนอนหลับบ้าง หันไปมองแบบที่ผ้าผูกตาและผ้าผูกปากยังอยู่บนใบหน้าครบปกติดีในแบบที่โจรจับไต๋ไม่ได้แน่นอน "เอ้า! อาหาร" เสียงเหมือนกับมีสิ่งของตกผ่านลงมาตรงหน้าของแต่ละคนแล้วมันได้ร่วงกระทบสู่บนพื้นแล้ว ก่อนที่จะมีน้ำหนักมือที่ไม่คิดจะยั้งแรงตามมาดึงผ้าออกจากปาก ทำเอาคนโดนเนื้อผ้าหยาบบาดเข้าถึงกับต้องสะดุ้งไปตามๆ กันเลย หลังจากที่น้ำค้างโดนแกะผ้าผูกปากออก ต่อจากนั้นแรงบีบจากข้อนิ้วแข็งก็ล็อกเข้าที่ปลายคางแล้วบังคับให้อ้าปากออกให้กว้างและอ้าค้างเอาไว้ ทำเอาน้ำลายที่อยู่ในปากแทบจะไหลย้อยออกนอกปากไปหมด จากนั้นจึงได้สัมผัสได้ว่าถูกเอาอะไรบางอย่างยัดเข้ามาในปากแทน สิ่งนั้นมันทำให้น้ำค้างถึงกับต้องสำลักและไอโขลกออกมารุนแรง เนื่องจากรสชาติของสิ่งที่ถูกยัดใส่เข้าปากมานั้น มันจะสามารถเรียกว่าอาหารได้รึเปล่าก็ไม่รู้ เพราะหลังจากที่สิ่งนั้นมันถูกแตะลงที่ปลายลิ้นทำเอาน้ำค้างถึงกับคลื่นเ**ยนอย่างรุนแรงขึ้นมาทันที แม้นน้ำค้างจะไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เมื่อวานยันวันนี้แล้วก็ตาม แต่เมื่อเพียงแค่ปลายลิ้นได้แตะสัมผัสเข้ากับรสชาติกลิ่นเหม็นหืนแบบนี้เข้าไป น้ำค้างก็พร้อมที่จะขย้อนมันกลับออกมาคืนให้ได้เสมอแบบทันทีทันควันกันเลยทีเดียว อ้อกกก แหวะ..!! หลังเสียงโอ๊กอ๊ากเกิดขึ้นได้ไม่นานก็กลายเป็นเสียง เพี๊ยะ!! ประทับลงบนใบหน้าซีกขวา และตามมาด้วยเสียงด่าสาดทอลั่นกร้าวใส่คนที่บังอาจสำรอกของกินออกมาจนเละเทะไปหมด "เอ้า ไอ้เหี้-นี่แม่ง อวกแตกใส่กูอีก" "งั้นมึงไม่ต้องแดก" หลังจากน้ำเสียงที่ตะเบ็งด่ากราดใส่จบแล้วก็ได้อันตรทานหายไปในทันที แต่ทว่าก่อนที่น้ำค้างจะพรูลมหายใจออกมาอย่างสบายใจได้ โดยที่ไม่ต้องถูกบีบบังคับให้กินสิ่งที่มันเหม็นเน่านั่นอีก กลับต้องรู้สึกถึงแรงกระแทกจากการถูกประเคนฝ่าเท้าเตะเข้ากับช่วงหน้าท้องอย่างจังด้วยกันถึงสองสามครั้ง อั๊ก! อั๊ก! อั๊ก! น้ำค้างต้องล้มตัวลงไปนอนคุดคู้คลุกฝุ่นอย่างทนแรงเจ็บไม่ไหว ซึ่งตอนนี้คนนอนนิ่วหน้ารู้สึกจุกตื้อทรมานไปหมด มันเจ็บปวดทรมานยิ่งกว่าตอนที่มีอาการคลื่นไส้อาเจียนออกมาเมื่อครู่นี้ซะอีก บัดนี้ยังรู้สึกว่าใบหน้าของตนนั้นต้องเขรอะเต็มไปด้วยทั้งหยาดน้ำตาทั้งน้ำลายหนืดเหนียวที่มันกลืนไม่ลงคอ จนต้องปล่อยไหลย้อยออกมาจากริมฝีปากที่ปิดกลับให้สนิทไม่ได้แล้วแน่ ๆ แค่ก! แค่ก! "ไอ้ข่ามจา มึงทำเหี้-อะไรเนี่ย เดี๋ยวมันก็เสียราคาหมดหรอก ไอ้เหี้-นี่ทำห่าอะไรไม่เข้าท่าเลย" น้ำค้างได้ยินเสียงแว่วๆ ดังอยู่ข้างใบหู แต่ทว่าจับใจความได้บ้างไม่ได้บ้าง เพราะตอนนี้เขาเจ็บจุกบริเวณช่วงท้องจนมันมึนตึ๊บ สมองพร่าเบลอแทบสิ้นสติไปหมดแล้ว "ก็แม่งเสือกอวกใส่กูเองนี่หว่า แค่สั่งสอนนิดหน่อยเอง นายไม่เห็นหรอก" คนถูกอวกใส่ชี้มือให้เพื่อนตัวเองดูเป็นหลักฐานว่าที่ลงโทษไปแบบนั้นเพราะสิ่งนี้เลย "งานนี้มึงโดนท่านไบจารแน่" น้ำเสียงที่แตกต่างกันออกไปถึงสามโทนเสียงเงียบสนิทหายไปแล้ว ส่วนอีกสองร่างที่เคยชินกับอาหารป่าแล้ว ไม่ได้มีความรู้สึกทรมานเหมือนกับน้ำค้าง สองคนนั้นพากันขยับเข้ามาหาคนนอนขดตัวอยู่ทันที เออฟานบีบมือน้ำค้างราวกับถามไถ่อาการพร้อมให้กำลังใจ ส่วนแคดัสพยายามแกะผ้าผูกตาออกให้พวกเราทั้งสามคนอีกครั้ง เมื่อทั้งคู่ได้เห็นสีหน้าความทรมานของน้ำค้างแล้ว จึงยิ่งทำให้รู้สึกสงสารปนเวทนาไปหมด แล้วทั้งสามก็ได้พากันกอดคอกันน้ำตาไหลออกมาภายใต้ห้องสี่เหลี่ยมอันมืดมิดไร้แสงสว่างส่องเข้ามาถึง ทำไมชีวิตของพวกเราถึงต้องมาตกทุกข์ได้ยากเช่นนี้กันด้วย.. ☘ ความนิ่งสงบผ่านไปได้สามวันแล้ว พวกกองโจรต่างสลับเวียนกันนำอาหารมาโยนให้ พวกเขาทั้งสามคนจะได้กินอาหารและน้ำเพียงวันละครั้งเท่านั้น ส่วนเรื่องการเข้าห้องน้ำนั้น มันนำเพียงแค่ภาชนะที่เหมือนกับทำจากโลหะเป็นรูปร่างคล้ายกับหม้อ พอได้ลองแตะจับดูตอนที่ถูกผูกปิดตาเอาไว้อยู่ทำเอาคิดไปต่างๆ นานา จนได้มาเฉลยว่ามันคืออะไรกันแน่ ก็เป็นตอนที่ได้ลักลอบแอบแกะผ้าปิดตากันออกแล้วว่ามันคือกระโถนนั่นเอง แต่แล้วเวลาที่ไม่เคยหยุดเดินก็มาถึงจนได้ เมื่อรุ่งสางของวันที่ต้องเกิดการจากลากันแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ก็เกิดขึ้นอีกครั้งอย่างไม่มีลางบอกเหตุล่วงหน้าเลยด้วยซ้ำ หลังเสียง กุกกัก ไขประตูเพื่อเปิดเข้ามา ในขณะเดียวกัน ทั้งสามคนก็ได้กระถดถอยกรูดไปนั่งกองรวมกัน และโอบกอดกันเอาไว้อย่างเหนี่ยวแน่น แต่แล้วในท้ายที่สุด ก็ไม่สามารถสู้แรงกระชากลากทึ้ง ให้ทั้งหมดต้องถูกจับแยกตัวออกจากกันได้อยู่ดี วันนี้แคดัสซึ่งได้กลายเป็นเด็กน้อยผู้ที่โชคร้ายได้ถูกพรากตัวออกไปแล้วจนได้ เสียงขัดขืนของการกระทบกันของสายโซ่ ทำให้น้ำค้างรับรู้ได้ในทันทีว่า แคดัสก็พยายามขัดขืนต่อสู้ดิ้นรนเอาชีวิตรอดมากขนาดไหนเช่นกัน หลังจากที่น้ำค้างและเออฟาน รู้สึกย่ำแย่ที่ไม่มีทางต่อสู้พวกนั้นได้เลย จนแคดัสต้องถูกพลัดพรากจากกันไปก่อน ทั้งคู่จึงพยายามหาทางแกะเชือกเส้นหนาราวกับถูกผูกลวดสลิงที่ข้อมือของกันและกันเลยละ ทั้งคู่มองหาสิ่งที่จะนำมาใช้ต่อสู้กับพวกโจรได้ แต่ดูเหมือนว่าบ้านร้างว่างเปล่าแห่งนี้จะไม่มีอะไรที่ใช้เป็นอาวุธได้เลย นอกซะจากกระโถนสิ่งที่ได้จากพวกมันมานี่แหละ ค่ำคืนนี้มันไม่ได้มีสิ่งใดเตือนก่อนล่วงหน้าทั้งสิ้น ความเป็นโจรมันก็เหี้ยมโหดดั่งที่ขึ้นชื่อว่าโจรชั่ว มันได้มีไอ้สารเลวหนึ่งตัวที่แอบลักลอบเข้ามาในห้องนี้ยามวิกาล เสียงฝีเท้ามันเดินไปทางเออฟานอย่างใจเย็น ก่อนจะขึ้นคร่อมกักทับร่างของเออฟานจนต้องพยายามตะเกียกตะกายหนีอย่างยากลำบาก อื้อ อือออ ฮืออออ น้ำค้างที่ได้ยินเสียงอือออกล้องในลำคอพยายามเปล่งให้มีเสียงหลุดลอดออกมาให้ได้ จนคนตั้งใจเงี่ยหูฟังแน่ชัดแล้วว่าเออฟานอาจจะถูกล่วงเกินก็เป็นได้ หลังจากที่ทั้งคู่ได้ทำการแกะเชือกออกและมัดกลับไว้แบบหลวมๆ เช่นเดิมเพื่อหลอกตาพวกมัน เมื่อเกิดเหตุการณ์สุดจะทนแบบนี้ น้ำค้างจึงต้องลุกขึ้นไปถีบไอ้ชั่วนั่นและเอาเชือกที่แกะออกจากข้อมือไปคล้องมัดคอมันไว้ ฉึบ! น้ำค้างที่ไม่ค่อยจะมีเรี่ยวแรงมากพอที่จะต่อกรกับไอ้โจรใจทรามนี้ได้ เพราะการกินอาหารและน้ำวันละน้อยนิด ยิ่งทำให้ไม่มีสารอาหารมาขับเคลื่อนแรงกายได้เลย จึงทำให้การรัดเชือกที่ลำคอมันไม่แน่นพอจนสามารถทำให้มันขาดใจตายได้สักที ฮึด!! อีกทั้งรอยบอบช้ำจากถูกทำร้ายก่อนหน้านี้จึงทำให้น้ำค้างเสียท่า "หน๊อย มึง!" คนไร้แรงต่อสู้เสียเปรียบและได้กลายเป็นฝ่ายถูกผลักตัวออกไป แล้วตามมาจับพลิกตัวน้ำค้างให้นอนหงายลงไปกับพื้นได้อย่างงายดาย จนเจ้าตัวต้องพยายามฝืนตัวแล้วดิ้นขลุกขลักให้หลุดพันธนาการแทน ฮึก! ส่วนไอ้โจรชั่วช้านั่นรีบกระโจนขึ้นคร่อมทับตัวน้ำค้างเอาไว้ พร้อมกับออกแรงบีบที่ลำคอของน้ำค้างแน่นขึ้น แน่นขึ้น จนคนถูกกระทำแทบจะขาดอากาศในการหายใจ อึก! ใบหน้าคลุกฝุ่นเริ่มหายใจยากลำบากขึ้นทุกขณะ รอบดวงตาเริ่มกลายเป็นสีแดงก่ำ ราวกับร่างกายเตือนว่าเกิดสิ่งผิดปกติทางระบบหายใจ เสียงโซ่ตรวนตรงข้อเท้ากระทบกับพื้น แคร้ง แคร้ง ที่เคยดังเริ่มไร้เรี่ยวแรงที่จะขยับยก ร่างกายที่เคยดีดดิ้นให้หลุดออกจากพันธนาการของคนที่กำลังออกแรงบีบฝ่ามือตรงลำคอขาว กลับค่อยๆ หมดเรี่ยวแรงลงทีละนิด ทีละนิด เออฟานหลังจากที่ถูกชกเข้าที่ช่วงท้องอย่างจังไป ทำเอาจุกน้ำตาไหลจนแทบจะสลบเหมือดเอาตัวไม่รอดเช่นกัน แต่เมื่อได้สติกลับคืนมาหลังจากที่เอาแต่นอนน้ำตาไหลร้องไห้ เออฟานจึงรีบขยับตัวลุกขึ้น แกะเชือกออกจากข้อมือของตัวเองบ้าง แล้วออกแรงรั้งดึงร่างไอ้โจรชั่วหน้ามืดตามัวให้ลุกออกไปจากการนั่งทับร่างของน้ำค้างอยู่ แต่เรี่ยวแรงน้อยนิดของเออฟานรึจะไปสู้กำลังพวกโจรเถื่อนได้ยังไงกัน เพียงแค่ถูกพลักออกด้วยฝ่ามือเดียว ร่างเล็กจ้อยก็กระเด็นล้มไถลลงไปกองอยู่กับพื้นแล้ว ใบหน้าขาวเลอะเทอะเต็มไปด้วยคราบฝุ่นเริ่มซีดเซียวลงไปเรื่อยๆ นิ้วเรียวที่พยายามแกะมือโจรออกจากลำคอตัวเองเริ่มหมดแรงจะขยับแล้ว น้ำค้างหายใจติดขัด ลมหายใจเริ่มโรยรินบางเบา ท่อนขาที่เคยตะเกียกตะกายตีขึ้นลงกับพื้นเริ่มหยุดนิ่งอย่างไร้เรี่ยวแรงไปซะดื้อๆ ใบหน้าไร้สีซีดเผือดเริ่มเหยเก ดวงตาสีขาวมีเส้นเลือดแดงปรากฏขึ้น จนเห็นได้ชัดว่ามันใกล้จะแตกอยู่รอมร่อแล้ว แต่เมื่อโจรชั่วมันเกิดมโนสำนึกขึ้นมาได้ว่าหากมันทำสิ่งของสองชิ้นนี้พัง มันต้องโดนไบจารเอามันตายแน่นอน มันจึงได้คลายมือออกแล้วรีบลุกหนีออกจากบ้านพักร้างที่มันก่อเหตุเอาไว้แบบทันควัน แต่ก่อนที่มันจะวิ่งออกไป มันดันชะงักตัวแล้วเดินวกกลับเข้ามาประเคนฝ่าเท้ากระทืบลงบริเวณท้องน้อยของน้ำค้างไปอีกสองสามที อย่างต้องการระบายอารมณ์ด้วยความเครียดแค้นจัด ทั้งคู่ต่างขวัญเสียที่ได้เผชิญกับเหตุการณ์อันเลวร้ายเมื่อครู่นี้ จึงได้โผตัวเข้าหากันและกอดกันแน่นทันที ทั้งน้ำค้างและเออฟานได้พากันร่ำไห้ปล่อยโฮออกมาให้กับชะตาชีวิตอันอับโชค ที่นำพาให้ทั้งคู่ต้องมาเผชิญกับนรกบนดินอยู่เช่นนี้ พอถึงรุ่งเช้าวันต่อมา ก็เป็นไปตามที่คาดคิด เมื่อไอ้โจรชั่วคนเมื่อคืนมันคิดที่จะเข้ามาข่มเหงเออฟานจริงๆ แต่มันกลับทำไม่ได้ตามอย่างที่มันต้องการ มันคงไปบอกอะไรกับเพื่อนของมันสักอย่างมาแน่นอน เพราะคราวนี้มันเลยทำการจับเราสองคนแยกออกห่างจากกันไปเลย น้ำค้างและเออฟานไม่สามารถรู้ได้เลยว่า ตนเองนั้นได้ถูกพลัดพรากออกจากกันไปตั้งแต่รุ่งเช้าตรู่ในวันนี้ไปตลอดกาลเสียแล้ว คงจบแล้วสินะชีวิตเซ็งเคร็งของกู..
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม