เด็กดี

1982 คำ
หลังจากเดินทางออกจากโรงพยาบาล พ่อแม่ของตงเหมาก็แยกไปที่สถานีรถไฟเพื่อกลับเมืองเหอเป่ยทันที ทั้งสองมีอาชีพค้าขายไม่อาจทิ้งร้านนานหลายวันเพราะกลัวว่าลูกค้าจะรอและเปลี่ยนใจไปซื้อร้านอื่นแทน ช่วงนี้เศรษฐกิจดีขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ร้านรวงผุดขึ้นราวดอกเห็ด การแข่งขันก็สูงขึ้น แต่เพราะทั้งคู่มีทุนรอนที่จำกัดทำให้ไม่อาจขยายร้านใหญ่โตเหมือนคนอื่น อาศัยลูกค้าประจำที่อุดหนุนทำให้ยังพอพยุงร้านต่อไปได้ “ฉันคิดว่าพวกเราอยู่ที่นี่ด้วยกันทั้งหมด” ซิงเหมยเอ่ยขึ้นขณะที่กำลังเดินสำรวจรอบบ้าน บ้านปูนชั้นเดียวมีห้องนอนและห้องน้ำอย่างละหนึ่งห้อง ที่นี่คงคับแคบเกินไปจริงๆ หากจะรวมทั้งห้าชีวิตไว้ด้วยกัน ตงหมิงเห็นว่าแม่ของเขาไม่อารมณ์ร้ายเหมือนเคยก็อยากเอาใจอีกฝ่าย เด็กชายรินน้ำใส่แก้วก่อนจะยื่นให้กับผู้เป็นแม่พร้อมกับเอ่ยขึ้น “แม่ครับ แม่ดื่มน้ำไหมครับ” ซิงเหมยยกยิ้มอ่อนโยน ยกมือลูบศีรษะเด็กชายอย่างนึกเอ็นดูก่อนจะรับแก้วน้ำจากมืออีกฝ่ายมากระดกดื่มจนหมด “เด็กดี” ตงหมิงยิ้มจนตาหยีเขาสวมกอดผู้เป็นแม่ก่อนจะนำแก้วไปล้าง หลังจากนั้นทั้งวันเขาก็ตามติดซิงเหมยตลอดเวลาจนกระทั่งตงเหมานั้นต้องเอ่ยปาก ขอให้เด็กชายออกไปวิ่งเล่นกับเพื่อนเพราะต้องการคุยกับภรรยาตามลำพัง ซึ่งตงหมิงนั้นก็ยอมแต่โดยดี เขาสวมกอดผู้เป็นแม่อีกครั้งก่อนจะวิ่งออกไปด้วยท่าทางร่าเริงมีความสุข “เขาน่ารักมากเลยค่ะ” หญิงสาวเอ่ย แววตาเธออ่อนโยนยามที่พูดถึงเด็กชาย ตงเหมาขมวดคิ้วไม่คิดว่าอุบัติเหตุในครั้งนี้จะเปลี่ยนภรรยาที่ร้ายกาจให้กลายเป็นคนจิตใจดีขึ้นมาได้ ทั้งคำพูดและแววตาของเธอนั้นไม่หลงเหลือเค้าเดิมของซูเม่ยที่เขารู้จักเลยแม้แต่น้อย “อาเม่ย จำอะไรได้บ้าง” หญิงสาวชะงัก เธอจะจำอะไรได้อย่างไรในเมื่อเธอเพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก หญิงสาวตกใจที่เห็นตัวเองในกระจก ความงดงามที่เธอไม่เคยได้สัมผัสทำให้หญิงสาวรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ในที่ที่เธอจากมาเธอเป็นเพียงหญิงสาวหน้าตาธรรมดา ไม่ถึงกับขี้เหร่แต่ก็ไม่สวย ไม่มีอะไรน่าดึงดูดต่างจากผู้หญิงตรงหน้าที่งามไปทุกสัดส่วน “จำไม่ได้สักอย่างค่ะ” เธอเอ่ยขึ้นก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้และเงยหน้ามองไปรอบๆ เห็นหยากไย่และฝุ่นหนาที่เกาะอยู่บนเพดานก็ขมวดคิ้วด้วยความไม่ชอบใจ ดูเหมือนว่าที่นี่จะสกปรกเกินกว่าที่เธอจะอาศัยอยู่ได้ หญิงสาวมองหาไม้กวาดและอุปกรณ์ทำความสะอาด แต่เมื่อไม่พบจึงได้เอ่ยถามสามี “ไม้กวาดอยู่ตรงไหนคะ” ชายหนุ่มแปลกใจ ร้อยวันพันปีคนที่เกียจคร้านอย่างซูเม่ยนั้นไม่เคยคิดจะหยิบจับไม้กวาดมาทำความสะอาดบ้านเลยสักครั้ง หน้าที่นี้จึงกลายเป็นของเขามาโดยตลอด ตงเหมาเดินออกไปหลังบ้านก่อนจะหยิบไม้กวาดและไม้ถูยื่นให้หญิงสาว พร้อมมองดูเธอที่กำลังจัดข้าวของให้เป็นระเบียบ ก่อนจะใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตามซอกตามมุมจนสะอาด “คิดยังไงถึงอยากทำ” เขาแปลกใจ ทั้งที่รู้ว่าเธอสูญเสียความทรงจำแต่นิสัยสันดานเดิมนั้นเป็นสิ่งที่ฝังลึก ไม่น่าจะมลายหายไปด้วยได้ “คุณทนอยู่ได้ยังไง ฝุ่นเกาะหนาขนาดนี้ แถมบนฝ้าเพดานยังมีแต่หยากไย่” หญิงสาวปีนขึ้นเก้าอี้ ใช้ไม้ยาวเขี่ยรังแมงมุมก่อนจะตวัดพันอย่างคล่องแคล่ว ชายหนุ่มเห็นหญิงสาวหักโหมร่างกายเกินไปจึงพยายามหยุดยั้งเธอ แต่ดูเหมือนว่าซูเม่ยจะดื้อรั้นกว่าที่คิด หญิงสาวเขย่งปลายเท้าหมายจะใช้ปลายไม้เขี่ยหยากไย่ที่เกาะตรงมุม แต่ดันก้าวพลาดโชคดีที่ตงเหมานั้นยืนอยู่ตรงนี้ ชายหนุ่มตรงเข้าไปรับภรรยา ทั้งสองสบตากันนิ่งก่อนที่หญิงสาวจะดึงสายตาออกก่อน ใบหน้าเธอแดงระเรื่อรู้สึกเขินอายเพราะทั้งชีวิตไม่เคยใกล้ชิดหนุ่มหล่อขนาดนี้มาก่อน “พักผ่อนก่อนเถอะ” น้ำเสียงนุ่มทุ้มเอ่ยขึ้น เขาช้อนร่างหญิงสาวก่อนวางเธอลงบนเตียง ซิงเหมยไม่กล้าค้านได้แต่นอนนิ่งยามที่ชายหนุ่มนั้นคลี่ผ้าห่มคลุมร่างเธอ “นอนเถอะ เดี๋ยวฉันทำความสะอาดบ้านเอง” ชายหนุ่มเดินออกจากห้องไปทิ้งให้หญิงสาวนอนมองเพดานนิ่ง เธอพยายามข่มตาหลับแต่ก็หลับไม่ลง ชีวิตใหม่นี้ทำให้เธอตื่นเต้นจนไม่อยากหลับตาแม้แต่วินาทีเดียว หญิงสาวเดินไปส่องกระจก หันซ้ายหันขวามองความสวยของตัวเองแล้วก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มออกมา แม้เธอจะโชคร้ายตายก่อนวันอันควรในโลกเดิม แต่สำหรับโลกนี้ก็ยังมีความโชคดี เธอได้ร่างใหม่เป็นผู้หญิงที่สวยหยาดเยิ้ม มีลูกชายน่ารักและว่านอนสอนง่าย ทั้งยังมีสามีเป็นหนุ่มหล่อกล้ามแน่นแถมยังดูอ่อนโยนอีกต่างหาก “ป่านนี้เซิงอี้จะเป็นยังไงบ้างนะ” คิดแล้วก็กังวลใจ เธอและน้องชายมีกันสองคนพี่น้อง หลังจากที่พ่อเสียไปตอนที่เธออายุเพียงสิบแปดปี ซิงเหมยก็ต้องดูแลร้านมินิมาร์ทด้วยตัวเองมาโดยตลอด แผนการเรียนต่อมหาวิทยาลัยถูกพับเก็บเอาไว้แต่เธอนั้นขอร้องน้องชายไม่ให้ทิ้งการเรียนเพื่อมาช่วยงานเธอ แต่ตอนนี้เธอไม่อยู่แล้ว เซิงอี้คงจะเคว้งคว้างมาก หญิงสาวไม่รู้จะทำอย่างไร อย่างน้อยเซิงอี้ก็ไม่ลำบากเรื่องการเงินเพราะเธอนั้นเก็บสะสมไว้ให้เขามากพอที่จะใช้ไปได้อีกสิบปี อีกอย่างน้องชายผู้นี้ไม่ใช่คนเหลวไหล เลิกเรียนก็กลับมาช่วยงานที่ร้านทุกวัน หากเขาต้องทำทุกอย่างต่อจากเธอจริงๆ คงไม่ใช่เรื่องยากอะไร “พี่ขอโทษนะเซิงอี้” หญิงสาวพึมพำรู้สึกผิดที่ทิ้งน้องชายมาแบบนี้ เธอได้แต่หวังว่าแฟนสาวที่แสนดีของเซิงอี้จะคอยอยู่เคียงข้างเขาตลอดไป หญิงสาวเห็นว่าข้าวของถูกวางเกลื่อนกลาดโดยเฉพาะเครื่องสำอาง เธอลงมือจัดเรียงข้าวของเป็นที่เป็นทางก่อนจะรื้อผ้ามาพับให้เป็นระเบียบ หญิงสาวเห็นว่าผ้าปูที่นอนนั้นดูสกปรกมากราวกับไม่ได้ซักมานานแรมปี เธอจึงดึงผ้าออกจากเตียงและหอบมาด้านนอกเพื่อซัก “อาเม่ย เหตุใดไม่พักผ่อน” ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงดุ เขาวางไม้ถูพื้นลงก่อนจะรีบเข้ามายื้อแย่งสิ่งที่อยู่ในมือหญิงสาว ชายหนุ่มอยากให้เธอพักผ่อนมากกว่าฝืนรางกายทำงานหนัก แต่ดูเหมือนว่าซูเม่ยจะไม่เชื่อฟังเขาเลยสักนิด “ฉันนอนไม่หลับ” หญิงสาวบอกเหตุผล เธอไม่เคยนอนกลางวันมาก่อนเพราะทุกช่วงเวลานับตั้งแต่ตื่นนอนนั้นเป็นเวลางานของเธอ หญิงสาวไม่ชอบปล่อยเวลาให้ไร้ประโยชน์ พ่อของซิงเหมยคอยสอนเสมอว่าเวลาทุกวินาทีนั้นมีค่าเป็นเงินเป็นทอง ช่วงเวลาที่เรานอนหลับนั้นมีบางคนกำลังทำงานหนักเพื่อหาเงิน ใช้โอกาสที่ทุกคนหยุดนิ่งในการหาช่องทางสร้างรายได้ให้ตัวเอง หญิงสาวจึงไม่เคยนอนเพราะอยากนอน แต่เธอจะนอนก็เมื่อเมื่อร่างกายของเธอนั้นสั่งให้นอน “อย่างน้อยนั่งเฉยก็ยังดี” เขาบ่นเพราะเป็นห่วง ซิงเหมยถอนหายใจยาวก่อนจะนั่งลงมองชายหนุ่มที่กำลังนำผ้าไปซัก กะละมังใบใหญ่ถูกลากออกมาวางที่ลานหลังบ้าน ก่อนที่ชายหนุ่มจะเปิดน้ำและโยนผ้าลงไป “ไม่ใส่ผงซักฟอกเหรอ” “ที่นี่ไม่ใช้ผงซักฟอกหรอก” ชายหนุ่มรู้สึกว่าเป็นของสิ้นเปลือง ที่ผ่านมาเขาใช้สบู่ก้อนใหญ่เพื่อซักผ้ามาโดยตลอด แม้จะไม่สะอาดมากแต่ก็หอมติดทนดี หญิงสาวส่ายศีรษะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เขาทำ สบู่ควรใช้สำหรับล้างมือและชำระสิ่งสกปรกในร่างกาย เอามาใช้ผิดประเภทแบบนี้เห็นแล้วก็รู้สึกขัดใจนัก “ให้ฉันไปซื้อให้ดีไหม” หญิงสาวเอ่ยขึ้น ชายหนุ่มชะงักก่อนหลุบตาและส่ายหน้าช้าๆ “บ้านเราไม่มีเงินมากพอสำหรับของพวกนั้นหรอกนะอาเม่ย” สบู่หนึ่งก้อนราคาถูกกว่าผงซักฟองสี่เท่า อีกทั้งยังใช้ได้แค่ไม่กี่ครั้ง หากเทียบกับสบู่แล้วหนึ่งก้อนยังใช้ได้นานหลายวัน บางครั้งใช้ได้นานเป็นเดือน ฉะนั้นเขาจึงไม่อยากเปลืองเงินเพื่อซื้อผงซักฟอกถุงเล็กๆ ที่มีราคาสูง หญิงสาวถอนหายใจยาว เธอพอจะดูออกว่าฐานะทางการเงินของครอบครัวนี้ไม่ดีเท่าไหร่นัก แต่เหตุใดในห้องถึงมีเครื่องสำอางเยอะแยะนัก หรือแท้จริงแล้วซูเม่ยผู้นี้เป็นคนฟุ่มเฟือย? “ฉันขอโทษ ฉันไม่รู้” เธอเอ่ยอย่างรู้สึกผิดเหมือนเห็นชายหนุ่มมีสีหน้าหมองลง เขาไม่ได้อยากเป็นเช่นนี้ แต่เพราะเขาไม่มีความสามารถมากพอที่จะหาเงิน ทำให้ซูเม่ยนั้นมักจะตำหนิและเปรียบเทียบเขากับผู้อื่นเสมอ ชายหนุ่มเสียใจแต่เขาก็ไม่ย่อท้อ พยายามขยันทำงานเพื่อหาเงิน “ไม่เป็นไรหรอก ฉันชินแล้ว” เขาว่าอย่างนั้นก่อนจะนำสบู่มาถูกับแปรงก่อนจะลงมือขัดผ้าจนสะอาด หญิงสาวช่วยชายหนุ่ยกผ้าขึ้นจากน้ำก่อนจะช่วยกันบิดจนหมดและนำไปตากหน้าบ้าน หญิงสาวปาดเหงื่อก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าคราบสกปรกนั้นหายเกลี้ยง “ถ้าที่นอนสะอาด อาหมิงก็จะมีสุขภาพที่ดี” สภาพแวดล้อมที่สกปรกจะทำให้ร่างกายนั้นได้รับเชื้อโรคไปด้วย หญิงสาวนั้นให้ความสำคัญกับความสะอาดเสมอ ทุกวันเธอจะตื่นแต่เช้าเพื่อทำความสะอาดร้านมินิมาร์ท ทั้งยังปัดฝุ่นให้สินค้าของเธอแทบทุกชิ้นเพื่อให้สินค้าดูสะอาดและใหม่อยู่ตลอดเวลา “ดีใจที่เห็นเธอเป็นห่วงลูก” เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นซูเม่ยใส่ใจลูกชาย ทั้งที่ผ่านมาหญิงสาวนั้นมักจะละเลยและไม่สนใจลูก วันๆ เอาแต่แต่งตัวสวยตีสนิทกับผู้ชายรวยๆ เพื่อยกระดับชีวิตตัวเอง เมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงของหญิงสาวตรงหน้า เขาก็รู้สึกดีใจทั้งยังกังวลใจไปพร้อมๆ กัน หากวันใดวันหนึ่งเธอกลับไปเป็นซูเม่ยคนเดิม เขาคงทำใจได้ยาก “ฉันไม่รู้ว่าทำไมคุณถึงพูดแบบนี้ แต่เชื่อเถอะค่ะ ฉันคนนี้ไม่ใช่คนไม่ดี” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง รู้สึกว่าสามีนั้นมักจะพูดราวกับว่าเธอเป็นคนไม่ดี หญิงสาวไม่กล้าบอกว่าเธอนั้นไม่ใช่ภรรยาของเขา เพราะไม่รู้เลยว่าที่นี่ปลอดภัยมากพอสำหรับเธอหรือไม่ “หากเธอเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ก็เป็นผลดีกับอาหมิง” เด็กชายโหยหาความรักความอบอุ่นจากผู้เป็นแม่มานาน คงยังไม่สายเกินไปหากซูเม่ยจะกลับมาทำหน้าที่แม่ที่ดีให้กับตงหมิง ตงเหมาภาวนาขอให้ทุกอย่างราบรื่นเป็นไปได้ด้วยดี
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม