“ยัยขิมเมาแล้วเหรอ?” เธอเอ่ยถามเพื่อนในกลุ่มที่มาดื่มด้วยกันเมื่อเห็นสภาพขิม ที่กำลังลุกขึ้นเต้นในสภาพเมามาย เธอไปห้องน้ำแค่แป๊บเดียว กลับมาเพื่อนสนิทก็มีสภาพอย่างที่เห็น ปกติถ้าขิมไม่เมาจะไม่ยอมเต้นง่ายๆ ขิมบอกว่าเมาแล้วอยากทำไรทำเลยเพราะไม่รู้สึกอาย
“อือ กำลังเมาได้ที่เลยตอนนี้ อะดูนาง ยั่วๆ บดๆ ใครก็ได้เอาโทรศัพท์มาถ่ายคลิปอีขิมตอนเมาไว้ดิ!” เสียงจันจิ หนึ่งในแก๊งเพื่อนเฌอปรางค์พูดเมื่อเห็นท่าเต้นยั่วสวาทของเพื่อนก็อดอยากถ่ายคลิปไว้ให้ดูตอนสร่างเมาไม่ได้
เธอหลุดยิ้มพร้อมนั่งมองขิมที่กำลังเต้นเลื่อยไปมาท่ามกลางเสียงเพลงสุดมัน โซนนี้ไม่มีใครสุดเท่าขิมเพื่อนเธอแล้ว ยอมรับว่าตอนขิมเมาคือสุดๆ แล้ว ได้เห็นในสิ่งที่คนๆ นี้ไม่เคยทำ ตอนไม่เมาขิมคือผู้หญิงเรียบร้อยราวผ้าพับไว้ แต่อย่าให้เหล้าเข้าปาก เหล้าเข้าปากเมื่อไหร่จะกลายเป็นคนละคนทันที
“พวกแก เดี๋ยวฉันมานะ ลืมโทรศัพท์ไว้ที่ห้องน้ำอะ” เธอหันไปบอกเพื่อน พอเห็นเพื่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิปวิดีโอขิมตอนเต้นก็เพิ่งนึกได้ว่าตัวเองหยิบโทรศัพท์ไปห้องน้ำด้วย เธอไม่รอให้เพื่อนพูดอะไรรีบลุกขึ้นแล้วตรงดิ่งไปยังห้องน้ำอย่างรวดเร็ว
เฌอปรางค์หาโทรศัพท์ตัวเองในห้องน้ำด้วยความกังวลเพราะหาไม่เจอสักที เธอไม่ได้ห่วงโทรศัพท์แต่ข้างในมันมีงานและเรื่องสำคัญมากมาย ถ้าเกิดหายไปเท่ากับงานเธอหายไปด้วย
“หายไปไหนนะ” เธอพูดพึมพำด้วยความร้อนใจ
“หาอะไรอยู่เหรอคะ?” ผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาถามเฌอปรางค์ที่กำลังหาโทรศัพท์ตัวเอง
“โทรศัพท์น่ะค่ะ พอดีเผลอวางไว้ในห้องน้ำแต่พอกลับมาหาอีกทีก็ไม่เจอแล้ว”
“ฉันเจอโทรศัพท์เครื่องนึงวางไว้ตรงอ่างล้างมือ ไม่รู้จะใช่ของคุณไหมลองไปถามตรงบาร์ดูนะคะ พอดีฝากเขาไว้”
“ขอบคุณนะคะ” เธอพูดกับผู้หญิงคนนั้นด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะรีบเดินจ้ำอ้าวออกจากห้องน้ำไปยังตรงบาร์เพื่อถามหาโทรศัพท์ตัวเอง “ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่ามีใครนำโทรศัพท์มาฝากไว้รึเปล่า?”
“มีครับ ของคุณเหรอ?”
“ใช่ค่ะ ของฉันเอง”
“ผมเอาให้เจ้านายผมเก็บไว้แล้วอะครับ พอดีที่นี่มีกฎว่าถ้าพบของมีค่าให้นำไปไว้ที่เจ้านาย อย่าเก็บไว้กับตัวเอง” กฎการทำงานที่นี่อาจจะฟังดูพิลึก แต่คนออกกฎให้เหตุผลว่า ถ้าหากมีคนนำของมีค่ามาฝากไว้กับพนักงานอาจถูกขโมยได้ เพราะฉะนั้นไม่ว่าเก็บอะไรได้หรือมีคนนำของมีค่ามาฝากไว้ให้กับเจ้าของ ให้นำไปให้เจ้านายเก็บไว้ ซึ่งเจ้านายก็คือพายุ คนสนิทลีคัส
“แล้วจะไปติดต่อขอคืนได้ที่ไหนคะ?”
“ชั้นสองครับ จะมีผู้ชายใส่เสื้อสูทสีดำเฝ้าอยู่ ให้บอกพวกเขาว่ามาติดต่อขอโทรศัพท์คืน เดี๋ยวพวกเขาจะพาคุณไปเอง”
“ขอบคุณนะคะ” เธอตวัดสองเท้าตรงไปยังบันไดเพื่อขึ้นไปชั้นสองของที่นี่ โดยชั้นสองจะเป็นมุมนั่งชิลธรรมดา เดาว่าคงเป็นของเหล่าแขกวีไอพี เธอมองหาชายใส่สูทสีดำที่พนักงานตรงบาร์บอก เมื่อเห็นแล้วจึงไม่รอช้าที่จะเดินเข้าไปหา “มาติดต่อขอโทรศัพท์คืนค่ะ”
“ตามมาทางนี้”
เธอเดินตามชายในชุดสูทไปเงียบๆ เขาพาเธอเดินขึ้นมาบันไดมาอีกหนึ่งชั้น โดยข้างบนเงียบสงัด มีเสียงเพลงจากข้างล่างคลอมาถึงนี่แต่ไม่ดังมากนัก แถมยังไม่วุ่นวายเหมือนข้างล่างอีกด้วย เขาคงไม่ได้ลวงเธอมาฆ่าใช่ไหม? เริ่มคิดไม่ตกแล้วสิ
“คุณพายุครับ ผู้หญิงคนนี้มาติดต่อขอโทรศัพท์คืนครับ”
ผู้ชายที่ชื่อพายุหยุดคุยกับชายชุดดำอีกคน สายตาเธอช่างดีเหลือเกินเพราะเหลือบไปเห็นว่าเขากำลังเก็บปืนลง วินาทีนั้นทำเอาหัวใจเธอตกฮวบ เริ่มกลัวพวกเขาเหล่านี้ขึ้นมาดื้อๆ รู้แบบนี้ชวนเพื่อนมาด้วยดีกว่า ถึงจะกลัวแต่ก็พยายามทำใจดีสู้เสือ
คนพวกนี้ไม่ใช่คนดีอย่างแน่นอน เธอพูดคนเดียวในใจ พอผู้ชายที่ชื่อพายุกระแอมเธอก็หลุดจากภวังค์เงยหน้ามองเขาแล้วแกล้งยิ้มเพื่อกลบเกลื่อนความกลัว
“ตามมา”
“ให้ฉันรอตรงนี้ไม่ได้เหรอคะ?” เธอพูด เพิ่งเดินตามคนนึงมาก็ต้องมาเดินตามอีกคนไปอีก ไม่รู้ว่าคนๆ นี้จะทำอะไรเธอหรือเปล่าเพราะเมื่อกี้เห็นเก็บปืนไปด้วย
“เจ้านายของผมต้องการคุยกับคุณ”
“เจ้านายของคุณ? ใครเหรอคะ?”
“คุณลีคัส…”
คุณลีคัสอย่างนั้นเหรอ? อย่าบอกนะว่าเขาเป็นเจ้านายของคนพวกนี้ทั้งหมดเลย แถมเมื่อกี้เธอยังเห็นผู้ชายที่ชื่อพายุเพิ่งเก็บปืนลงไปด้วย งั้นแสดงว่า…ไม่ๆ อย่าเพิ่งคิดไปเองยัยเฌอปรางค์ เขาคงไม่ใช่คนไม่ดีหรอกอย่าเพิ่งคิดเองเออเองแบบนั้น เธอไล่ความคิดไม่ดีที่มีต่อลีคัสไปจากหัว ถ้าลีคัสคือเจ้านายคนพวกนี้ แสดงว่าที่นี่ลีคัสก็คือเจ้าของอย่างนั้นสิ คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะมีธุรกิจแบบนี้ด้วย ตอนแรกคิดว่าเขาเป็นเพียงแค่นักธุรกิจธรรมดาทั่วไปซะอีก
“ใช่ นายต้องการคุยกับคุณเรื่องงานที่จะสัมภาษณ์ในวันจันทร์นี้ เหตุผลแค่นี้พอที่จะทำให้คุณยอมไปกับผมได้รึยัง?”
“….” เธอลังเลเล็กน้อย ต่อให้ลีคัสจะเป็นคนสำคัญและพระเอกของงานเธอในวันจันทร์นี้ แต่เธอก็ไม่กล้าไปคุยกับเขาแค่สองคนในที่อโคจรแบบนี้หรอก เธอรู้จักลีคัสในนามนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง แต่ไม่เคยรู้จักนิสัยใจคอเขามาก่อน
ผิดไหมถ้าเธอจะระวังจากเขาเอาไว้ก่อน…
ถ้าเธอไม่ยอมไปหาเขาแล้วเกิดเขายกเลิกนัดสัมภาษณ์ไปเท่ากับเธอเสียงานใหญ่ไปเลย เพราะบก.บอกว่ามันเป็นเรื่องยากที่ลีคัสจะยอมตกลงให้สัมภาษณ์แบบนี้
“นายของผมไม่ชอบรออะไรนานๆ ถ้าคุณไม่…”
“กลัวเหรอ”
เสียงเข้มคุ้นเคยที่เธอเพิ่งได้ยินไปไม่นานมานี้ดังเข้าโสตประสาท สายตามองตามเสียงก็เห็นลีคัสเดินออกมาจากมุมหนึ่งกำลังเดินตรงมาทางนี้ด้วยรอยยิ้มที่ยากคาดเดาว่าคิดอะไร
เขาดูลึกลับและคาดเดาอะไรได้ยาก เธอไม่รู้เลยว่าแววตาและรอยยิ้มที่เขาแสดงออกมาต้องการสื่อถึงอะไรกันแน่…
“ขอโทษที่เสียมารยาทนะคะ ฉันแค่มองว่ามันเป็นนอกเวลางาน คงไม่ดีเท่าไรถ้า…”
“ฉันเข้าใจ” เขาพูดแทรกเฌอปรางค์ “จะว่าอะไรไหมถ้าผมอยากนั่งดื่มกับคุณสักครึ่งชั่วโมง”
“ฉัน…”
“ถ้าคุณกังวล พวกเราสองคนสามารถนั่งดื่มกันข้างล่างกับคนอื่น”
“….”
“ผมยอมให้คุณเลือก…เพราะผมอยากดื่มกับคุณจริงๆ” ริมฝีปากหยักคลี่ยิ้มหลังจากพูดจบ เฌอปรางค์คิดหนัก ใจอยากปฏิเสธลีลัสแต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะวันจันทร์นี้ต้องสัมภาษณ์เขา เธอยืนคิดหนักสักพัก สุดท้ายก็ต้องยอมตกลงไปอย่างไม่มีทางเลือก
“ก็ได้ค่ะ แค่ครึ่งชั่วโมงนะคะ”
“นี่โทรศัพท์ของคุณ”
“ขอบคุณค่ะ” เธอเอื้อมมือไปหมายจะหยิบ แต่ลีคัสกลับชักมือข้างที่ถือโทรศัพท์กลับไป เธอมองเขาพร้อมขมวดคิ้วขึ้นด้วยความมึนงง
“หึ แค่แกล้งเล่นนิดหน่อยเองครับ” ลีคัสยิ้ม ก่อนจะจับมือเฌอปรางค์มาแล้ววางโทรศัพท์ลงให้ ฝ่ามือที่เย็นเฉียบจากลีคัสทำให้หญิงสาวใจสั่นไม่น้อย
เธอยิ้มแห้งให้เขา แค่ลีคัสสัมผัสเท่านั้นก็ทำให้หัวใจเธอเต้นแรงได้มากขนาดนี้เชียวเหรอ ไม่แปลกใจเลยทำไมเขาถึงมีข่าวกับผู้หญิงบ่อยๆ เพราะเขามีเสน่ห์ไว้ดึงดูดเพศตรงข้ามแถมสัมผัสเล็กๆ น้อยๆ ของเขาก็ทำให้หัวใจผู้หญิงเต้นแรงและหวั่นไหวได้ง่ายขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลยทำไมถึงมีผู้หญิงชอบลีคัสมากมายขนาดนี้