“อย่าพูดมากน่า นั่นอาหารมาแล้ว ฉันสั่งเผื่อนายด้วย ฝีมือแม่ของโรซี่เขาทำอร่อยนะ”
ริคคาโด้ตัดบท ไม่อยากฟังอะไรแสลงหู เขาอยากรู้นักว่าพ่อของหนูน้อยโรซี่จะหล่อเหลาเท่าเขาไหม แม่ของโรซี่น้อยถึงทำเมินเฉยต่อเขาราวกับหัวหลักหัวตอ
“นายกินข้าวไปก่อนนะ ฉันจะไปดูแม่ของโรซี่สักหน่อย โรซี่ลุงขอไปเยี่ยมแม่ของหนูหน่อยได้ไหม นำทางลุงไปสิ”
เขาบอกทนายเอริกเสียงเข้ม ก่อนจะลดเสียงหันมาถามเด็กหญิงด้วยเสียงนุ่มนวล
“ไปทางนี้ค่ะ เดี๋ยวโรซี่จะพาไป”
แม่หนูน้อยชูแขนให้เขาอุ้ม ดูเหมือนจะติดใจการอุ้มของมาเฟียหนุ่มเสียแล้ว ทั้งสองพากันเดินอ้อมออกไปจากด้านหน้าของร้าน ก่อนที่นายพัชรจะยกถาดอาหารมาถึงโต๊ะ
“โรซี่ไปไหนเสียแล้ว” คนเป็นตาถามหาหลานสาว
“ชวนคุณริคคาโด้ไปเดินเล่นข้างนอกครับ อีกเดี๋ยวคงจะกลับมา”
ทนายเอริกจำต้องปดไป เขาไม่อยากให้ตาของโรซี่ ไม่พอใจเจ้านายของเขา ที่เข้าไปหาลูกสาวของอีกฝ่ายถึงในบ้าน เขาเคยรู้ว่าคนไทยถือเรื่องมารยาทแบบนี้มาก
“ทางคุณต้องการห้องพักกี่ห้องครับ ตอนนี้ทางเราเหลือห้องพักอยู่สามห้อง”
นายพัชรเปิดแทปเลตให้ทนายเอริก ดูห้องพักที่ยังเหลืออยู่ มีห้องพักขนาดเล็กสองห้อง และห้องใหญ่อีกหนึ่งห้อง
“ผมขอทั้งสามห้องเลยครับ ห้องใหญ่ของเจ้านายผม ส่วนห้องเล็กอีกสองห้อง ของผมกับบอดีการ์ดของท่าน”
ทนายเอริกบอก พลางตักอาหารเข้าปากก่อนจะครางในคอ เมื่อสัมผัสรสชาติอร่อย เขาหยุดพูดจัดการตักอาหารบนโต๊ะรับประทานอย่างเอร็ดอร่อย แถมยังขอเติมข้าวอีกจาน จนนายพัชรยิ้มขำ ต่างชวนกันพูดคุยเรื่องสับเพเหระต่างๆ จนลืมไปว่าริคคาโด้พาแม่หนูโรซี่ไปที่ไหน
บ้านพักของครอบครัวโรซี่น้อยเป็นบ้านหลังเล็กๆ มีสองห้องนอน หนูน้อยนอนห้องเดียวกับมารดา แม่หนูบอกให้ริคคาโด้เดินออกจากหน้าร้านอาหารมาตามทางเดินด้านข้าง ซึ่งติดกับห้องพักของโฮมสเตย์
“เดินตรงไปตามทางนี้ค่ะ”
แม่หนูชี้มือให้คนอุ้มเดินเข้าไปในบ้าน ริคคาโด้เดินผ่านห้องนั่งเล่นไปยังชั้นบนของบ้าน จนมาหยุดที่หน้าประตูห้องหนึ่ง โรซี่น้อยเคาะประตูสองสามครั้ง พร้อมกับตะโกนเรียก
“แม่ลิชขา...”
เงียบไม่มีเสียงตอบ หนูน้อยหันมามองหน้าคุณลุงของแก คนมากวัยกว่าลองเอื้อมมือไปบิดลูกบิดประตู ปรากฏว่าประตูไม่ได้ล็อกไว้
ปกติอลิชาจะไม่ล็อกประตูห้อง เพราะลูกสาวจะเข้าออกห้องนี้ไปมาระหว่างห้องของผู้เป็นตาของแก
“ไม่ได้ล็อกห้องนี่”
ริคคาโด้เปิดประตูเข้าไป เขาปิดประตูอย่างเบามือไม่ให้มีเสียงดัง มองเข้าไปในห้องเห็นเตียงนอนขนาดใหญ่วางอยู่กลางห้อง เฟอร์นิเจอร์แล้วการตกแต่งในห้องมีลวดลายดอกกุหลาบสีหวาน บ่งบอกว่าเป็นห้องของผู้หญิงโดยแท้ ด้านในสุดเป็นห้องน้ำมีเสียงกำลังเปิดน้ำฝักบัวดังออกมา
“แม่ลิชกำลังอาบน้ำค่ะ ลุงริคกี้รอตรงนี้นะคะ เดี๋ยวโรซี่ไปหาแม่ลิชก่อน”
โรซี่น้อยขอลงยืนเอง แล้วจูงมือริคคาโด้ไปนั่งรอที่เก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ก่อนจะพาตัวเองวิ่งไปยังห้องน้ำ เปิดประตูที่แง้มไว้เดินเข้าไปอย่างว่องไว
“แม่ลิชขา...” หนูน้อยเรียกแม่ของแกเสียงแจ๋ว
ภายในห้องน้ำอลิชากำลังอาบน้ำอยู่ใต้ฝักบัว เมื่อได้ยินเสียงเรียกก็หันมายิ้มให้ลูกสาว
“โรซี่ มาอาบน้ำกับแม่สิลูก มอมแมมไปหมดแล้ว”
หญิงสาวเดินตัวเปล่าเข้ามาถอดเสื้อผ้าของลูก พาหนูน้อยไปอาบน้ำด้วยกัน โรซี่ไม่ทันจะได้บอกว่ามีคนรออยู่ในห้อง ก็ถูกแม่ของแกจับอาบน้ำพร้อมกันแล้ว
ริคคาโด้นั่งรออยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เขาได้ยินเสียงสองแม่ลูกคุยกันเพราะโรซี่น้อยไม่ได้ปิดประตูสนิท ประตูจึงแง้มออกทำให้เสียงภายในห้องน้ำลอดผ่านออกมา
“สระผมก่อนนะคะลูก ดูสิเปื้อนทรายเต็มหัวเลย หลับตาระวังฟองเข้าตา”
เสียงหวานๆ ของอลิชาบอกลูกสาว คนได้ยินนึกภาพตามแล้วอมยิ้ม เขาเคยอาบน้ำกับโรมิโอลูกชายของเขาหลายครั้ง ร่างเล็กๆ ของเด็กน้อยนุ่มนิ่มน่ากอดไปหมด การอาบน้ำประสาผู้ชาย ก็มักจะพูดคุยเล่นกันไปด้วย
“แม่ลิชขา โรซี่ช่วยถูสบู่ให้นะคะ”
เสียงเล็กเจื้อยแจ้วน่าเอ็นดู ขณะอาสาช่วยมารดาถูกสบู่ ไม่พอยังบรรยายความรู้สึกไปด้วย ทำให้คนฟังอยู่หูผึ่งทันที
“ผิวแม่ลิชนุ้มนุ่ม เนียนขาวเหมือนทรายเลยค่ะ ตรงนี้ก็นุ้มนุ่ม”
ผิวตรงไหนกันหนอที่หนูน้อยบอกว่านุ่มเนียน มาเฟียหนุ่มเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ ในหัวจินตนาการภาพตามไปด้วย ความจริงการทำแบบนี้ไม่ใช่มารยาทที่ดี เขาทำตัวเหมือนพวกถ้ำมอง เพียงแค่แอบฟังไม่ได้แอบดูเท่านั้น แต่ริคคาโด้ทนความอยากรู้ไม่ไหว จำต้องเหยียบมารยาทอันดีไว้ใต้ฝ่าเท้าไปก่อนชั่วคราว
“โตแล้วนะโรซี่ ยังชอบมาจับซาลาเปาแม่อีก เดี๋ยวแม่ก็จับคืนเสียหรอก”
อลิชาแกล้งลูกสาวคืน จนได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของโรซี่น้อยดังแว่วออกมา
“คิก คิก คิก ฮ่า ฮ่า ฮ่า พอแล้ว โรซี่ไม่ไหวแล้ว”
“คราวหลังก็อย่ามาแกล้งแม่สิ นี่ดูสิบีบซาลาเปาแม่จนเป็นรอยมือหมดแล้ว แดงเลยเห็นไหม” คนเป็นแม่ดุลูกสาว
คนที่ลอบฟังอยู่กลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอ จินตนาการในหัวไปไกลสุดกู่
“บ้าจริง เรานี่ทำตัวเหมือนพวกโรคจิตเลย บ้าไปแล้วนะ”
ริคคาโด้สะบัดศีรษะไปมา ไล่ภาพในจินตนาการของตัวเองออก นึกละอายที่ทำตัวไม่ต่างจากพวกโรคจิตแอบลอบฟังผู้หญิงอาบน้ำคุยกัน ถ้าไปลอบดูด้วยคงครบเครื่องต้องหาจิตแพทย์
“ล้างสบู่ได้แล้ว เล่นน้ำนานๆ จะไม่สบาย”
อลิชาจัดการเปิดน้ำล้างตัวให้ลูกสาวจนสะอาด ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวผืนเล็กมาพันรอบๆ ร่างกลมป้อม จากนั้นก็หยิบผ้าผืนใหญ่มาพันรอบร่างของตัวเอง แล้วหยิบผืนเล็กอีกผืนมาเช็ดผมเปียกให้เจ้าตัวน้อย ก่อนจะอุ้มร่างนุ่มนิ่มเดินออกจากห้องน้ำ การที่อยู่สองคนจนชินทำให้อลิชาไม่ได้หันไปมองรอบห้อง หญิงสาวอุ้มลูกมาวางบนเตียงแล้วนั่งลงข้างๆ หยิบโลชั่นเด็กมาทาให้ ขณะเดียวกันก็ทาผิวช่วงแขนและขาของตัวเองไปด้วย แม่หนูน้อยหันไปมองคนที่นั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ก็ไม่พบตัวเขาเสียแล้ว
ริคคาโด้หลบออกมาจากห้องก่อนที่สองแม่ลูกจะออกมาจากห้องน้ำ แค่แอบฟังก็โรคจิตเต็มทนแล้ว ขืนรอจนสองแม่ลูกเดินออกมา เขาคงถูกแม่ของหนูน้อยเอากระทะฟาดแน่ มาเฟียหนุ่มยืนรออยู่ครู่ใหญ่จนมั่นใจว่าสองแม่ลูกแต่งตัวเสร็จแล้ว ก็ลองเคาะประตูห้อง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก !!!
อลิชาเป็นคนมาเปิดประตู เมื่อเห็นหน้าคนเคาะประตูก็อึ้งไปครู่หนึ่ง
“คุณ... คุณมีธุระอะไรหรือคะ ถ้าต้องการติดต่อเกี่ยวกับห้องพักเชิญ ตรงเคาน์เตอร์ร้านอาหารค่ะ พ่อของฉันท่านดูแลอยู่”
หญิงสาวพยายามบอกเขาด้วยน้ำเสียงสุภาพ ไม่ค่อยชอบใจนักที่อีกฝ่ายรุ่มร่ามตามมาถึงบ้านของเธอ แถมยังถือวิสาสะเดินมาเคาะห้องนอนเธออีก
“ผมมาหาคนช่วยทำแผลให้ แถวนี้มีคลินิกที่ไหนบ้าง”
ริคคาโด้ชี้ตรงรอยแผลตรงสีข้างของเขา ตอนนี้เลือดหยุดไหลแล้ว มีคราบเลือดแห้งกรังติดเสื้อ
“ถ้าไปคลินิกต้องแจ้งความด้วยนะคะ แผลของคุณกับรอยฟกช้ำ จะบอกว่าหกล้มหมอคงไม่เชื่อ”
อลิชาบอกเสียงเรียบ หญิงสาวเดินมาใกล้เขา ยื่นมือไปแตะตรงแผลของเขาเบาๆ เมื่อเห็นชายหนุ่มนิ่วหน้าทำท่าเจ็บก็ถอนหายใจแรงๆ
“แผลไม่ลึกเท่าไหร่แค่ถากๆ ฉันทำแผลให้คุณเอง ตามฉันมาทางนี้”