ตบฉันให้ตายคามือไปเลย

1850 คำ
อาหารมากมายส่งกลิ่นหอมทำให้เด็กชายกลืนน้ำลายลงไปหลายอึก เขาเม้มปากพลางมองผู้เป็นพ่อที่ส่งยิ้มจืดเจื่อนมาให้ เขายังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจเหตุผลว่าเพราะอะไรถึงไม่สามารถคีบอาหารที่อยู่ตรงหน้าเข้าปากได้ แต่เมื่อตงเหมาบอกว่าให้รอซูเม่ยกลับมาก่อนเด็กชายก็รีบนั่งหลังตรง สายตาซื่อใสมองไปยังประตูบ้านที่เปิดค้างไว้รอต้อนรับผู้เป็นแม่กลับมา เวลาผ่านไปสี่สิบนาที ตงเหมามองลูกชายที่นั่งหน้าแห้ง ใบหน้านั้นดูอ่อนระโหยเพราะความหิว ผู้เป็นพ่อทนรอไม่ไหวอีกต่อไป เขารีบตักข้าวและคีบอาหารใส่ชามตงหมิงทันที เด็กน้อยตาเป็นกายเมื่อได้เวลาที่เขานั้นจะได้กินเสียที ตงเหมารู้สึกผิดที่ขอให้ลูกชายรอซูเม่ยกลับมา ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายไม่เคยกลับบ้านตรงเวลาเลยสักวัน “อร่อยมากครับพ่อ ผมขอกินสามชั้นตุ๋นเต้าเจี้ยวได้ไหมครับ” น้ำเสียงเล็กเอ่ยขอสิ่งที่อยู่ในจานใบใหญ่ ผู้เป็นพ่อไม่รอช้าแทบจะกวาดอาหารใส่ชามลูกชายโดยทันที ตงเหมาคีบบะหมี่เข้าปากพร้อมกับตักอาหารให้ตงหมิงไปด้วย สุดท้ายแล้วอาหารมื้อนี้ก็มีเพียงสองพ่อลูกอีกเช่นเคย “พรุ่งนี้อยากกินอะไรไหมอาหมิง” หลังมื้ออาหารผ่านพ้นไป สองพ่อลูกช่วยกันทำความสะอาดเก็บกวาดโต๊ะอาหาร ช่วงนี้ตงเหมารับจ้างซ่อมเครื่องใช้ฟ้าตามบ้านช่วงหลังเลิกงาน ทำให้เขามีรายได้มากขึ้นกว่าแต่ก่อน แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของซูเม่ย นั่นไม่สำคัญเท่าปากท้องของลูกชาย เขาเก็บเงินไว้ในพื้นที่ลับภายในบ้านเพื่อป้องกันไม่ให้ภรรยาขโมยไปได้เหมือนที่ผ่านมา “ผมอยากกินปีกไก่เหล้าแดง” เด็กชายเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มที่กระจายไปถึงดวงตา เขามีความสุขทุกครั้งเมื่อนึกถึงของกิน แต่เพราะเมื่อก่อนผู้เป็นพ่อนั้นไม่ค่อยมีเงินทำให้ต้องประหยัดอยู่เสมอ อาหารในแต่ละวันมีเพียงผัดผักน้ำมันหอยกับเต้าเจี้ยว ส่วนเนื้อสัตว์ก็ซื้อได้เพียงแค่ปลาตัวเล็กๆ ก็เท่านั้น เด็กชายไม่ชอบกลิ่นคาวของปลา เขาจึงได้แต่กินผักสลับสับเปลี่ยนกันไป “ได้เลย เช่นนั้นลูกต้องรีบเข้านอนแล้ว พรุ่งนี้จะได้ตื่นมากินปีกไก่เหล้าแดง” โดยปกติเขามักจะอิดออดยามเข้านอนเสมอ แต่คราวนี้ตงหมิงนั้นกลับกระตือรือร้นที่จะเข้านอนตั้งแต่สองทุ่ม ตงเหมาห่มผ้าให้ลูกชายที่พยายามข่มตาหลับ เขาลูบศีรษะตงหมิงอย่างอ่อนโยน “พ่อจะไปรอแม่ ลูกนอนนะ” เด็กชายตัวน้อยพยักหน้าอย่างแข็งขัน ตงเหมาสบายใจที่วันนี้ลูกชายไม่ดื้อรั้นให้เขาต้องรู้สึกปวดหัว ชายหนุ่มเดินออกมาจากห้องและนั่งลงที่เก้าอี้ สายตานั้นทอดมองออกไปนอกประตูบ้าน รอคอยภรรยากลับมาเพราะหากปล่อยให้ซูเม่ยเข้าบ้านเป็นคนสุดท้าย สิ่งที่อยู่ในบ้านคงจะไม่เหลือ เพราะทุกครั้งที่กลับมาหญิงสาวไม่แม้แต่จะปิดประตูให้แน่นสนิท รองเท้ากระจัดกระจัดกระจายอยู่หน้าบ้าน ในบางครั้งยังมีคราบความสกปรกที่ส่งกลิ่นเหม็นติดอยู่ตามพื้น ตงเหมาวางท้ายทอยลงบนพนักเก้าอี้เขาถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า ทุกวันนี้ต้องทำงานหนักทั้งยังต้องคอยดูแลลูกชายวัยกำลังซุกซน ไหนจะภรรยาที่คอยสร้างปัญหาไม่เว้นแต่ละวัน คนรอบตัวเขาต่างยุยงให้ทอดทิ้งซูเม่ยไปเสีย แต่เขาทำเช่นนั้นไม่ได้เพราะนอกจากหัวใจของเขาจะรักมั่นเพียงเธอแล้ว ตงหมิงเองก็รักแม่ของเขาเช่นกัน แม้จะถูกทุบตีแต่ก็ไม่ได้ทำให้ความรักที่เด็กชายมีต่อผู้เป็นแม่น้อยลง ตงเหมาสะเทือนจเมื่อนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านๆ มา ซูเม่ยไม่เคยนึกถึงความรู้สึกใครนอกจากตัวเอง ผู้หญิงคนนี้ช่างร้ายกาจนักแต่เหตุใดเข้าถึงยังรักเธอไม่เคยเปลี่ยนแปลง เสียงรถยนต์แล่นมาจอดเทียบหน้าบ้านหลังกะทัดรัด ซูเม่ยก้าวลงจากรถเธอสวมเครื่องแต่งกายที่ค่อนข้างเปิดเผยเนื้อหนัง ตงหมิงมองออกไป สายตาเขาคล้ายกับมีเปลวเพลิงลุกโชนก่อนที่มันจะดับลงไปเหลือเพียงความเฉยชา หัวใจของเขาคล้ายถูกบีบรัดเมื่อเห็นภรรยาโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ชายคนนั้น ทั้งสองมองตากันด้วยสายตาหวานหยาดเยิ้มก่อนที่ซูเม่ยจะโบกมือลาอีกฝ่ายด้วยท่าทางเขินอาย “ตกใจหมด พี่มานั่งทำอะไรตรงนี้!” เธอตวาดใส่สามีเมื่อรู้ว่าเขาว่าแอบมองเธอกับซุนเหอ หญิงสาวสะบัดรองเท้าออกก่อนจะวางถุงมากมายลงบนโต๊ะ ตงเหมามองสิ่งที่อยู่ในนั้นล้วนเป็นเสื้อผ้าและเครื่องประดับจากห้างสรรพสินค้าใหญ่ใจกลางเมืองนี่น่ะหรือ สิ่งที่ภรรยาของเขาต้องการ ชายหนุ่มไม่เข้าใจว่าเธอคิดสิ่งใดอยู่ถึงได้เลือกที่จะละเลยลูกชายและสามีไปคว้าชายอื่นมาควงเย้ยสายตาผู้คน แม้จะถูกติฉินนินทาก็ไม่สนใจ ยังคงตีมึนทำตามใจตัวเองโดยไม่นึกถึงผลกระทบที่จะตามมา “อาเม่ย รู้บ้างหรือไม่ว่าลูกโดนเพื่อนร่วมห้องล้อเลียนเรื่องเธอ” หญิงสาวไหวไหล่ เธอหาได้สนใจ สายตาจับจ้องเพียงแค่สิ่งที่อยู่ตรงหน้า ส่วนหูนั้นก็ฟังตงเหมาพูดผ่านๆ ชายหนุ่มต้องการพูดคุยกับหญิงสาวในฐานะที่เธอนั้นเป็นแม่ของตงหมิง ตงเหมารวบถุงทั้งหมดก่อนจะโยนเข้าไปในห้องเก็บของ ซูเม่ยลุกพรวดขึ้น เธอตรงเข้าไปทุบตีสามีและพยายามที่จะเข้าไปในห้องเพื่อเอาของคืนมา แต่กลับถูกตงหมิงรั้งข้อมือเอาไว้ “ปล่อยฉัน ไอ้เฮงซวย!” คำด่าสารพัดถูกพ่นออกมาจากริมฝีปากสวย ตงเหมาควรจะชินชาเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาโดนด่าหยาบคายเช่นนี้ แต่เพราะเหตุใดหัวใจเขายังคล้ายมีเข็มนับพันทิ่มแทงอยู่ “เหตุใดถึงไม่คิดถึงจิตใจอาหมิงบ้าง” ตงเหมาไม่เข้าใจ ซูเม่ยไม่เคยอุ้มชูหรือกอดเด็กชายด้วยความรักเลยสักครั้ง นับตั้งแต่เขาเกิดมาก็ถูกผลักไสโดยทันที “อาหมิงก็สบายดี ฉันไม่เห็นว่าเขาจะดูทุกข์ใจอะไร พี่อย่ามากดดันฉันหน่อยเลย!” หญิงสาวไม่สบอารมณ์ ทั้งที่วันนี้เธอตั้งใจว่าจะพูดดีด้วยแล้วแท้ๆ แต่ตงเหมากลับมาแตะต้องข้าวของของเธอและยังพูดพล่ามเรื่องไร้สาระอยู่ได้ น่ารำคาญเสียจริง! “ฉันเป็นสามีเธอ แต่เธอยังไปยั่วยวนชายอื่น เธอคิดบ้างไหมว่าที่ทำอยู่มันไม่ถูกต้อง ภรรยาที่ดี…” “พอสักที!” หญิงสาวตวาดขึ้น เสียงนั้นดังพอที่จะทำให้ตงเหมากังวลใจเพราะกลัวว่าตงหมิงจะสะดุ้งตื่นขึ้นมา เขาปิดปากหญิงสาวก่อนจะลากเธอออกมานอกบ้าน ร่องรอยขีดข่วนเต็มแขนตงเหมา บางรอยนั้นมีเลือดซึมออกมา “พี่จะทำอะไร!” “ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอกอาเม่ย ฉันแค่อยากคุยกับเธอ” หญิงสาวแค่นเสียง อยากคุยงั้นเหรอ ใครๆ ก็อยากคุยกับเธอทั้งนั้น แล้วตงเหมาคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงได้กล้าทำลายช่วงเวลาสำคัญของเธอ หญิงสาวไม่สนใจเธอไม่ต้องการคุยกับสามีและพยายามที่จะเดินเลี่ยงเข้าไปในบ้าน “เธอไม่ควรพาชู้ของเธอมาที่นี่!” ในที่สุดตงเหมาก็ตัดสินใจเอ่ยขึ้น เขารู้ว่าอย่างไรเสียก็คงห้ามความสัมพันธ์ทั้งสองไม่ได้ แต่สิ่งที่เขาอยากร้องขอเพราะไม่ต้องการให้ลูกชายต้องเห็นภาพแม่ของเขาที่นัวเนียคลอเคลียชายอื่นโดยไม่สนใจสายตาใคร ตงหมิงกำลังเติบโต เขากลัวว่าลูกชายจะซึมซับสิ่งไม่ดีจากผู้เป็นแม่ ซูเม่ยตอนนี้ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี เขาได้ยินจากจิงโหยวถ้าภรรยานั้นเข้าไปขโมยของในร้านอีกฝ่าย ชายหนุ่มรู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก เขาพยายามที่จะชดใช้เงินให้อีกฝ่าย แต่โชคดีที่จิงโหยวนั้นไม่ได้คิดเล็กคิดน้อย เธอยื่นเงินส่งคืนแก่เขาและขอให้เขานั้นนำเงินนี้ไปซื้ออาหารดีๆ ให้ตงหมิงกิน ชายหนุ่มซึ้งใจทั้งละอายใจ ไม่คิดว่าซูเม่ยจะกล้าทำเรื่องเช่นนี้ “เรื่องของฉัน” ใบหน้าสวยเชิดขึ้น ตงเหมาโกรธจนหน้าแดงที่ถูกท้าทาย แต่เขายังพอระงับอารมณ์ได้อยู่บ้าง “หากเธอไม่หยุดทำเช่นนี้ ก็ออกจากบ้านนี้ไปซะ!” ตงเหมายื่นคำขาดแต่ซูเม่ยไม่เกรงกลัว เธอเพียงแค่มีสีหน้าไม่พอใจและตรงเข้าไปทุบตีสามี เธอด่าทอเขาลามไปถึงพ่อแม่ของเขา ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ชายหนุ่มทนไม่ไหว เขาง้างฝ่ามือหมายจะเรียกคืนสติของหญิงสาว แต่ไม่คิดว่าซูเม่ยจะยื่นใบหน้าเข้ามา ดวงตาเธอแดงก่ำยามที่จ้องหน้าเขา “ตบฉันให้ตายคามือไปเลย!” หญิงสาวท้าทายแม้สุดท้ายแล้วตงเหมาจะไม่ทำแต่เธอก็ยังคงยั่วโมโหเขา ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึกพยายามสงบสติอารมณ์ก่อนหันไปเผชิญหน้ากับภรรยา “อาเม่ย ฉันขอร้อง อย่าทำอะไรไม่ดีต่อหน้าลูกได้ไหม” น้ำเสียงชายหนุ่มอ่อนลง แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งความบ้าคลั่งของหญิงสาวได้ เธอส่ายหน้าก่อนจะเอ่ยขึ้น “เพราะพี่ไม่มีปัญญาเลี้ยงดูฉันให้สุขสบาย ฉะนั้นอย่าได้บังอาจมาขอร้องในเรื่องที่ฉันไม่คิดจะทำ!” ตงเหมาเห็นพ่อแม่ของเขาดีกว่าเธอเสมอ ในวันที่เหลือเงินจำกัดเขากลับขอร้องให้เธอนั้นอดเพื่อนำเงินไปจุนเจือครอบครัวเดิม นานวันเข้าความอดทนเธอก็ขาดสะบั้นลง ซูเม่ยบุกไปที่บ้านของพ่อแม่สามี ด่าทอผู้อาวุโสอย่างหยาบคายจนชาวบ้านละแวกนั้นต่างพากันนำข้าวของมาขว้างปาใส่เธอ หญิงสาวยังจำได้ขึ้นใจ วันที่เธอลำบากแม้แต่สามียังหันหลังให้ แล้วยามนี้จะมาเรียกร้องให้เธอเห็นแก่เขางั้นเหรอ ไม่มีทางเสียหรอก ตงเหมาจะต้องได้รับความเจ็บปวดเท่าที่เธอเคยเผชิญ ซูเม่ยมั่นใจในรูปร่างหน้าตา เธอเชื่อว่าสักวันซุนเหอจะต้องขอเธอแต่งงานและถึงวันนั้นต่อให้ตงเหมาไม่ไล่เธอไป เธอก็จะเก็บข้าวของออกไปเองโดยไม่กลับมาที่นี่อีก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม