ห้องสัมภาษณ์งาน
“ขอโทษครับคุณอัศวิน..เอ่อ..น้องครับ..ออกไปเถอะนะ”
“ไม่ค่ะญาไม่ไป..”
อัศวินมองหน้าญาดาอย่างไม่ค่อยพอใจนักที่เธอเข้ามาในห้องโดยไม่ได้รับอนุญาต
“ญาต้องการจะเข้ามาถามเจ้านายของพี่ให้รู้เรื่องนี่คะ ว่าทำไมถึงตัดสิทธิ์ไม่ให้ญาสัมภาษณ์งาน ในเมื่อญาทำข้อสอบของบริษัทของได้คะแนนเต็มหมดทุกข้อ ญาต้องมีสิทธิ์ได้เข้ามาสัมภาษณ์ในห้องนี้ซิคะ..”
“...”
“พี่บอกแล้วไงครับว่าน้องไม่มีประสบการณ์น้องเลยไม่ผ่าน น้องกลับไปเถอะนะพี่ขอร้อง..”
“แล้วถ้าทุกบริษัทคิดเหมือนกับเจ้านายของพี่ ว่าไม่รับคนที่ไม่มีประสบการณ์เข้าทำงาน งั้นเด็กจบใหม่ทุกคนก็คงตกงานกันหมดแล้วละคะ..”
ญาดาพูดจบก็หันหน้าไปมองอัศวินอย่างท้าทาย
“งั้นเธอก็บอกมาซิว่าเธอมีอะไรดีกว่าคนที่เขามีประสบการณ์ด้านเลขามาเป็น 5 ปี หรือว่า 10 ปียังไง..?”
“ฉันไม่มีประสบการณ์ด้านเลขามาก็จริง แต่ฉันมีความตั้งใจจริงในการที่อยากจะทำงานในตำแหน่งนี้ และฉันก็คิดว่าฉันทำได้ค่ะ.”
“โดยการเอาประสบการณ์แค่เด็กเสิร์ฟจากในร้านอาหารที่ต่างประเทศมาใช้ในการทำงาน เพื่อมาเป็นเลขาให้กับผู้บริหารระดับสูงเนี้ยนะ..ฉันว่าเธอกลับไปเถอะนะ เพราะมันไม่ใช่งานที่เธอจะมาทำเอาแค่สนุกๆเท่านั้น..”
“...”
ญาดากำมือแน่ด้วยความโกรธจัดที่โดนอัศวินดูถูกความสามารถ
“คุณนพ..2 คนที่คุณให้มาสัมภาษณ์กับผมวันนี้ยังไม่ผ่านนะ ไม่คิดเลยว่าผู้หญิงที่ฉลาดแล้วก็เก่งด้วยมันจะหายากขนาดนี้..”
อัศวินพูดจบก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที และก่อนที่เขาจะเปิดประตูออกจากห้องไป
“ฉันขอทดลองงานโดยที่ไม่รับค่าจ้าง 3 เดือน ฉันจะทำให้คุณยอมรับฉันให้ได้ แต่ถ้าภายใน 3 เดือนฉันทำไม่ได้ ฉันยินดีจ่ายค่าเสียเวลาให้กับคุณ..”
“...”
เขาหยุดนิ่งแล้วก็หันมามองหน้าเธออย่างไม่เชื่อหูตัวเองว่าเธอจะกล้าท้าทายเขาแบบนี้
“ฉันมาสัมภาษณ์เลขาเพื่อรับเข้าทำงาน ไม่ใช่มาหาเด็กฝึกงานที่อยากแค่ทดลองงานเล่นๆ..”
“ฉันพูดจริง..ถ้าคุณกล้ารับคำท้าจากฉัน ฉันก็จะทำงานให้คุณอย่างเต็มที่ เท่ากับที่คุณจ่ายเงินเดือนให้กับตำแหน่งเลขาของคุณเลย โดยที่คุณไม่ต้องเสียเงินจ้างฉันแม้แต่บาทเดียว..”
“...”
เขามองหน้าเธออย่างคิดวิเคราะห์ แล้วก็เดินหันหลังเปิดประตูออกไป
“ฉันจะต้องทำงานในบริษัทของคุณให้ได้ คอยดูนะฉันจะต้องทำให้ได้..”
เธอตะโกนไล่หลังเขาไปอย่างโกรธจัดที่เขาไม่ยอมรับคำท้าของเธอ
“น้องครับ..พี่บอกแล้วว่าเจ้านายของพี่เขาไม่ยอมง่ายๆหรอก..น้องกลับไปเถอะ..”
“...”
....
ห้องทำงานของ อัศวิน
เขาเข้ามานั่งในห้องทำงานตัวเองก็เอาแต่นั่งดูแฟ้มประวัติของญาดา แล้วก็นั่งคิดวิเคราะห์อยู่นานว่าจะเอายังไงดี และก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงอยากทำงานที่บริษัทเขานัก ถึงได้ยอมมาทำงานโดยไม่รับเงินเดือนแบบนี้
“มีใครบ้าแบบเธอบ้างทำงานโดยไม่รับค่าจ้าง 3 เดือนเนี้ยนะ..ฉันรับเธอเข้ามาก็บ้าแล้ว”
อัศวินคว่ำแฟ้มลงบนโต๊ะทำงานอย่างหัวเสีย เพราะไม่น่าไปคิดถึงเรื่องเธอเลย เพราะมันไร้สาระสิ้นดี
กริ๊งง >> กริ๊งง >>>
“สวัสดีครับพิม..”
(ทำอะไรอยู่ค่ะวิน..?)
“ผมเคลียร์งานนิดหน่อยนะครับ วันนี้ผมมีนัดกับพิมไปทานข้าวใช่ไหม..?”
(ก็ใช่ซิคะ พิมโทรมาเตือนกลัวคุณลืม..นี่คุณลืมจริงๆใช่ไหมคะ..?)
“เปล่าครับ ผมจำได้แม่ผมย้ำผมตั้งแต่เช้าแล้ว”
(ถ้าคุณแม่ไม่ย้ำวินเมื่อเช้า วินก็คงลืมใช่ไหมคะ..?)
“เอ่อ..”
(ไม่เป็นไรค่ะ..พิมเข้าใจ)
พิมพรรณคู่หมั้นของอัศวิน เธอรู้ดีว่าที่อัศวินยอมหมั้นกับเธอก็เพราะเรื่องธุรกิจ เขาไม่เคยรักเธอเลยมีแต่เธอคนเดียวที่รักเขาอยู่ฝ่ายเดียว มีดีแค่อย่างเดียวคือเขาไม่เจ้าชู้และไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนไหนให้เธอกังวล เธอจึงคิดใช้ความดีและความตื้อเท่านั้นที่จะทำให้เขาใจอ่อนรับรักเธอตอบบ้าง และก็จะได้ขยับวันแต่งงานเข้ามาให้เร็วขึ้นกว่าเดิม เพราะนี่ก็ยังไม่มีวี่แววที่เขาจะขอเธอแต่งงานเลยสักที
เขาขับรถออกมาจากบริษัทแค่เพียงพ้นตัวตึก ก็หันหน้าไปเห็นยัยผู้หญิงขี้ตื้อ ที่รัองโวยวายเมื่อตอนบ่ายว่าอยากมาทำงานในบริษัทของเขา ยืนรอรถอยู่ที่ป้ายรถเมล์
“จะรีบไปตายหรือไงวะ..”
รถเมล์ที่จอดให้คนขึ้นก็ออกไปอย่างไวโดยที่เธอยังไม่ทันได้ขึ้นไป เธอจึงตะโกนด่าไปตามหลังจนเขาเห็นถึงกลับส่ายหน้าระอา
เขาจอดรถติดอยู่ที่กลาง 4 แยกไฟแดงก็เห็นคุณยายคนหนึ่งที่เธอของพะรุงพะรังมาเต็มมือ กำลังจะข้ามถนนแต่ตาคุณยายเหมือยจะมองไม่ค่อยเห็น จึงไม่รู้ว่าตอนนี้มันเป็นไฟแดงทุกคนต่างก็เร่งรีบที่จะข้ามกันโดยไม่สนใจดูคุณยายเลย
“คุณยายมาค่ะ..จับมือหนูไว้นะคะ”
เขามองยัยเด็กผู้หญิงที่ร้องตะโกนด่าคนขับรถเมล์คนเมื่อกี้อย่างรู้สึกอึ้งๆ ในการกระทำที่ขัดแย้งกับน้ำเสียงที่ขี้โวยวายของเธอ ท่ามกลางความเห็นแก่ตัวของผู้คนบนท้องถนน แต่เธอกลับช่วยคุณยายคนนั้นถือของทึ่พะรุงพะรังจนหมด แล้วจูงมือพาคุณยายข้ามถนนไปจนถึงอีกฝั่ง แล้วตัวเองก็รีบข้ามกลับมารอรถที่จุดเดิม
จนกระทั่งไฟเขียวรถเขาก็ขยับออกไปจากจุดนั้น แต่สายตาก็ยังมองมาที่กระจกหลังเพื่อดูคอยดูเธอ เขาคิดอะไรขึ้นมาได้จึงตัดสินใจกดโทรศัพท์ไปหานพดนัยทันที
“คุณนพ พรุ่งนี้นัดผู้หญิงคนนั้นเข้ามาสัมภาษณ์กับผมตอนบ่ายโมงตรงได้เลยนะ..”
....