บทที่7.ผู้หญิงเห็นแก่เงิน

1516 คำ
ราเฟย์ก่นด่าพยาบาลสาวชาวเอเชียคนนั้นในใจ เขาเข้ามารายงานสถานการณ์บ้านเมืองกับเสด็จพ่อ และบังเอิญผ่านมาได้ยินเสียงคนทั้งสามคุยกัน เขาไม่รู้ว่าคาร์ดัลซึ่งเป็นที่ปรึกษาของคณะรัฐมนตรีและเป็นพระสหายของบิดาเขานั่นคิดสิ่งใดอยู่ สายรายงานว่า คาร์ดัลแอบสะสมผู้คนพร้อมอาวุธจำนวนหนึ่งมาได้ระยะหนึ่งแล้ว เขาพยายามจับผิดแต่ยังขาดหลักฐานที่หนาแน่น โดยเฉพาะที่คาร์ดัลกลับเมืองไทยและหมอยามาทซึ่งเป็นหลานแท้ๆ ของคาร์ดัลคัดค้านการผ่าตัดรักษาพระอาการเจ็บป่วยของเสด็จพ่อ เขาได้แต่นึกถึงคำเตือนของเสด็จอานาวาทที่ให้ระวังคนอย่างคาร์ดัล สถานการณ์บ้านเมืองเช่นนี้เขาไว้ใจใครไม่ได้เลย! แล้วจู่ๆ ใบหน้าคมเข้มก็กระตุกยิ้มที่มุมปาก เป็นรอยยิ้มเยือกเย็นและน่ากลัวมากกว่าจะเป็นรอยยิ้ม! “เที่ยวเหรอ! คิดเหรอว่าเธอจะได้ใช้เงินสกปรกนั่น อารยา!” อารยาตื่นแต่เช้าด้วยอาการร่าเริง เธออยู่แต่ในวังสวมชุดพยาบาลจนไม่รู้ว่าจะออกไปข้างนอกด้วยชุดไหน เธออยากลองใส่ชุดประจำชาติของบาฮาเนียบ้าง แต่ก็นั้นแหละ ใส่ไม่เป็นแล้วมันจะกลายเป็นตัวตลกเปล่าๆ เธอคว้าเสื้อคอจีนสีขาวที่เคยชอบใส่ตอนอยู่เมืองไทยกับกระโปรงผ้าฝ้ายสีม่วงอ่อนหวานยาวคลุมเข่า ดูเรียบร้อยที่สุด ผมยาวสลวยถูกหวีจนเรียบตรง เธอขมวดเป็นมวยเล็กๆ ตรงกลางศีรษะ ใช้ปิ่นไม้ที่นำมาด้วยปักไว้แล้วปล่อยปอยผมที่เหลือลงเคลียไหล่ ใบหน้าเนียนทาแป้งเด็กบางๆ และลิปมันเคลือบริมฝีปากแดงระเรื่อ “สวยเหมือนกันนะเรานี่” หญิงสามชมตัวเองในกระจก จริงๆ แล้วเธอไม่ค่อยสนใจใส่ใจเรื่องการแต่งตัวนัก แต่เน้นเรื่องอาหารการกินมากกว่า ‘กินผักผลไม้ดีกว่าโปะครีมบำรุงผิวแพงๆ เป็นไหนๆ’ เธอคิดอย่างนั้นเสมอ อารยาดูนาฬิกาเห็นว่าได้เวลานัดหมายแล้วจึงเดินไปลงไปรอที่บันไดหน้าพระราชวัง หญิงสาวไม่รู้ตัวเลยว่าร่างบอบบางสมสวนนั่นดึงดูดสายตาผู้คนได้มากแค่ไหน เธอยิ้มทักทายหลายคนที่คุ้นหน้าโดยไม่เข้าใจเสียงกระซิบกระซาบเป็นภาษาบาฮาเนียนั่นเลย “นี่นะเหรอคนโปรดคนใหม่ของกษัตริย์ฮัสซัน” “หน้าตาก็งั้นๆ ไม่เห็นมีอะไรดี” “สงสัยจะใช้ความสามารถทางเรือนร่าง” นางกำนัลเหล่านั้นหัวเราะกันคิกคัก ยิ่งเห็นสีหน้าฉงนที่รู้ว่าคนที่ถูกนิทาฟังไม่เข้าใจก็ยิ่งหัวเราะกันมากขึ้น อารยายิ้มจริงใจแม้จะไม่รู้ว่าถูกนินทา เธอเดินลงมารอที่จุดนัดหมายแต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววคนที่จะมารับ สายตาของเธอมองเลยไปที่สวนดอกไม้ไม่ไกลนัก อดไม่ได้ที่จะเดินไปตามกลิ่นหอมของดอกกุหลาบสีขาวบริสุทธิ์ที่บานสะพรั่งไม่ไกลนัก นิ้วเรียวไล่กลีบดอกบอบบางอย่างทะนุถนอมและชื่นชมด้วยสายตา แต่จู่ๆ หลังมือของเธอก็ถูกตีแรงๆ โดยมือใหญ่จนเธอตกใจรีบชักมือกลับและเงยหน้าขึ้นมองคนที่มาตีมือเธอ “ไม่มีใครกล้าเด็ดดอกไม้ในสวนของเสด็จแม่ของเรา” “ดิฉันไม่ได้จะเด็ดดอกไม้” อารยาเชิดหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัวว่านั่นคือการท้าทายอีกฝ่าย “ถ้าเรามาเจอช้าไปดอกไม้อาจหลุดติดมือเจ้าไปแล้ว”ดวงตาสีฟ้าเข้มจ้องเธอเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ “ดิฉันไม่มีความคิดที่จะเด็ดดอกไม้ ดอกไม้ทุกดอกต้นไม้ทุกต้นย่อมงดงามเมื่อรากของมันหยั่งพื้นดิน” หญิงสาวรู้ว่าเขาเป็นถึงองค์รัชทายาท แต่เพราะมารยาททรามๆ ที่กระทำกับเธอในห้องหนังสือทำให้เธอไม่คิดจะพูดจาโดยใช้ราชาศัพท์กับคนผู้นี้ และแน่นอนว่ามันกระตุ้นต่อมโมโหของอีกฝ่าย “เจ้าคงคิดว่าเป็นคนโปรดของเสด็จพ่อจึงอยากทำอะไรก็ได้งั้นซิ” มือใหญ่กระชากแขนเล็กของหญิงสาวอย่างแรงจนร่างบางเซถลาเข้ามาปะทะแผงอกของเขา “ท่าน!” อารยาแทบจะกรีดร้องออกมา แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นริมฝีปากบางกลับถูกอีกฝ่ายบดขยี้ลงมาอย่างจาบจวง ดวงตาของหญิงสาวเบิกกว้างอย่างตกใจ แต่อีกฝ่ายกลับใช้ดวงตาฟ้าเข้มที่เปล่งประกายเจิดจ้าจ้องมองกลับ มือเล็กพยายามจะผลักอกอีกฝ่าย เธอกำมือแน่นและทุบรัวลงไปบนอกกว้าง แต่ราวกับว่ากำลังทุบไปบนแผ่นหินแกร่ง มือของเขากลับเลื่อนมาจับท้ายทอยของเธอไว้มั่นและอีกข้างโอบรัดร่างของเธอเข้ามาแนบชิด จนมือของเธอไม่สามารถทำร้ายเขาได้! แววตาของเขาบ่งบอกการดูแคลนอย่างสุดแสนจะบรรยาย! ต่างจากริมฝีปากเขาที่กลืนกินเธออย่างหิวกระหาย อารยาได้สติก็กัดแรงๆ ที่ริมฝีปากของคนตัวใหญ่ เขาผลักเธอออกยกมือขึ้นแตะริมฝีปากตัวเองรู้สึกเค็มคาวในปาก อารยาดึงปิ่นปักผมของตนออก แล้วกำมันไว้แน่นราวกับจะใช้มันเป็นอาวุธป้องกันตัว ผมยาวสยายคลี่คลุมราวกับม่านไหมสีนิล “ท่าน!” แววตาตื่นตระหนกเมื่อครู่กลายเป็นแข็งกร้าวขึ้นมาทันที เธอไม่รู้จะหาคำพูดใดมาต่อว่าเขาที่กระทำราวกับเธอเป็นผู้หญิงข้างถนน! ใบหน้าคมเข้มดูเหี้ยมขึ้นเมื่อกระตุกยิ้มที่มุมปาก เรียวลิ้นเลียแผลที่ริมฝีปากก่อนที่จะมองอาวุธในมือเรียวเล็กแล้วก็หัวเราะ “เราไม่รู้ว่าเจ้าชอบความรุนแรง” “ท่านนี่มันจิตใจสกปรก ช่างต่างจากจากพระบิดาของท่านเสียจริง!” “เจ้า!” คราวนี้เป็นฝ่ายราเฟย์ที่พูดไม่ออก เขาไม่คิดว่าเธอจะกล้าเอาเขาไปเปรียบกับเสด็จพ่อ! เขาเอื้อมมือจะคว้าตัวหญิงสาวไว้ แต่เธอถอยหลังหนี เพราะความรีบร้อนจึงสะดุดขาตัวเองหงายหลังล้มลงบนพื้นหญ้า โดยมีร่างสูงใหญ่ทาบทับตามลงมา โชคดีที่เขาใช้มือยันพื้นไว้ก่อนไม่เช่นนั้น คนที่อยู่ด้านล่างอาจจะกระดูกหักเพราะโดนเขาทับก็เป็นได้ “ท่านราเฟย์ท่าน อุ๊ย!” องครักษ์หนุ่มที่เดินตามหาเจ้านายอยู่ต้องสะดุดกึกเมื่อเห็นภาพชวนวาบหวิว เอ่อ..น่ามันกลางวันแสกๆ เอ๊ย! ไม่ใช่เพิ่งจะสิบโมงเช้าเท่านั้น แถมยังเป็นที่โล่งแจ้ง ท่านราเฟย์ก็น่าจะหักห้ามพระทัยบ้าง คานันบ่นอุบอยู่ในใจแล้วหันหลังให้ ราเฟย์นึกอยากต่อยหน้าองค์รักษ์ของตัวเองเสียจริง! เขาลุกขึ้นยืนโดยไม่ช่วยพยุงหญิงสาวขึ้น อารยาปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้าอย่างรีบร้อน “กระหม่อมเพียงแต่ต้องการมาแจ้งให้ทราบว่าเตรียมรถไว้พร้อมแล้ว” แววตาทะเล้นขององครักษ์หนุ่มทำให้ราเฟย์คล้ายอารมณ์ร้ายลงบ้าง ในสายตานั่นคล้ายมีคำพูดว่า ‘ขออภัยที่กระหม่อมมาขัดจังหวะพระเจ้าข้า’ “ดี! รู้สึกว่าคุณอารยาก็พร้อมแล้วนี่” “เอ๊ะ! เกี่ยวอะไรกับฉัน เอ่อ...หม่อมฉันเพคะ” อารยาหงุดหงิดใจไม่รู้ว่าองค์รัชทายาทหื่นกามพระองค์นี้คิดอะไรกันแน่ “ทำไม? ก็เราอยากพาเจ้าไปเที่ยวชมเมือง เป็นการตอบแทนที่ดูแลเสด็จพ่อเราจนดีวันดีคืนไงละ” “ไม่เป็นไรเพคะ หม่อมฉันมีคนที่จะพาไปแล้ว ป่านนี้เค้าคงมารอหม่อมฉันแล้ว” “หมายถึงคนของคาร์ดัลใช่มั๊ย” เขากระตุกยิ้มที่มุมปากรู้สึกเจ็บจนต้องยกมือขึ้นแตะริมฝีปากตนเอง “ถ้าเจ้ากังวลใจที่จะไปกับเรา ก็นำคนของเจ้าไปด้วยเถิด แต่อย่าคิดว่าเจ้าจะได้ไปเที่ยวอย่างสนุกสนานเพียงลำพัง!” ‘สนุกสนานเพียงลำพัง!’ นี่เขารู้ได้ไงว่าเธอจะไปไหน! เขารู้ได้ยังไงว่าการที่มีเขาอยู่คือการทำลายความสุขของเธอ! อารยาพยายามสงบสติอารมณ์ของตนเอง เมื่อก่อนตอนที่ทำงานในโรงพยาบาล เธอต้องเจอคนไข้อารมณ์ร้ายแค่ไหน เอาแต่ใจตัวเองเพียงใด เธอก็ยัง ‘เข้าใจ’และ ‘ให้อภัย’ ได้เสมอมา เพราะพวกเขาคือคนป่วย แต่นี่ท่าทางจะป่วยทางจิตแน่! ถึงได้หาเรื่องแกล้งเธอแบบนี้ “พระองค์อุตส่าห์ลดตัวลงมา หม่อมฉันคงไม่กล้าขัดพระทัย!” หญิงสาวกัดฟันตอบ ยิ่งเห็นรอยยิ้มที่เอาชนะเธอได้เธอยิ่งโมโห ราเฟย์ส่งสัญญาณให้องครักษ์รู้ คานันเผยมือเชิญให้หญิงสาวเดินตามไปที่รถที่จอดรออยู่ โดยมีร่างสูงใหญ่เดินตาม ดวงตาสีฟ้าเข้มมองปิ่นปักผมในมือของหญิงสาวแล้วอดยิ้มไม่ได้ สงครามเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น!.
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม