6

3393 คำ
สิบนาทีต่อมา... (ที่ห้องของอลิซ) “ทำไมต้องทำแบบนี้กับพี่” ปริณถามหลังจากที่เห็นน้องสาวของตัวเองเปิดประตูห้องเข้ามา “ทำอะไร?” มารียาถามพลางจ้องใบหน้าของพี่ชายนิ่ง “ก็ไล่ให้พี่กลับน่ะสิ” ปริณต่อว่าด้วยสีหน้าบึ้งตึง “หนูต้องถามพี่ป้องมากกว่า ว่าทำไมต้องขืนใจอลิซ” มารียาปล่อยหมัดเด็ดใส่ทันที “บ้า มันไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย” ปริณออกตัวด้วยสีหน้าแกนๆ “แล้วที่อลิซร้องห่มร้องไห้วิ่งหนีขึ้นไปหาหนูกับจอห์นล่ะคืออะไร ดีใจงั้นเหรอคะ” มารียาสวนกลับด้วยอารมณ์เดือดๆ “รียา! เรื่องนี้พี่จะคุยกับเพื่อนของเราเท่านั้น โอเค้?” ปริณบอกด้วยใบหน้าแดงก่ำที่น้องสาวตัวดีซัดทอดตนราวกับว่าเป็นมารดายังไงยังงั้น “แล้วผู้หญิงในสต๊อกของพี่ป้องล่ะ” “พี่เลิกหมดแล้ว เหลือแต่มิ้งกำลังจะบอกเลิก แต่ก็มาเจอกับอลิซเข้าซะก่อน” ปริณบอกพร้อมกับกลอกตาอย่างเพลียๆ ที่อีกฝ่ายยังถามเซ้าซี้ไม่หยุด “งั้นวันนี้พี่ต้องไปบอกเลิกยัยมิ้งนั่น” มารียาบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง เพราะไม่อยากให้เพื่อนสาวต้องมาเครียดเรื่องผู้หญิงของพี่ชาย “อืม! แล้วเพื่อนเราว่าไงมั่งตอนที่พี่ออกมา” ปริณเปลี่ยนไปถามหาสาวเจ้าอย่างรู้สึกเป็นห่วง “ไม่ได้ว่าอะไร เอาแต่ร้องไห้อย่างเดียว” “นี่เราใส่เสื้อผ้าของไอ้จอห์นงั้นเหรอ” คนที่เพิ่งจะสังเกตเห็นถามด้วยสีหน้าตึงๆ “ค่ะ” มารียาเอ่ยรับด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ แล้วกลับด้วยกัน” ปริณบอกพลางยกนาฬิกาขึ้นดูเวลา “ตกลงจะแต่งกลับอลิซจริงๆ ใช่ไหม” มารียาถามย้ำราวกับจะขอความมั่นใจจากพี่ชายอีกครั้ง “พี่น่ะแต่งแน่ แต่เพื่อนเราน่ะสิไม่ยอมแต่ง” ปริณบอกพลางถอนหายใจยาวอย่างรู้สึกเพลียๆ กับความดื้อของอลิชา “อลิซอาจจะยังทำใจไม่ได้ ที่ต้องแต่งงานกับเจ้าบ่าวอายุเยอะมั้ง” “รียา!” “ก็มันจริงนี่!” “เฮ้อ... พี่จะขับรถไปรอที่ทางออกด้านหลังนะ รีบๆ ตามลงไปแล้วกัน” ปริณบอกพร้อมกับเดินหนี เมื่อโดนพูดถึงเรื่องอายุอีกครั้ง “จริงๆ พี่น่าจะหาคนที่อายุรุ่นเดียวกันแต่งงาน” มารียาตะโกนบอกคนที่กำลังจะเดินออกประตูห้องไป “รียา!” ปริณหันไปมองน้องสาวด้วยสายตาดุๆ “เจอกันที่ข้างล่างค่ะ” มารียาบอกก่อนจะรีบวิ่งเข้าห้องนอนของเพื่อนไปด้วยสีหน้าขบขัน   สองวันต่อมา... ปริณหายหน้าไป เพื่อให้เวลาตามที่ภรรยาทางพฤตินัยร้องขอ แต่เขาก็ยังหาเวลาไปบอกยุติความสัมพันธ์กับมาริกาไม่ได้ เพราะมีงานด่วนให้รีบต้องเคลียร์อีกเยอะแยะมากมาย ขณะเดียวกันมารียาก็เก็บเสื้อผ้าไปนอนค้างกับอลิชาในเช้าของวันต่อมา โดยที่ไม่เอ่ยถึงเรื่องที่เกิดขึ้น กลัวว่าเพื่อนสาวจะเครียดกว่าเดิม เพราะวันจันทร์ที่จะถึงก็ต้องเริ่มงานที่ไคเลอร์ คอร์ปอเรชัน กรุ๊ป แล้ว ด้านเสี่ยใหญ่อย่างอีเดนก็หงุดหงิดจนแทบคลั่ง เมื่อบอดี้การ์ดที่ให้ไปเฝ้าหน้าคอนโด โทรมารายงานทุกๆ สองชั่วโมงว่ายังไม่เจอตัวของคนที่ให้ตามหา   ไคเลอร์ คอร์ปอเรชัน กรุ๊ป เวลา 08 : 09 นาที (วันจันทร์) “แกตื่นเต้นไหมอลิซ” มารียาถามหลังจากที่ขับมินิคูเปอร์เข้ามาจอดยังที่จอดรถของพนักงาน “สุดๆ เลย แล้วแกล่ะรียา” อลิชาตอบก่อนจะหยิบยาดมขึ้นมาจ่อจมูกแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ   “มือฉันสั่นหมดเลยแกดูสิ” มารียาบอกพลางชูมือให้เพื่อนรักดู อลิชาดึงเพื่อนสาวเข้ามากอดปลอบครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยชวน “พร้อมแล้วใช่ไหม” “พะ... พร้อม” มารียาตอบเสียงสั่นอย่างไม่มั่นใจ “สู้ๆ รียา” อลิชาให้กำลังใจด้วยน้ำเสียงเข้มๆ ทั้งที่ภายในใจนั้นก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากอีกฝ่ายเลย “สู้ๆ อลิซ” มารียาพยักหน้าให้เพื่อนสาว ก่อนจะเปิดประตูออกจากรถ แล้วเดินเข้าไปด้านในบริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศด้วยความรู้สึก  ตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก กับก้าวแรกของชีวิตใหม่หลังจากที่เรียนจบมาได้หมาดๆ   ห้านาทีต่อมา... เรือนร่างบอบบางของสองสาว ที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กระโปรงทรงเอสีดำเหนือเข่าเข้ารูป เต็มไปด้วยส่วนเว้าส่วนโค้ง ยืนอยู่ที่หน้าล็อบบี ทำเอาพนักงานหนุ่มๆ ต่างพากันหันมามองจนแทบจะลืมหายใจกันเลยทีเดียว “สวัสดีค่ะคุณรียา คุณอลิซ” เอมอรเลขาใหญ่เอ่ยทักทายสองสาวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มที่เห็นทั้งสองมาเข้างานก่อนเวลา “สวัสดีค่ะคุณเอมอร” มารียาและอลิชายกมือไหว้เลขาใหญ่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “เชิญที่ลิฟต์ทางด้านนู้นเลยค่ะ” เอมอรบอกพลางผายมือเชิญไปที่ลิฟต์ของผู้บริหารระดับสูง “ค่ะ” สองสาวตอบก่อนจะเดินตามอีกฝ่ายไปด้วยท่าทีเขินอาย     สิบนาทีต่อมา... (ชั้นบนสุดของบริษัท) “นี่คือโต๊ะทำงานของคุณทั้งสองค่ะ” เอมอรชี้ให้สองสาวดู หลังจากที่เดินออกลิฟต์มา “ขอบคุณค่ะ” มารียาและอลิชายิ้มให้อีกฝ่ายบางๆ ก่อนจะมองโต๊ะทำงานของตัวเองอย่างรู้สึกทึ่งๆ “เดี๋ยวเราไปเดินดูห้องประชุมและห้องอื่นๆ กันก่อน แล้วค่อยกลับมาเรียนรู้งานค่ะ” เอมอรบอกก่อนจะออกเดินนำไปยังห้องของผู้บริหารด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เพราะผู้ช่วยสาวทั้งสองสวยจนเธอเริ่มวางตัวไม่ถูกแถมนามสกุลยังไม่ธรรมดาอีก “ค่ะ” สองสาวเอ่ยรับก่อนจะพากันเดินตามมาติดๆ   บริษัทไคเลอร์... (ในลิฟต์ผู้บริหาร) “นี่พวกมันทำงานกันยังไงฮะ ผู้หญิงแค่คนเดียว ปล่อยให้เล็ดลอดสายตาไปได้ยังไงกัน” อีเดนสบถอย่างหัวเสียหลังจากที่เข้ามาในลิฟต์ได้เพียงครู่เดียว “เอ่อ... ใจเย็นๆ ก่อนครับท่าน ผมคาดว่าอีกเดี๋ยวก็คงเจอ” ธนิน บอกด้วยสีหน้าเจื่อนๆ เพราะว่าสองวันที่ผ่านมา ตนได้ยินคำพูดในทำนองนี้แทบจะทุกๆ สองชั่วโมง “ให้จริงเถอะ! นี่ก็จะสามวันแล้วนะ ถ้าพรุ่งนี้ยังไม่เจอ นายต้องไปเคาะประตูเรียกออกมาดูทีละห้องแล้วละ” อีเดนกราดเกรี้ยว “ครับ” ธนินเอ่ยรับเบาๆ อย่างไม่รู้จะทำยังไง ไอ้ครั้นจะให้คนไปเอารายชื่อของคนที่พักในคอนโดก็ทำไม่ได้ เพราะคนที่พักอยู่ล้วนแต่เป็นลูกหลานของคนรวยๆ ทั้งนั้น ติ๊ง! “สวัสดีค่ะท่าน สวัสดีค่ะคุณธนิน” กิ่งกาญ (ผู้ช่วยเลขา) เอ่ยทักทายประธานใหญ่และคนสนิทด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เมื่อเห็นทั้งสองเดินออกมาจากลิฟต์ “สวัสดีครับ แล้วคุณเอมล่ะ ยังไม่มาอีกเหรอ” อีเดนถามพร้อมกับหันมองไปรอบๆ อย่างสงสัย เพราะตนมีเรื่องสำคัญจะสอบถามอีกฝ่าย “มาแล้วค่ะท่าน แต่พาพนักงานใหม่ไปเดินดูห้องต่างๆ อยู่ค่ะ” กิ่งกาญบอกเสียงหวาน “ขอบคุณครับ” อีเดนตอบก่อนจะเดินตรงไปยังห้องทำงานของตน   ขณะที่เลขาใหญ่วัยสี่สิบเจ็ดปีกำลังพาผู้ช่วยเลขาใหม่ทัวร์ห้องของท่านประธานอยู่นั้น อยู่ๆ ประตูห้องก็ถูกผลักเข้ามา ทำเอาทั้งสามถึงกับสะดุ้งและหันไปมองพร้อมๆ กัน “สวัสดีท่านประธาน” เอมอรทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “...” อีเดนยืนนิ่งไปราวกับถูกสาป เมื่อเห็นสาวเจ้าคนที่ทำให้ตนตามหาจนแทบจะเป็นบ้า...อยู่ตรงหน้า! “คนที่เราเจอที่คลับคืนนั้นนี่รียา” อลิชาหันไปกระซิบเพื่อนสาว มารียาสบตากับคนที่เป็นวันไนท์สแตนด์ ก่อนจะชาวาบไปทั้งตัว ‘บ้าจริง! ทำไมโลกมันถึงได้กลมแบบนี้นะ’ “เอมพาผู้ช่วยคนใหม่มาแนะนำสถานที่ค่ะ” เอมอรรีบบอกเมื่อเห็นผู้เป็นนายเงียบไป “รบกวน...ทุกคนออกไปข้างนอกก่อนได้ไหมครับ” อีเดนเอ่ยพร้อมกับจ้องมองใบหน้างดงามที่ตราตรึงในหัวใจอย่างไม่วางตา “ดะ...ได้ค่ะ” เอมอรหันไปพยักหน้าให้สองสาวออกจากห้องไปด้วยกัน “ยกเว้นคุณ...รียา อยู่ก่อน” อีเดนรีบดึงแขนบางของคนที่กำลังจะเดินผ่านหน้าตนเอาไว้ “เอ่อ...ฉะ...ฉัน...” มารียาสั่นขึ้นมาทันใด เมื่อเห็นสายตาดุดันของอีกฝ่าย “ผมขอเวลาคุยเรื่องส่วนตัวกับคุณรียา ห้ามใครเข้ามารบกวนครับ” อีเดนบอกเสียงเข้ม “ค่ะท่าน” เอมอรเอ่ยรับเบาๆ “ระ... รียา ฉันอยู่ข้างนอกนะ” อลิชาบอกก่อนจะเดินตามเลขาใหญ่ออกไป มารียามองตามเพื่อนสาวจนกระทั่งประตูห้องปิดลง “มะ...มีธุระอะไรกับฉันหรือคะ?” เธอเหลือบมองใบหน้าคมเข้มแวบหนึ่งด้วยหัวใจสั่นๆ “เวลาผัวจะคุยกับเมียนี่ต้องมีธุระด้วยงั้นเหรอ” อีเดนเอ่ยรวนน้ำเสียงหงุดหงิดเมื่อเห็นท่าทีเหินห่างของสาวเจ้า “คะ... ใครเมียคุณไม่ทราบ!” มารียาจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังบูดบึ้งด้วยสายตาเอาเรื่อง “คุณไงรียา! คุณเป็นเมียผม” อีเดนเอ่ยย้ำด้วยน้ำเสียงเดือดดาล ‘พระเจ้า! ตามหาแทบตาย สุดท้ายก็เป็นพนักงานใหม่’ “ไม่ใช่! ระ...เราแค่สนุกกัน แล้วก็จบ ต่างคนต่างแยกย้าย” เธอแจงอายๆ ระคนโมโหที่อีกฝ่ายพูดจาหยาบคาย “อะไรนะ! จบงั้นเหรอ ต่างคนต่างแยกย้ายงั้นเหรอ?” อีเดนทวนเสียงสูงอย่างไม่เชื่อหูที่สาวตรงหน้าพูดจาราวกับสาวที่รักสนุก “ใช่ค่ะ” มารียาพยักหน้านิ่งๆ ‘ตาบ้านี่ต้องเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ ที่จริงจังกับผู้หญิงที่เจอได้แค่วันเดียว’ “พูดง่ายดีนะ” อีเดนเอ่ยเยาะ “ก็แล้วคุณจะให้ฉันพูดยังไงล่ะ” “ก็พูดว่าคุณขอโทษที่ทิ้งผมไว้ที่โรงแรมยังไงล่ะรียา” “ฉันไม่ได้ทิ้ง!” “งั้นทำไมถึงไม่ปลุกผม” “ก็แล้วทำไมฉันต้องปลุกคุณด้วยล่ะ บ้านเราไม่ได้กลับทางเดียวกันสักหน่อย” “พระเจ้า คุณไม่แคร์เรื่องคืนนั้นของเราจริงๆ ด้วย” “ฉันเมา คุณก็เมา แล้วคุณจะให้ฉันเรียกร้องอะไรล่ะ ต่างคนต่างไปน่ะดีแล้ว” “แต่ผมเป็นผู้ชายคนแรกของคุณนะ” อีเดนบอกสาวมั่นที่ทำท่าโนสนโนแคร์อย่างไม่อยากจะเชื่อหูเชื่อตาตัวเอง “ทุกคนต้องมีครั้งแรกเสมอ” เธอกัดฟันบอกทั้งๆ ที่ความคิดและความรู้สึกภายในใจกำลังสับสน “แล้วถ้าคุณท้องขึ้นมาล่ะ” อีเดนปล่อยหมัดฮุกใส่อย่างไม่รอช้า “อ้าว คืนนั้นคุณไม่ได้ป้องกันหรอกเหรอ” มารียารู้สึกเหมือนถูกลากไปตบกลางสี่แยกไฟแดง “ไม่ได้ป้องกันเลยสักครั้งเดียว” อีเดนเชิดหน้าขึ้นราวกับคนที่ถือไพ่เหนือกว่า “บ้าจริง! นี่ฉันจะติดเอดส์หรือเปล่า” มารียาสบถเสียงดังอย่างหัวเสีย เมื่อรู้ว่าตัวเองทำเรื่องผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ลงไป “ให้ตายสิ ผมไม่ได้สำส่อนนะ ผมป้องกันทุกครั้ง” อีเดนกลอกตา ก่อนจะต่อว่าคนที่ทำท่าจะสติแตก “โกหก! แล้วทำไมคืนนั้นคุณไม่ป้องกันล่ะ” เธอหันไปตอกกลับด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ‘โลกนี้จะมีใครโชคร้ายเหมือนเราอีกไหมนะ โดนคู่หมั้นนอกใจ เมาแล้วยังเสียตัวให้คนแปลกหน้า แถมไอ้บ้านี่ก็ไม่ได้ใส่ถุงยางอีก’ “ผม...” อีเดนอึกอักไม่รู้จะตอบยังไงเพราะตนก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเช่นกันว่าทำไมถึงได้ปล่อยตัวในคืนนั้น “ฉันต้องรีบไปตรวจเลือด” เธอบอกพร้อมกับเตรียมจะเดินไปที่ประตูห้อง แต่ก็ถูกอีกฝ่ายเข้ามาขวางเอาไว้ซะก่อน “รียา! ผม-ไม่-ได้-เป็น-เอดส์-โอเค้” อีเดนกัดฟันข่มอารมณ์ให้เย็นเมื่อถูกกล่าวหาว่าเป็นโรคร้ายแรง “คุณร่านออกขนาดนั้น ฉันจะมั่นใจได้ยังไง” มารียาถามด้วยสีหน้าตึงเครียด “ผม-ไม่-ได้-ร่าน” อีเดนเน้นช้าๆ ชัดๆ ทีละคำอย่างโมโห ‘พระเจ้าทำไมต้องส่งผู้หญิงที่คิดอะไรเพี้ยนๆ แบบนี้มาเป็นเมียเราด้วยวะ!’ “ฉันไม่เชื่อ” มารียามองร่างสูงร้อยเก้าสิบกว่าตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะส่ายหน้าไปมาเบาๆ “งั้นไปตรวจด้วยกัน” อีเดนบอกก่อนจะคว้าข้อมือให้ออกเดิน “ไม่ ฉันจะไปตรวจเอง” มารียาสะบัดข้อมือของอีกฝ่ายออกด้วยสีหน้ารังเกียจ ‘อีตานี่มือเร็วชะมัด’ “ไปด้วยกัน เผื่อว่าคุณเป็นเอดส์ขึ้นมาล่ะ ผมจะทำยังไง” อีเดนมองคนถือดีอย่างตัดพ้อ ‘หึ ทีตอนเมาละออดอ้อน ทีตอนนี้ละทำเป็นเล่นตัว’ “เฮ้ คุณเป็นผู้ชายคนแรกของฉันนะ” มารียาเอ่ยเตือน “ไม่รู้ละ เพื่อความสบายใจคุณต้องไปกับผม” อีเดนกล่าวพลางเข้าไปดึงข้อมือบางให้ออกเดินอีกครั้ง “โอ๊ย นี่มันอะไรกันเนี่ย” มารียาร้องพร้อมกับผลักร่างสูงให้ออกห่างจากตัว “คุณเลิกกับไอ้หมอนั่นหรือยัง” อีเดนถามเรื่องที่อยูในห้วงความคิดตลอดสองวันที่ผ่านมา “ยัง” มารียาแกะมือหนาที่ยื่นมาจับแขนออกอย่างหงุดหงิด “อะไรนะ นี่คุณยังไม่ได้บอกเลิกมันยังงั้นเหรอ” อีเดนถามเสียงแข็งอย่างไม่พอใจ “ก็ฉันยังไม่มีโอกาสได้เจอกับเขานี่” มารียาสวน ก่อนจะต่อว่าตัวเองในใจ ‘บ้าจริง ทำไมเราต้องไปบอกเขาด้วยนะ’ “บ้านมันอยู่ไหน” อีเดนรวบร่างบางเข้ามากอดอย่างฉวยโอกาส “อ๊ะ! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ” มารียาอยากจะกรีดร้องให้คนช่วย แต่ก็อาย ถ้าหากว่าใครเข้ามาแล้วเห็นเธอกับเขาในสภาพนี้ “ผมจะบอกเลิกมันให้คุณเอง” อีเดนบอกก่อนจะก้มลงสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ซอกคอของสาวเจ้าอย่างอดใจไม่ไหว “ปล่อยนะ คุณจะมายุ่งเรื่องส่วนตัวของฉันทำไม” “มันไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่มันเป็นเรื่องของเราต่างหาก” อีเดนบอกพลางหมุนร่างบางให้หันมาเผชิญหน้ากับตน “ยังไง” มารียาเลิกคิ้วถาม พร้อมกับปัดมือหนาออก “ก็คุณเป็นเมียผม แต่คุณยังหมั้นกับคนอื่นอยู่เนี่ย มันถูกต้องแล้วหรือ” อีเดนย้อนถาม ก่อนจะปล่อยให้สาวเจ้าเป็นอิสระ “เรื่องระหว่างเรามันคือความผิดพลาดต่างหาก” เธอแก้ให้ถูก “งั้นถ้าผมเดินเข้าไปบอกพ่อกับแม่ของคุณ เรื่องความผิดพลาดนี้ล่ะ คุณว่ามันจะเป็นยังไงฮะรียา” อีเดนขมวดคิ้วถามด้วยน้ำเสียงกวนๆ “นี่คุณขู่ฉันเหรอ” มารียาเริ่มหวั่นใจ กลัวว่าอีกฝ่ายจะทำอย่างที่พูดขึ้นมาจริงๆ “ผมไม่ได้ขู่ แต่ผมกำลังแสดงความรับผิดชอบอยู่ต่างหาก” “ฉันไม่ต้องการ!” “ตระกูลของผมมีกฎอยู่ข้อหนึ่ง” “หึ! กฎอะไร” มารียารีบขยับออกห่างจากอีกฝ่ายอย่างไม่ไว้ใจ “ถ้ามีความสัมพันธ์กับสาวบริสุทธิ์เมื่อใดจะต้องเข้าพิธีวิวาห์กับเธอคนนั้น” เขาเฉลยด้วยสีหน้าจริงจังราวกับว่าเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย “งั้นคุณก็คิดเสียว่าฉันไม่ได้บริสุทธิ์สิ จะได้ไม่ต้อง...” “ให้ตายเถอะรียา! คุณเป็นผู้หญิงแบบไหนกันแน่เนี่ย รู้ไหมว่ามีผู้หญิงกี่คนที่จ้องจับผมทำสามี แต่คุณกลับผลักไสผมออกไปจากชีวิตราวกับสิ่งของที่ไม่มีค่างั้นแหละ!” อีเดนไม่สบอารมณ์กับคำตอบ “นี่คุณ! เรื่องที่จะคุยกันมีแค่นี้ใช่ไหม?” มารียายกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นดูหลังจากที่ถามเสร็จ “ทำไม” คนที่กำลังโมโหถามกลับอย่างหงุดหงิด “ฉันไม่ต้องการความรับผิดชอบใดๆ จากคุณ ฉันแค่อยากทำงานที่นี่ เพราะมันเป็นการทำงานครั้งแรกหลังเรียนจบ และฉันก็อยากให้คุณลืมเรื่องที่เกิดขึ้นคืนนั้นซะ แล้วเหลือแค่สถานะเจ้านายกับลูกน้องจะได้ไหม” มารียาถามเสียงอ่อนอย่างขอความร่วมมือ เพราะถ้าเธอออกตอนนี้วันนี้ อลิชาก็คงไม่ทำต่อแน่ และนั่นจะอาจเลยไปถึงเรื่องที่อีกฝ่ายคุยฟุ้งเกทับว่าที่ภรรยาใหม่ของบิดาว่าได้เข้าทำงานที่ไคเลอร์ คอร์ปอเรชัน กรุ๊ป บริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศในตำแหน่งผู้ช่วยเลขา “พระเจ้า! ผมจะทำยังไงกับคุณดีฮะรียา” อีเดนชาวาบไปทั้งตัวกับข้อเสนอของสาวเจ้าที่ไม่แคร์เยื่อบางๆ ที่เสียไป “ได้โปรด...งานนี้มันสำคัญกับฉันและเพื่อนจริงๆ ค่ะ” มารียายกมือไหว้ขอความเห็นใจอีกครั้ง “คุณจะเอาแบบนี้ใช่ไหม” อีเดนถามย้ำ “ค่ะ” มารียารีบพยักหน้ารับอย่างดีใจที่ตกลงกับอีกฝ่ายได้ “โอเค ผมจะทำตามที่คุณร้องขอภายใต้เงื่อนไขเพียงข้อเดียว” อีเดนบอกก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา “ยะ...ยังไง” มารียาสังหรณ์ใจอย่างบอกไม่ถูกกับคำว่าเงื่อนไขที่เดาว่าคงจะไม่ใช่เรื่องดีแน่ “ไปทำกับข้าวให้ผมทานที่คอนโดทุกๆ เย็นวันเสาร์” “ฮะ! ทะ...ทำไมฉันต้องทำด้วยล่ะ” สาวเจ้าถามอย่างไม่เชื่อหูว่าอีกฝ่ายจะกล้ายื่นข้อเสนอบ้าๆ มาให้ “ก็แลกกันไง คุณเสนอ ผมก็เสนอ” “ฉันนึกว่าเมื่อกี้เราคุยกันเข้าใจแล้วซะอีก” เธอกลอกตาอย่างเซ็งๆ ที่สุดท้ายแล้วคนตรงหน้าก็ไม่ได้เข้าใจอะไรไปมากกว่าเดิม “ผมสัญญาว่าจะไม่ยุ่งกับคุณในที่ทำงานเกินกว่าเจ้านายกับลูกน้อง” คนเจ้าเล่ห์แถมโปรให้อย่างใจดี “ฉัน...” “ก็แค่ทานข้าวกับผมมื้อเดียวต่ออาทิตย์ มันมากไปเหรอรียา” อีเดนเริ่มหงุดหงิดขึ้นมานิดๆ เมื่อเห็นสาวเจ้าทำท่าลังเล “ฉัน...” “โอเค งั้นผมจะไปคุยเรื่องคืนนั้นให้ครอบครัวคุณฟัง ทุกอย่างมันน่าจะง่ายกว่าที่เราต้องมานั่งทำข้อตกลงบ้าๆ กันนะ ว่าไหม?” “ก็ได้ๆ แต่คุณต้องสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรฉันนะ” เธอขอคำมั่นทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะทำได้หรือไม่ “ผมสัญญา แต่ถ้าคุณเริ่มก่อน...” “ไม่มีทาง!” มารียาโพล่งขึ้นทันที “หึๆ ก็ไม่แน่” คนหื่นหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะโลมไล้สายตาไปทั่วร่างบางที่เขาเคยสัมผัสและครอบครองอย่างรู้สึกหวงแหน “ฉันไปได้แล้วใช่ไหม” มารียาถามพลางจ้องมองไปที่ประตูห้องอย่างรู้สึกกลัวว่าคนอื่นจะสงสัย ที่เธอกับเขาอยู่ด้วยกันในห้องนานเกินไป “เดี๋ยว! ตกลงคุณอยากจะเป็นลูกน้อง มากกว่าอยากเป็นเมียของผมแน่นะ” อีเดนถามย้ำอีกครั้งอย่างเต็มไปด้วยความหวังว่าสาวเจ้าจะเปลี่ยนใจ “แน่ที่สุดค่ะท่านประธาน” มารียายิ้มกว้างให้อีกฝ่าย “งั้นก็เริ่มจากการไปชงกาแฟมาให้ผมสักแก้วสิ อ้อ! ขอกาแฟดำไม่ใส่น้ำตาลนะ” อีเดนจ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้มครู่หนึ่งก่อนจะเดินไปยังโต๊ะทำงาน ขณะที่ความคิดเป็นร้อยเป็นพันกำลังโลดแล่นอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ เมื่อนึกไปถึงอาหารมื้อค่ำของคืนวันเสาร์ที่กำลังจะมาถึง “ค่ะบอส” มารียาเช็กความเรียบร้อยของเสื้อผ้า ก่อนจะรีบเดินออกห้องไป 
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม