คนเป็นเพื่อนเบือนหน้าไปมองคนพูดเขม็งพร้อมกับยิ้มอย่างมีเลศนัย “ไม่น่ารักจริงๆ หรือวะ ก่อนมึงจะพูดอะไรก็หัดระวังคำพูดเอาไว้บ้างนะ กูจะคอยดู หน้าตาคุณน้ำอิงสวยขนาดนี้เสือกพูดออกมาได้ว่าไม่น่ารักเอาเสียเลย” ภูวดลพูดค่อนขอดเพื่อน
“เออ มึงไม่ต้องมาคอยดูกูหรอก ผู้หญิงแบบนี้ไม่ใช่สเปก” ลอราชพูดออกไป ทั้งที่ภายในใจไม่ได้คิดตามที่ปากพูดเลยสักนิดเดียว เพียงเพราะต้องการเอาชนะคำของเพื่อนเท่านั้น
“เออ แล้วกูจะคอยดู ปลาหมอมักจะตายเพราะปากมานักต่อนัก” ภูวดลเอ่ยทิ้งท้ายก่อนจะเคลื่อนรถพุ่งออกไปยังจุดหมายปลายทางทันที
“คนอย่างกูไม่ตายเพราะปากแน่นอน ตายคาอกละไม่แน่ กูก็แค่อยากรู้ว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ต้องมาแสดงอาการไม่ชอบหน้ากูด้วย ทั้งที่เพิ่งเคยเจอหน้ากันครั้งแรก”
“ความมั่นใจของมึงถดถอยลงว่างั้นเถอะ” คนเป็นเพื่อนเปรยขึ้นลอยๆ
“มึงไม่ต้องมาทำเป็นรู้ใจกูขนาดนี้หรอกไอ้เคน” ลอราชพูดจบก็นั่งหลับตานิ่งตกอยู่ในความคิดของตัวเอง โดยไม่พูดจาอะไรออกมาอีกเลย
ภูวดลเหลือบตามองเพื่อนแล้วอมยิ้มมุมปาก คบกันมาตั้งแต่เด็กทำไมจะไม่รู้นิสัยกัน เจ้าเพื่อนของเขาคงเสียความมั่นใจไปไม่น้อยที่ถูกสาวเจ้าเมิน จนไม่อยู่ในสายตา ถึงได้แสดงอาการหงุดหงิดออกมาให้เห็นเช่นนี้
“ไอ้เคน มึงมีหน้าที่ขับรถก็ขับไปไม่ต้องหันมามองกูนัก เดี๋ยวจะได้พากันนอนข้างถนนก่อนจะถึงบ้าน” ลอราชพูดเสียงเข้มทั้งที่หลับตาอยู่
คนถูกค่อนไม่ตอบอะไรได้แต่หัวเราะหึหึ หลังใช้เวลาในการขับรถไม่ถึงชั่วโมงก็ถึงที่พักของเพื่อนสนิท ซึ่งเป็นบ้านหลังใหญ่ มีบริเวณกว้างขวางกินเนื้อที่เกือบไร่ เจ้าของเดิมเป็นชาวต่างชาติที่ยังไม่เคยมาอยู่ด้วยซ้ำ โดยผู้เป็นเพื่อนให้เขาเป็นคนจัดการติดต่อซื้อขายให้ จากนั้นก็จ้างคนไว้ใจได้มาคอยดูแลทำความสะอาดอยู่อย่างสม่ำเสมอ บ้านหลังนี้อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน เดินทางไปไหนมาไหนได้สะดวก ดังนั้นราคาของบ้านจึงค่อนข้างมหาศาล
“บ้านหลังนี้ถูกใจกูมาก ขอบใจนะโว้ยไอ้เคน” ลอราชตบบ่าเพื่อนรักดังป้าบหลังก้าวลงจากรถมายืนกอดอก แล้วกวาดตามองไปรอบๆ บริเวณบ้านอย่างพึงพอใจ สองข้างทางจากประตูรั้วจนถึงหน้าบ้านปลูกตะโกดัดเป็นระยะสลับกับกระถางบอนไซอย่างสวยงาม
“ราคาอาจแพงหน่อย แต่เมื่อเทียบกับพื้นที่กว้างขวางของตัวบ้านก็ไม่เลวนักหรอก กูให้คนมาทำความสะอาดบ้านไว้ให้มึงเรียบร้อยแล้ว” ภูวดลเอ่ยขึ้นขณะก้าวมาหยุดยืนอยู่ข้างๆ ผู้เป็นเพื่อน
บ้านสองชั้นหลังใหญ่สีครีมที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าทั้งสองเป็นสไตล์โมเดิร์นซึ่งเน้นความเรียบง่าย มุ่งที่ประโยชน์ใช้สอยมากกว่าความหรูหรา ดังนั้นเมื่อลอราชเห็นรอบๆ บริเวณบ้านที่เต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ที่หายากยิ่งนักในเมืองหลวง จากภาพที่ภูวดลส่งให้ดูจึงตัดสินใจซื้อทันที
“กูไม่ได้เห็นต้นไม้ใบหญ้าที่บ้านเกิดเมืองนอนมานาน บอกตรงๆ เลยว่าไม่คิดอยากจะกลับไปอยู่ต่างประเทศอีกแล้ว ที่ไหนๆ ก็สู้เมืองไทยไม่ได้”
คำพูดของลอราช คนฟังอย่างภูวดลก็มีความเห็นไม่แตกต่างกันนัก เพราะทั้งคู่ไปเรียนต่างประเทศกันตั้งแต่จบชั้นมัธยมจนกระทั่งถึงขั้นปริญญาโท จึงใช้ชีวิตอยู่ต่างแดนมาโดยตลอด ต่างกันที่ภูวดลเมื่อเรียนจบก็รีบบินกลับมาเมืองไทยในทันที
ส่วนลอราชยังสนุกกับงานช่างภาพที่ตัวเองรักจึงอยู่ต่อ แต่ดูเหมือนยิ่งอยู่ไปเรื่อยๆ ความรู้สึกโหยหาบ้านเกิดเมืองนอนยิ่งทวีมากขึ้นทุกขณะและทุกวัน จนในที่สุดเมื่อรู้ข่าวจากผู้เป็นป้าว่าบิดาไม่สบายมาก จึงถือโอกาสนี้กลับเมืองไทย และคิดว่าจะอยู่อย่างถาวรเสียเลย
ดอนกับแดนที่นั่งเงียบกันมาตลอดทางราวกับไม่ได้นั่งมาด้วย ช่วยกันนำกระเป๋าพร้อมด้วยข้าวของต่างๆ เข้าไปเก็บภายในบ้าน ส่วนเจ้าของบ้านกับเพื่อนสนิทพากันเดินตรงไปยังศาลาทรงกลมแบบทันสมัย ที่อยู่ข้างๆ สระน้ำกว้างใหญ่รูปตัวยู ลอราชเดินไปหยุดอยู่ข้างสระแหงนหน้าขึ้นสูดอากาศยามแดดร่มลมตกเข้าปอดด้วยความสดชื่น อารมณ์หงุดหงิดที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้าค่อยๆ สูญหายจนแทบไม่หลงเหลือ แล้วจึงพาร่างสูงเพรียวกลับมาทรุดลงนั่งตรงข้ามกับเพื่อนพูดเปรยขึ้นมายิ้มๆ
“น้ำในสระชวนให้ลงเล่นจริงๆ ว่ะ”
คนเป็นเพื่อนพยักหน้าเห็นด้วย “อืมม..ถ้าได้เบียร์เย็นๆ เข้ากับบรรยากาศแดดร่มลมตกซักขวดสองขวดมันจะดีกว่านี้ว่ะไอ้เรน” พูดยังไม่ทันขาดคำก็เห็นแดนถือถาดใส่เบียร์เย็นเฉียบกับแก้วทรงสูงสองใบ พร้อมกับจานกับแกล้มมาวางให้บนโต๊ะ
“คนของมึงนี่สุดยอดจริงๆ ว่ะรู้ใจเจ้านายไปซะทุกอย่าง” ภูวดลเอ่ยชมหลังจากแดนเดินผละไปแล้ว
“ดอนกับแดนเป็นลูกคนเก่าแก่ของพ่อกู ไม่ใช่ญาติก็เหมือนญาติ”
ดอนกับแดนเป็นบุตรชายคนสนิทของบิดา ตามไปดูแลและเรียนหนังสือกับลอราชตั้งแต่เริ่มเรียนมหาวิทยาลัยจวบจนกระทั่งปัจจุบัน จึงคุ้นเคยกับภูวดลเป็นอย่างดี
“แล้วมึงไม่ต้องรีบกลับไปต่างจังหวัดหรือวะไอ้เรน ไหนพ่อมึงป่วยหนักไม่ใช่หรือวะ” หลังยกแก้วเบียร์เย็นๆ จนเป็นวุ้นขึ้นจิบ ภูวดลก็เอ่ยถามเพื่อนอย่างสงสัย เมื่อไม่เห็นท่าทีวิตกทุกข์ร้อนใดๆ จากอีกฝ่าย