“ขะ..ข้าคงจะตาฝาดเป็นแน่..ชะ..ใช่...ต้องตาฝาดแน่ๆ เลย”ติงห้าวห้าวพยายามคิดในทางที่ดีและเข้าข้างตัวเองอยู่ตลอดเวลาพลางหลับตาลงเพื่อสลัดภาพสองเต้าคู่มหึมาออกไปจากความทรงจำของเขา
พรืดดดด!!! ร่างเล็กอรชรรีบดีดตัวลุกขึ้นจากฟูกนอนอย่างรวดเร็วพร้อมถลาเข้าไปเกาะอ่างน้ำที่ทำมาจากสัมฤทธิ์ ชะโงกหน้ามองเงาที่กำลังสะท้อนอยู่ในน้ำใสราวกับกระจกอยู่ในเวลานี้ ทั่วทั้งร่างหยุดนิ่งไม่ไหวติงด้วยความตกใจสุดขีดเมื่อติงห้าวห้าวเห็นใบหน้าหวานซึ้งของสตรีสาวปรากฏในเงาน้ำแทนที่จะเป็นใบหน้าของบุรุษรูปงามตามที่ได้ตั้งความหวังเอาไว้
“ผ...ผะ...ผู้..ผู้หญิง! นะ..นี่...นี่ข้าอยู่ในร่างของผู้หญิงหรือนี่! ข้าอยู่ในร่างนี่จริงๆ หรือนี่..เฮ้ยยยย!!!!”ติงห้าวห้าวตะโกนก้องออกมาจนสุดเสียง
“นี่มันอะไรกันนี่! เจ้าโลกันตร์!...เหตุใดต้องทำกับข้าเช่นนี้! ข้าไม่ต้องการร่างผู้หญิงแต่ต้องการร่างผู้ชาย!!!!”ติงห้าวห้าวโวยวายเป็นการใหญ่พร้อมทั้งส่งเสียงร้องเรียกเจ้าโลกันตร์จนดังเอ็ดอึงไปทั่วเรือนฉิงหลัน
ในขณะที่บ่าวไพร่พากันยืนอออยู่ด้านนอก เมื่อได้ยินเสียงร้องตะโกนโวยวายของฮูหยินน้อยจนดังก้องไปทั่วทั้งจวนต่างพากันจับกลุ่มวิพากวิจารณ์กันอย่างเซ็งแซ่แต่หามีผู้ใดกล้าเข้าไปภายในห้องดังกล่าวแม้แต่เพียงผู้เดียว หากแต่ไม่มีผู้ใดกล้าย่างกายเข้าไปภายในห้องนอนดังกล่าว ด้วยเพราะเห็นร่างของฮูหยินน้อยของจวนกำลังตะโกนโหวกเหวกราวกับว่ากำลังทะเลาะกับใครบางคน
ร่างเล็กอรชรเดินกลับไปกลับมาด้วยความร้อนใจ เมื่อร่างใหม่ที่ต้องการกลับไม่เป็นอย่างที่คิดแม้แต่น้อย ร่างสตรีบอบบางเช่นนี้จะสามารถไปทำอะไรได้สักเท่าไรกันเชียว ฉับพลันดวงตาพลันนึกขึ้นได้ว่าเจ้าโลกันตร์ให้ของสำคัญติดตัวมาซึ่งนั้นก็คือ ธูปเรียกวิญญาณนั้นเอง
“ใช่แล้ว! เจ้าโลกันตร์ได้มอบธูปวิญญาณให้กับข้ามาเพื่อที่จะใช้ติดต่อกับลุงยมทูตฝาแฝด ตะ.แต่ว่า..แล้วธูปหายไปไหนละ..จำได้ว่าข้ากำเอาไว้ในมืออยู่ตลอดเวลา..แล้วหายไปได้อย่างไง”ติงห้าวห้าวยืนครุ่นคิดอย่างหนักเพื่อหาวิธีติดต่อกับแดนปรโลกก่อนจะเหลือบไปเห็นบ่าวไพร่ยืนอออยู่ด้านนอก ความคิดบางอย่างโลดแล่นขึ้นมาทันที
“หรือว่าข้าทำตกหายตอนที่สวมร่างนี้ อย่างน้อยพวกที่อยู่ข้างนอกก็ต้องพากันเห็นบ้างละ”กล่าวพร้อมก้าวเดินอาดๆ ตรงไปที่หน้าประตูอย่างรวดเร็ว
ปัง!!! ประตูห้องนอนถูกเปิดออกกว้างพร้อมร่างอรชรของฮูหยินน้อยวิ่งออกมาจากห้องดังกล่าวอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมาหยุดยืนตรงบริเวณลานสวนดอกไม้ที่ซ่งไหลไหลถูกสายฟ้าแฉลบเข้าร่างจนสิ้นชีพพร้อมส่งเสียงตะโกนก้อง
“นี่พวกเจ้าได้เก็บของข้าหรือเปล่า! เห็นธูปของข้าไหม! ธูปที่อยู่ในมือข้าหนึ่งดอกพากันเห็นหรือไหม”ติงห้าวห้าวในร่างของฮูหยินน้อยของจวนส่งเสียงถามกับบรรดาบ่าวไพร่ที่ยืนเรียงรางอยู่ตรงหน้า
ทว่ากลับไม่มีผู้ใดให้คำตอบกลับมาแต่อย่างใด แต่ละคนส่ายหน้าไปมาเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด และนั้นทำให้ติงห้าวห้าวแทบจะสิ้นหวังไปทันที
“ไม่มีใครรู้บ้างเลยเหรอ! มันเป็นของสำคัญของข้านะ!”เสียงหวานของฮูหยินน้อยซึ่งติงห้าวห้าวสวมร่างอยู่ในขณะนั้น พูดจาเป็นประโยคและชัดถ้อยชัดคำกว่าที่ทุกครั้งที่ผ่านมา เพียงแต่ว่าคำถามดังกล่าวที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้จึงทำให้บ่าวไพร่ไม่ได้เห็นความแตกต่างที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด
“โธ่เว้ย! ให้มันได้อย่างนี้สิ! ของวิเศษข้าหายไปเช่นนี้จะติดต่อกับสองยมทูตได้อย่างไร”ติงห้าวห้าวบ่นพึมพำอย่างหัวเสียพลางเหลือบมองบ่าวไพร่ที่ยืนเรียงรายอยู่ตรงหน้า
ร่างอรชรยกมือทั้งสองข้างขึ้นเท้าสะเอวด้วยความกลัดกลุ้มกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับตัวเองอยู่ในขณะนี้พลางเดินกลับไปกลับมาพร้อมส่งเสียงพึมพำ
“ธูปวิญญาณหายไปไหน! มันหายไปได้อย่างไง!”ติงห้าวห้าวบ่นไม่รู้วาย
ฉับพลันสายตาเหลือบไปเห็นไม้เส้นเล็กๆ ตกอยู่ตรงบริเวณพื้นดินและที่สำคัญมีสีดำทะมึนคล้ายธูปวิญญาณ ติงห้าวห้าวไม่รอช้า สองเท้าเปลือยเปล่าพาร่างเล็กอรชรรีบเดินเข้าไปใกล้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความดีใจ
“เจอแล้ว! ของวิเศษข้า!”ทั้งเสียงและใบหน้าเต็มไปด้วยความดีใจอย่างเห็นได้ชัด ด้วยเพราะจดจำลักษณะเด่นของธูปวิญญาณนี้ได้เป็นอย่างดี
ติงห้าวห้าวพาร่างอรชรของซ่งไหลไหลรีบเดินกลับเข้าไปภายในห้องนอนตามเดิม โดยไม่สนใจผู้ใดอีกเลยท่ามกลางสายตาของบ่าวไพร่ที่คอยดูแลเรือนฉิงหลันต่างเห็นท่าทีและอาการที่แตกต่างไปจากเดิมของฮูหยินน้อย
“พวกเจ้าคิดเหมือนกับข้าไหมว่าวันนี้ฮูหยินน้อย พูดจาฟังรู้เรื่องเป็นผู้เป็นคนขึ้นกว่าแต่ก่อนขึ้นมากเลยนะ มิหนำซ้ำยังถามหาของวิเศษกับพวกเราได้อีก เท่านั้นยังไม่พอท่าทางเมื่อครู่เหมือนคนปกติเลย”เสียงของบ่าวไพร่ที่ดูแลเรือนนอนเอ่ยขึ้นตามที่นางเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่ที่ผ่านมา
“แต่ข้าก็คิดว่าก็ไม่แตกต่างไปจากเดิมเท่าไรนักหรอก คนสติดีจะมาถามหาธูปและยังบอกว่าเป็นของวิเศษกับพวกเราทำไมกัน ในโลกนี้มีของแบบนั้นหรือไงถ้าไม่บ้าจริงพูดเช่นนี้ออกมาไม่ได้หรอกนะ!”เสียงของบ่าวไพร่ที่ดูแลเรือนเดียวกันกลับเห็นต่างไปจากเพื่อนร่วมงาน ทำให้ทุกคนที่เหลือคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกับนางเช่นกันครั้นได้ยินเช่นนั้น
ภายในห้องนอน
ทันทีที่ติงห้าวห้าวพาร่างอรชรเข้ามาภายในห้องนอนตามเดิม ก็รีบตรงดิ่งไปที่เตาเผากำยานซึ่งถูกจุดขึ้นอยู่ภายในห้องก่อนจะจ่อธูปวิญญาณเพื่อให้ลุกติดไฟอย่างรวดเร็ว ครั้นธูปวิญญาณลุกติดไปเป็นผลสำเร็จ ครั้นแทนที่จะเอ่ยปากร้องเรียกสองยมทูตแฝดแต่ติงห้าวห้าวกลับคิดว่าพูดไปก็ร้องขอไม่ได้ มิสู้ติดต่อกับผู้เป็นใหญ่แห่งปรโลกโดยตรงจะดีกว่า
“เจ้าโลกันตร์ได้ยินกระหม่อมหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ! ได้โปรดติดต่อกระหม่อมด้วยเถิดฝ่าบาท..นี้มันเรื่องใหญ่มากนะพ่ะย่ะค่ะ”ติงห้าวห้าวตัดสินใจติดต่อกับเจ้าโลกันตร์แทนที่จะเป็นสองยมทูตฝาแฝดด้วยความร้อนใจ
หากแต่ไร้สิ้นเสียงตอบรับกลับมาใดๆ ทั้งสิ้นยังคงเต็มไปด้วยความเงียบงันอยู่เช่นนั้น จนติงห้าวห้าวไม่อาจทนอยู่ได้อีก
“ฝ่าบาท! ได้โปรดอย่านิ่งเฉยแบบนี้สิ...เหตุใดจึงทำแบบนี้! ต่อไปชีวิตของกระหม่อมจะไม่แย่ลงไปกว่านี้เหรอ..กระหม่อมไม่เอานะร่างนี้อย่างไงกระหม่อมก็ไม่เอา! กระหม่อมจะร้องขอความเป็นธรรมต่อสวรรค์ ด้วยเพราะเจ้าโลกันตร์เมินเฉยไม่จัดการให้ได้ร่างที่คู่ควร”ติงห้าวห้าวโวยวายเป็นการใหญ่
ทันใดนั้นเอง
“ติงห้าวห้าว”เสียงของผู้เป็นใหญ่แห่งโลกวิญญาณดังแทรกขึ้นมาทันใด ซึ่งมีเพียงติงห้าวห้าวเท่านั้นที่ได้ยิน
“เหตุใดฝ่าบาททำเช่นนี้กับกระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ ร่างแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่กระหม่อมต้องการเลย”ติงห้าวห้าวตัดพ้อทันที
“ก็เจ้าไม่ได้บอกข้าเสียหน่อยว่าร่างที่งดงามทัดเทียมกับเจ้าจะต้องเป็นบุรุษ ข้าจึงให้เจ้าเข้ามาสถิตที่ร่างของซ่งไหลไหลนี้ดูเอาเถิดร่างนี้งดงามน่าหลงใหลยิ่งนัก คู่ควรกับบุรุษรูปงามเช่นเจ้าทุกประการ หากจะร้องขอร่างของบุรุษก็คงจะมีให้เลือกระหว่างชายแก่วัยห้าสิบปีที่เต็มไปด้วยโรคภัย และชายพิการขาและแขนขาดเพราะผ่านการทำศึก อีกทั้งร่างของทั้งสองนั้นยังร่อนเร่ขอทานและเศษอาหารเพื่อประทังชีวิต หากต้องการได้ร่างบุรุษแบบนั้นข้าก็จะจัดการให้”
ทันทีที่ติงห้าวห้าวได้ยินเช่นนั้นถึงกับตาเหลือรีบปฏิเสธกลับไปเป็นพัลวัน
“มะ..ไม่..อย่าเพิ่งรีบด่วนเช่นนี้สิพ่ะย่ะค่ะ ยังมีเวลาที่ข้าจะได้ร่างใหม่ไม่ใช่เหรอ”ติงห้าวห้าวพยายามต่อรอง
“เจ้าคิดเองเออเองโดยไม่คำนึงถึงกฎของโลกวิญญาณแต่อย่างใด ทันทีที่ดวงวิญญาณของเจ้าสถิตในร่างนี้การเปลี่ยนร่างก็จะสิ้นสุดลงด้วยเช่นกัน หากเจ้าต้องการได้ร่างบุรุษ มีเพียงวิธีเดียวนั้นก็คือต้องสังหารร่างนี้แล้วกลับไปเกิดใหม่ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าเจ้าในชาติต่อไปจะได้เกิดเป็นบุรุษหรือไม่ กลับอีกวิธีนั้นก็คือดึงวิญญาณของเจ้าสลับร่างกับชายแก่หรือชายพิการ แล้วให้ดวงวิญญาณนั้นมาอยู่ในร่างของสตรีสาวสวยผู้นี้แทน”
รับสั่งของเจ้าโลกันตร์ทำให้ติงห้าวห้าวเห็นภาพขึ้นมาทันที
“หากเจ้าต้องการได้ร่างบุรุษเช่นนั้นจริงๆ ก็ถือได้ว่าชายหนึ่งในสองที่จะได้ถูกเลือกนั้นมีวาสนาเสียจริงไม่ต้องเร่รอนเป็นขอทาน มิหนำซ้ำยังมีกายครบทุกส่วนไม่พิการและขี้โรค อีกทั้งยังได้ใช้ชีวิตในแวดวงของชนชั้นสูงซึ่งมีเชื้อสายราชวงศ์อีกด้วย หากต้องการเช่นนั้นข้าก็จะดึงวิญญาณของเจ้าออกจากร่างของเดี๋ยวนี้”
รับสั่งของเจ้าโลกันตร์ทำให้ติงห้าวห้าวตาเหลือกขึ้นมาทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น
“มะ..มะ..ไม่พ่ะย่ะค่ะ..กระหม่อมไม่เปลี่ยนแล้ว! ไม่เปลี่ยน...อยู่ในร่างนี้ต่อไปก็ได้..ไหนๆ ก็มาอยู่ในร่างนี้แล้วเหตุใดจะต้องเปลี่ยนกลับไปกลับมา เมื่อครู่เป็นเพราะกระหม่อมกำลังตกใจก็เลยคิดน้อยไปหน่อย ฝ่าบาทอย่าเพิ่งทำนะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมยอมทุกอย่างแล้ว”
ติงห้างห้าวจำต้องยอมจำนนอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้เลย ด้วยสภาพของร่างบุรุษที่หลงเหลืออยู่ไม่สามารถทำให้เขาดำรงชีวิตในสิ่งที่ชื่นชอบต่อไปได้ หากเทียบกับร่างนี้ที่เป็นสตรีด้วยชาติตระกูลที่อยู่ในชนชั้นสูงทำให้มีภาษีกว่า
“ก็แค่นั้น! จงระลึกเอาไว้เถอะว่าการที่ดวงวิญญาณของเจ้าได้มาสถิตอยู่ในร่างของซ่งไหลไหลนั้น ทุกอย่างมีที่มาที่ไปเสมอไม่ใช่สิ่งที่ข้าจะกำหนดได้ตามอำเภอใจเสียที่ไหนกันเล่า ต่อไปในภายภาคหน้าเจ้าจะล่วงรู้เองว่าเพราะอะไร..เพราะเจ้าจะเป็นกำลังสำคัญอย่างมากเลยทีเดียวที่สามารถช่วยคนผู้นั้น”
รับสั่งของเจ้าโลกันตร์ทำให้ติงห้าวห้าวขมวดคิ้วเรียวสวยเข้าหากันทันใดครั้นได้ยินเช่นนั้น
“เป็นผู้ใดอย่างนั้นเหรอพ่ะย่ะค่ะ..แล้วกระหม่อมอยู่ในร่างสตรีนางนี้สามารถช่วยคนผู้นั้นได้อย่างไรกัน”ติงห้าวห้าวถามกลับไปด้วยความอยากรู้
“ก็ข้าบอกแล้วไงว่าต่อไปเจ้าจะล่วงรู้และเข้าใจได้เอง ว่าเพราะเหตุใดจึงส่งเจ้ามาอยู่ที่จวนหยงหนิงโหวแห่งนี้ และอยู่ในร่างของซ่งไหลไหลเชื่อเถอะว่าจะต้องมีอะไรเกิดขึ้นอีกมากมาย ออ...คราวหลังจุดธูปวิญญาณหากถึงคราวคับขันจริงๆ เท่านั้นและอย่าตะโกนร้องเรียกข้าเช่นนี้อีก เพราะข้าไม่ได้ว่างอยู่ตลอดเวลาอย่างที่เจ้าคิดหรอกนะ”เจ้าโลกันตร์รับสั่งเพียงเท่านั้นก็ค่อยๆ เงียบงัน
ท่ามกลางความสงสัยของติงห้าวห้าวที่สวมร่างของซ่งไหลไหลอยู่ในขณะนี้ ว่าเขาถูกส่งมาที่จวนนี้เพื่อช่วยเหลือใครบางคนแล้วคนผู้นั้นเล่าแท้จริงแล้วคือผู้ใดกัน แต่แล้วยังไม่ทันที่จะทำสิ่งใดบานประตูห้องนอนก็เปิดออกกว้างพร้อมร่างของแม่นมซุนหย่าฉีก้าวเข้ามาภายในห้องนอนพร้อมถาดสำรับอาหาร ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความดีใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อล่วงรู้ข่าวจากบ่าวไพร่ทางด้านนอกว่าคุณหนูของนางฟื้นแล้ว
“คุณหนู! คุณหนูของนม!!!”แม่นมซุนร้องเรียกหาสตรีสาวร่างเล็กอรชรเจ้าของใบหน้าแสนสวย ที่กำลังยืนจ้องนางด้วยความตกใจไปชั่วขณะ
แต่แล้วเพียงครู่จากความตกใจแปรเปลี่ยนไปทันที เมื่อสายตาเห็นถาดสำรับอาหารที่อยู่ในมือของแม่นมซุนส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วห้องนอนเลยทีเดียว
จ๊อกกกกก!!! เสียงน้ำย่อยในกระเพาะร้องออกมาดังสนั่นจนได้ยินอย่างชัดเจนพร้อมเสียงหวานของซ่งไหลไหลเอ่ยขึ้น
“รีบวางสำรับอาหารลงบนโต๊ะเดี๋ยวนี้เลยข้าหิวข้าว! หิวจนจะกินช้างกินม้าได้ทั้งตัวแล้ว”กล่าวพร้อมรีบบเดินตรงไปหาแม่นมซุนพร้อมรีบดึงสำรับอาหารออกจากมือนำไปวางลบโต๊ะด้วยเพราะไม่ทันใจ
ร่างของฮูหยินน้อยทรุดกายลงนั่งบนตั่งลงมือกินอาหารในสำรับอย่างหิวโหย ท่ามกลางสายตาของแม่นมซุนยืนมองคุณหนูของนางลงมือกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย พลางค่อยๆ ทรุดกายลงนั่งข้างพร้อมมองอาหารที่หมดลงอย่างรวดเร็ว
“คุณหนูค่อยๆ กินนะเจ้าคะเดี๋ยวจะติดคอเอาได้”นางกล่าวด้วยความเป็นห่วงพร้อมเสียงของคุณหนูแสนสวยเอ่ยขึ้น
“ไปเอามาเพิ่มให้ข้าอีก! อาหารรสเลิศมีกี่อย่างยกมาให้หมด! ข้าหิวมากๆ เลย อาหารแค่นี้ไม่ทำให้ข้าอิ่มหรอก!”เสียงคุณหนูคนงามบอกแม่นมคนสนิทกลับไป
และนั่นทำให้ซุนหย่าฉีถึงกับยิ้มกว้างด้วยความดีใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น เพราะปกติแล้วคุณหนูของนางกินข้าวเหมือนแมวดมเพียงแค่ไม่กี่คำก็ไม่เอาแล้ว
“เด็กๆ รีบไปที่โรงครัวบอกพ่อครัวให้จัดสำหรับอาหารชุดใหญ่มาให้เรือนฉิงหลันเร็วเข้าคุณหนูของข้าวันนี้เจริญอาหารยิ่งนักรีบไปเอามา”แม่นมซุนตะโกนสั่งบ่าวไพร่เป็นการใหญ่พร้อมเสียงหวานของฮูหยินน้อยแทรกขึ้นตามมาติดๆ
“เอาเหล้าที่ดีที่สุดมาให้ข้าด้วยหนึ่งขวด! รีบไปเอามาเร็วเข้า!!!”เสียงหวานของฮูหยินน้อยดังก้องได้ยินอย่างชัดเจน
ในขณะที่บ่าวไพร่แม้ว่ากำลังพากันยืนงงอยู่ในขณะนั้นก็ตาม แต่ต่างพากันขานรับคำสั่งอย่างรวดเร็ว
“เจ้าค่ะฮูหยินน้อย”บ่าวไพร่ขานรับกันอย่างพร้อมเพรียง
ตึก! ปากที่กำลังกัดกินน่องไก่ด้วยความหิวโหยอยู่ในเวลานั้นชะงักงันไปชั่วขณะครั้นได้ยินเช่นนั้น
“ฮูหยินน้อยอย่างนั้นเหรอ!”ติงห้าวห้าวซึ่งสถิตอยู่ในร่างของซ่งไหลไหลส่งเสียงพึมพำพลางครุ่นคิดตาม
ครั้นเหลือบสายตาหันกลับไปมองสตรีสูงวัยที่กำลังนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่และคอยฉีกชิ้นส่วนของไก่ที่ย่างจนหอมกรุ่นมาวางไว้บนจานเปล่าตรงหน้า จึงทำให้ล้มเลิกความสงสัยไปกลางคัน
“ช่างเถอะ! ช่างเถอะ! เรื่องกินเรื่องใหญ่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ค่อยว่ากันที่หลัง”ติงห้าวห้าวสลัดความคิดออกไปอย่างรวดเร็ว หันกลับมาลงมือจัดการกับอาหารที่ทยอยออกมาจากโรงครัวนำมาวางไว้ตรงหน้า หน้าตาของอาหารแต่ละจานน่ากินทั้งนั้นทำให้เขาอยากกินไปทั้งหมดเลยทีเดียว