ฮ่องเต้หรงชิ่ง

1819 คำ
ห้องบรรทมที่ 1 ฮ่องเต้หรงชิ่ง ยี่สิบปีก่อนต้าเว่ยเกิดการกบฏครั้งใหญ่ เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้องค์ชายสิบกว่าคนและเชื้อพระวงศ์ที่ต่อสู้แย่งชิงล้มตายจนแทบหมดสิ้น สุดท้ายหลังจากฮ่องเต้ชราเว่ยผิงอานสวรรคต ฮองเฮาหลี่จึงแต่ตั้งพระราชนัดดา ซึ่งตอนนั้นมีอายุเพียงเจ็ดชันษาสืบทอดราชบัลลังก์ ส่วนตนเองขึ้นเป็นไทเฮาออกว่าราชการหลังม่าน ยามนั้นหลี่ไทเฮาวัยใกล้หกสิบ ควบคุมอำนาจทั้งในและนอกราชสำนัก กลายเป็นสตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดิน ตำหนักเฉียนชิง ห้องทรงอักษร ขันทีและนางกำนัลเกือบสามสิบคนคุกเข้าอยู่หน้าห้อง หม่ากงกงที่ยืนสงบอยู่ภายในหลั่งเหงื่อโทรมกาย แม้ตอนนี้จะเป็นฤดูหนาว หากแต่ไม่ว่าผู้ที่คุกเข่าอยู่ด้านนอก หรือผู้ที่ยืนอยู่ภายใน ยังคงรู้สึกร้อนระอุ ราวกับยืนอยู่หน้าเตาหลอมเหล็ก ที่พร้อมจะแผดเผาตนเองได้ตลอดเวลา “โบยคนละสามสิบไม้แล้วส่งไปใช้แรงงานที่สุสานหลวงสองปี” สั่งการเสร็จหรงชิ่งก็ก้มหน้าอ่านฎีกาตรงหน้าต่อราวกับไม่มีเรื่องราวใดเกิดขึ้น หม่ากงกงที่ยืนรอรับคำสั่งอยู่ข้างๆ ค่อยคลายใจลง อย่างน้อยฮ่องเต้ก็ไม่ได้สั่งประหารคนเหล่านี้ เมื่อออกมานอกห้องหม่ากงกงสั่งทหารนำตัวคนทั้งหมดออกไปโบย ขันทีและนางกำนัลเหล่านั้นทีแรกคิดว่าตนเองคงไม่รอดแล้ว พอฟังว่าเพียงโบยสามสิบไม้แม้หลังจากนั้นยังต้องไปใช้แรงงานอีก แต่ทุกผู้คนยังคงคุกเข่าขอบพระทัย ราวกับยินดีกับโทษทัณฑ์ครั้งนี้ *** “เจ้าบอกว่าเพียงฮ่องเต้ดื่มเข้าไปก็จะเสด็จมาหาเราไม่ใช่หรือ ทำไมยังไม่มีข่าวจากทางตำหนักเฉียนชิงส่งมาอีก?” หลินกุ้ยเฟยกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนตั่งหลัวฮั่น หลายเดือนแล้วที่ฮ่องเต้ไม่เสด็จค้างคืนกับเหล่าสนมชายา วันนี้นางจึงได้ใช้ตัวยาบางอย่างผสมลงไปในน้ำแกงที่ปรุงขึ้นเอง ส่งไปให้ฮ่องเต้ดื่ม “พระชายา เรื่องนี้เราก็ไม่ทราบแน่ชัด เป็นบิดาท่านบอกว่าหากชายหญิงกินยาเข้าไปคนละเม็ด จะรู้สึกโหยหากันและกันอย่างรุนแรง” เสนาบดีหลินส่งบุตรสาวเข้าวังมาสิบกว่าปี แต่จนป่านนี้นางยังไม่ตั้งครรภ์ โชคดีเพียงหนึ่งเดียวคือจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีสนมชายาคนใดให้กำเนิดพระโอรส ดังนั้นไม่ว่าผู้ใดก็ทำทุกวิถีทาง เพื่อให้ตนเองเป็นผู้คลอดองค์ชายออกมาก่อนผู้อื่นให้ได้ “ข้าว่าท่านพ่อคงถูกผู้คนหลอกลวงแล้ว ข้ากินยาเข้าไปไม่เห็นจะรู้สึกโหยหาอันใด” นางกินยาเข้าไปก่อนฮ่องเต้ตั้งแต่เช้า จนถึงตอนนี้ยังไม่รู้สึกอะไรแม้แต่น้อย ภายในห้องบรรทม ฮ่องเต้หรงชิ่งยืนให้นางกำนัลผู้หนึ่งถอดชุดคลุมมังกรออก สายตามังกรก้มมองลงไปเบื้องล่าง สตรีนางหนึ่งรูปร่างเต็มน้ำเต็มนวล นางไม่ผอมบางเหมือนผู้อื่นและไม่อ้วนฉุน่าเกลียด หากแต่หญิงสาวที่เติบโตเต็มสาวผู้นี้กลับอิ่มเอิบเต็มไปด้วยส่วนโค้งส่วนนูนที่ควรมี ยามนางยืนขึ้นเดินเหิน ความสูงไม่เป็นรองตนเองแม้แต่น้อย “วันนี้เจ้ารู้ความผิดตนเองหรือไม่?” “หม่อมฉันทราบ” ชิงเยียนสีหน้าเรียบเฉย วันนี้นางรู้ตัวว่าตนเองก่อความผิดพลาดใหญ่หลวง แต่นางไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวแม้แต่น้อย วันนี้เพราะนางตรวจสอบอาหารที่นำขึ้นโต๊ะเสวยผิดพลาด จึงทำให้ขันทีและนางกำนัลที่เกี่ยวข้องเกือบสามสิบถูกลงโทษอย่างหนัก แต่จะว่าเป็นความผิดของนางทั้งหมดก็ไม่ได้ เพราะสิ่งแปลกปลอมที่ผสมมากับน้ำแกงชามนั้นไม่ใช่ยาพิษ นางจึงดูไม่ออก “หึ! นับวันเจ้ายิ่งหละหลวม วันนี้อย่าคิดว่าข้าจะเมตตาเจ้าอีก ผู้อื่นถูกลงโทษไปแล้ว ตัวหัวหน้าสมควรถูกจัดการให้หนักเป็นสองเท่า!” หรงชิ่งมองดูสตรีที่คุกเข่าถอดสายคาดเอวอยู่ตรงหน้าก็ยิ่งทำให้รู้สึกเดือดดาลยิ่งขึ้น นางทำความผิดแท้ๆ กลับไม่มีทีท่าหวาดกลัวสำนึกผิดแม้แต่น้อย “ลุกขึ้นมา!” ฮ่องเต้คว้าแขนหัวหน้านางกำนัลให้ลุกขึ้นยืนตรงหน้า ความอิ่มเอิบเต่งตึงของนางทำให้หรงชิ่งทนอีกต่อไปไม่ไหว มือขวาข้างที่ว่างเปล่าอยู่ต้องยื่นออกมาบีบเค้นทรวงอกตรงหน้าอย่างแรง แม้จะขยำขยี้จนเนินเนื้อบิดไปมาผิดรูป ชิงเยียนก็ยังคงเพียงแค่ยืนนิ่งสีหน้าเรียบเฉย “ข้าอยากจะบิดหัวนมเล็กๆ ของเจ้าให้หลุดติดมือออกมาจริงๆ ดูซิว่าเจ้ายังจะนิ่งเฉยได้อีกหรือไม่” สาบเสื้อนางถูกฝ่ามือใหญ่สอดเข้ามา เนื่องจากนางไม่ได้ใส่เอี๊ยมบังทรงไว้ด้านใน ไม่ต้องควานหาให้ยากปทุมถันสีชมพูก็ตกอยู่ในนิ้วมืออีกฝ่าย “ฝ่าบาท หม่อมฉันเจ็บ” นางไม่กล้าดึงมืออีกฝ่ายออกจากทรวงอก ดังนั้นจึงทำได้เพียงใช้มือทั้งสองกำชายเสื้อตนเองไว้จนเกร็ง แต่ฝ่ายตรงข้ามยิ่งมายิ่งหนักมือ บดขยี้ได้เพียงไม่นานนางที่ยืนสีหน้าเรียบเฉยก็ต้องเอ่ยปากร้องขอความเมตตาแล้ว “รู้จักเจ็บปวดด้วยหรือ?” แม้ฮ่องเต้หรงชิ่งจะพูดประชดแดกดัน แต่นิ้วมือที่คีบจับปทุมถันของนางยังคงผ่อนแรงลง จากนั้นใช้มือทั้งสองข้าง กระชากสาบเสื้อนางออกจนหน้าอกคู่งามดีดผึ่งออกมา “อะไรกัน เพียงแค่นี้ก็ช้ำแล้วหรือ ทำไมเจ้าบอบบางเช่นนี้ชิงเยียน” หรงชิ่งยืนชมดูผลงานตนเองด้วยความพึงพอใจ สตรีตรงหน้ามีผิดขาวราวกับไข่ที่ต้มจนสุก เนินเนื้ออร่ามทั้งสองประดับด้วยอิงเถาเล็กๆ สีชมพูชูช่อ ยามนี้ปลายยอดหนึ่งข้างถูกนิ้วมือร้ายกาจบดขยี้จนออกสีคล้ำเลือดแล้ว “เจ็บหรือไม่?” ฮ่องเต้เอ่ยปากถามนาง นิ้วมือที่คีบจับปทุมถันอย่างดิบเถื่อนเมื่อครู่ เปลี่ยนเป็นลูบวนเล่นด้วยความนุ่มนวล ชิงเยียนไม่ตอบคำนางเพียงยืนนิ่งสีหน้าเรียบเฉยเช่นเคย ปล่อยให้คนตรงหน้าเล่นกับร่างกายตนเองต่อไปเรื่อยๆ นางรู้จักฮ่องเต้ผู้นี้ดี แม้จะอารมณ์ร้ายไปบ้าง แต่ก็ไม่เคยทำร้ายนางจริงๆ จังๆ เลยซักครั้ง *** บนเตียงมังกร ชิงเยียนถูกจับเปลื้องผ้า นางนอนระทวย อิงเถาข้างหนึ่งตกอยู่ในปากฮ่องเต้หรงชิ่ง ความจริงอายุเช่นนาง หากในฐานะนางกำนัลสมควรถูกส่งตัวออกจากวังนานแล้ว เพียงแต่นางเป็นคนเก่าคนแก่ที่ปรนนิบัติฮ่องเต้ตั้งแต่สมัยถูกหลี่ไทเฮากักขังไว้ในตำหนักตะวันออก นางจึงถูกฮ่องเต้รั้งไว้ให้อยู่รับใช้เรื่อยมา “ข้าชอบกลิ่นหอมบนตัวเจ้าจริงๆ ชิงเยียน เจ้าอายุไม่น้อยแล้วไฉนกลิ่นกายเจ้ายังไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อน” หรงชิ่งใช้ชิวหาตวัดรัดพันอิงเถาเล็กๆ ทีบอบช้ำนางไปด้วย จมูกก็ซุกไซ้ทรวงอกนาง หญิงผู้นี้มีกลิ่นกายหอมหวนมาตั้งแต่เกิด อายุสามสิบแล้วกลิ่นก็ไม่เปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย หลายเดือนมานี้ เพราะเตรียมจัดการชำระล้างอำนาจขุนนางบางคนในราชสำนัก หรงชิ่งจึงวางแผนบางอย่างเพื่อเก็บกวาดหูตาที่แฝงตัวเข้ามาอยู่ในวังหลังของเขาไปพร้อมกัน ดังนั้นที่ผ่านมาจึงไม่ได้พลิกป้ายค้างคืนกับสนมชายาคนใดเป็นเวลานาน แต่นั่นก็ไม่ใช้ปัญหาในการเสพสุขยามค่ำคืน เพราะว่าในห้องบรรทมแห่งนี้ยังมีนางกำนัลรุ่นใหญ่ผู้เป็นที่โปรดปรานคอยรองรับตัณหาที่มีมากล้นของเขาอยู่ “ชิงเยียน เจ้ามาอมให้ข้า” ฮ่องเต้หรงชิ่งผละออกจากทรวงอกนาง กายแกร่งยามนี้เคลื่อนตัวไปนอนพิงหัวเตียงรอให้หญิงสาวอิ่มเอิบตรงหน้ามาใช้ปากปรนนิบัติ ชิงเยียนความจริงนอนระทดระทวยแผ่หลา พอฟังว่าฮ่องเต้ต้องการให้ใช้ปาก นางก็ไม่กล้าชักช้า เพียงครู่เดียวนางก็พลิกตัวไปอยู่ที่ปลายเท้า ริมฝีปากจิ้มลิ้มบางๆ ของนางค่อยๆ อ้าออก อมเอาเจ้าสิ่งที่ทั้งใหญ่ทั้งยาวเข้าไปในปากรวดเดียวจนหมด “อืมมม เจ้าร้ายกาจจริงๆ ชิงเยียน” ฮ่องเต้หรงชิ่งใช้มือประคองศีรษะนางเบาๆ เพื่อเป็นการชักนำริมฝีปากบางให้ขึ้นสุดลงสุด นางมีความสามารถยอดเยี่ยมมาก มากเสียจนรับเอาแท่งเนื้อของเขาเข้าไปได้จนสุดลำคอ *** ตำหนักฮองเฮา “ฮองเฮาบรรทมเถอะเพคะ คืนนี้ฮ่องเต้คงไม่เสด็จมาแล้ว” จางฮองเฮาภายในห้องแต่งแต้มใบหน้าตนเองจนกลายเป็นขี้ริ้ว หลายปีก่อนเพราะนางสูญเสียลูกในท้อง ซ้ำในเวลาไม่นานครอบครัวก็ถูกประหารทั้งตระกูลด้วยข้อหาก่อกบฏ เหตุการณ์ทั้งสองทำให้นางสะเทือนใจมาก จนสุดท้ายนางกลายเป็นหญิงสติไม่ดี วันๆ เอาแต่พร่ำเพ้อว่าฮ่องเต้จะเสด็จมาหา ซ้ำยังแต่งหน้าทาปากราวกับนางเอกงิ้ว จากหญิงงามอันดับหนึ่งกลายเป็นขี้ริ้วขี้เหล่แทบหาสารรูปที่ดีไม่ได้แล้ว “คิก คิก พวกเจ้าออกไปให้หมด เดียวฮ่องเต้จะเสด็จมาแล้ว อย่ามาอยู่เกะกะลูกตาข้า” หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง จางฮองเฮานั่งมองคันฉ่อง นางแต่งแต้มใบหน้าด้วยแป้งขาวและชาดแดงจนมองไม่เห็นความงามแม้แต่น้อย นางกำนัลหลายคนทยอยเดินออกจากห้อง เมื่อพ้นเขตตำหนักมาแล้ว ทุกคนต่างซุบซิบนินทาเจ้านายที่สติไม่ดีเมื่อครู่ หากไม่ใช่เพราะต้องการอาศัยหญิงบ้านี่เพื่อหาโอกาสใกล้ชิดฮ่องเต้ พวกนางก็ไม่อยากปรนนิบัติรับใช้คนสติไม่ดีผู้นี้เลยซักนิด “จูเอ๋อ ข้าว่าพวกเราคงคิดผิดแล้วละที่คิดอาศัยหญิงบ้านั่นเพื่อให้มีโอกาสเป็นที่ต้องตาฮ่องเต้” “แล้วยังจะทำอะไรได้อีก เข้าวังมาสามปีแล้วยังไม่เคยพบหน้าฮ่องเต้ซักครั้ง หรือเจ้าไม่เสียดายเงินทองที่เสียไปเพื่อให้ได้ย้ายมาทำงานที่ตำหนักนี้” นางกำนัลหน้าตางดงามทั้งสองต่างถูกคัดเลือกเข้ามาพร้อมกันเมื่อสามปีก่อน ความจริงพวกนางวาดฝันไว้เลิศหรู หากแต่ความเป็นจริงแล้วนอกจากวันที่ผ่านการคัดเลือกที่ได้เห็นฮ่องเต้แว๊บเดียว หลังจากนั้นพวกนางเข้ามาอยู่ในวังหลังก็ไม่เคยได้พบฮ่องเต้อีกเลย ***
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม