ฉับพลันก็มีสุนัขตัวใหญ่วิ่งเข้ามาหาหานชางเหยียนพร้อมกับเด็กหนุ่มอายุราวสิบสี่สิบห้าผู้หนึ่งที่แต่งกายด้วยชุดทหารของแคว้นลู่ แต่ว่าเป็นคนที่เมิ่งสืออีไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน
"หัวหน้า ข้าพบท่านแล้วข้าพบท่านแล้ว เพราะฝนตกทำให้กลิ่นของท่านหายไปยากแก่การติดตามข้าขอโทษ อ๊ะ หัวหน้าท่านได้รับบาดเจ็บ"
หานชางเหยียนบัดนี้ไม่มีแรงแม้จะตอบคำ และพร้อมที่จะทิ้งร่างลงบนพื้นตลอดเวลา
"หัวหน้า!"
เด็กหนุ่มไม่ได้สนใจเมิ่งสืออีรีบเข้ามาประคองหัวหน้าของตนเองขึ้นรถม้าเมิ่งสืออีตามขึ้นมาในรถ
เมื่อเห็นเขาชัดเจนจากแสงตะเกียงในรถม้าเช่นนี้ก็ทำให้นางตกใจยิ่งนักเพราะใบหน้าของหานชางเหยียนนั้นขาวเหมือนคนตายและเสื้อผ้าของเขาแม้ไม่ได้เปียกฝนแต่กลับเปียกชุ่มไปด้วยเลือดที่ไม่รู้ว่าเป็นเลือดของผู้ใดบ้าง
เด็กหนุ่มเองก็ดูตื่นตระหนกไม่ใช่น้อย เมิ่งสืออีจึงเอ่ยว่า
"เขาถูกธนูอาบยาพิษยิงเข้าไปที่ไหล่ แต่ข้าให้ยาถอนพิษแก่เขาแล้ว ยาของข้าเป็นยาวิเศษถอนพิษได้สารพัดเจ้าไม่ต้องห่วง"
เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองนาง จากนั้นจึงเผยรอยยิ้มงดงามคงเพราะเขายังโตไม่เต็มที่ใบหน้านี้จึงงดงามมากกว่าหล่อเหลา เขาประสานมือมองนางด้วยสายตาซาบซึ้งใจ
"ขอบคุณพี่สาวที่ช่วยหัวหน้าของข้าเอาไว้ แต่ข้าทำแผลไม่เป็นท่านจะช่วยเขาทำแผลหรือไม่ ข้าจะออกไปขับรถม้าพวกเราต้องรีบไปจากที่นี่ ยาและผ้าพันแผลอยู่ตรงนี้ อ้ะ อยู่ตรงไหนนะ"
เด็กหนุ่มค้นข้าวของในรถม้าครู่หนึ่งก่อนจะส่งให้นาง เมิ่งสืออีรับมามือของนางยังสั่นด้วยความหนาว
"อ้อ พี่สาวคงเป็นฮูหยินของหัวหน้า เช่นนั้นก็ช่วยเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยนะขอรับ ส่วนท่านก็ถอดเสื้อผ้าพวกนี้ออกเถิด เปียกหมดแล้วไม่ต้องห่วงข้าเป็นลูกน้องที่ซื่อสัตย์ ท่านคือฮูหยินของหัวหน้าก็คือหัวหน้าของข้าด้วย ข้าจะปกป้องท่านด้วยชีวิต"
เมิ่งสืออียอมรับว่ารู้สึกซาบซึ้งใจเช่นกัน เด็กหนุ่มคนนี้บอกจะปกป้องนางด้วยชีวิตแต่หัวหน้าของเขากลับพาอนุหนีไปอย่างไร้เยื่อใย และหากนางไม่เดินมาจนถึงที่นี่เขาอาจจะลืมไปแล้วก็เป็นได้ว่าได้ทิ้งสตรีนางหนึ่งเอาไว้ในป่า
ว่าแต่ว่าอนุของเขาหายไปที่ใดกัน
"น้องชาย เดี๋ยวก่อน"
"พี่สาวพวกเราไม่อาจช้าได้ ค่อยคุยกันนะขอรับ"
แม้ว่าเมิ่งสืออียังมีเรื่องอยากถาม แต่เด็กหนุ่มไม่ฟังนางเขารีบออกไปขับรถม้าอย่างรวดเร็ว เมิ่งสืออีจึงได้แต่หันมามองหานชางเหยียนพร้อมกับถอนหายใจยาวออกมา
ฝนยังตกหนักแต่รถม้าก็ค่อย ๆ เคลื่อนตัว นางมีเรื่องสงสัยมากมายแต่คงต้องรีบช่วยหานชางเหยียนเสียก่อน
เมิ่งสืออีใบหน้าแดงก่ำหลังจากถอดเสื้อผ้าของเขาออกจนเหลือเพียงกางเกงตัวในตัวเดียว ร่างกายของหานชางเหยียนร้อนมากราวกับทะเลเพลิง แต่ร่างของนางกลับเย็นยิ่งกว่าก้อนน้ำแข็ง
ในนี้ไม่ได้มีเสื้อผ้าให้เปลี่ยนแต่มีผ้าห่มอยู่หนึ่งผืนที่พอช่วยคลายหนาวได้
เมิ่งสืออีไม่มีทางเลือกในที่สุดนางก็จำเป็นต้องถอดเสื้อผ้าที่เปียกชื้นของตนเองออกจนหมดก่อนจะหนาวตาย นางห่มผ้าห่มปิดบังเนื้อขาวเนียนของตนเองแต่ความหนาวกลับไม่บรรเทาลงเลยแม้แต่น้อย กระนั้นก็ยังฝืนทนทำแผลให้หานชางเหยียน
เมิ่งสืออีพอมีวิชาแพทย์อยู่บ้างเพราะเคยช่วยท่านแม่ดูแลทหารที่บาดเจ็บจากสงครามอยู่หลายครั้ง แม้ว่าแผลของหานชางเหยียนจะลึกเพราะหานชางเหยียนใช้มีดคว้านลูกดอกธนูออกมาแต่นางก็ยังสามารถเย็บแผลได้อย่างเรียบร้อยราวกับท่านหมอเทวดาผู้หนึ่ง
แน่นอนว่านางมีฝีมือในการปักเย็บไม่ว่าจะแผลแบบใดนางก็ทำให้งดงามได้ทั้งนั้น
ร่างกายของหานชางเหยียนยังร้อนอย่างน่าตกใจ คงเป็นเพราะไอเย็นที่แผ่ออกจากร่างของนาง มือแข็งแรงคู่นั้นจึงรั้งร่างของนางไปกอดเอาไว้แนบแน่น หัวใจของเมิ่งสืออีเต้นระรัวนางขยับตัวหนีแต่เขากลับเอ่ยว่า
"เจ้าเป็นฮูหยินของข้า"
นางอยากจะถามเขานักว่าไม่รังเกียจนางแล้วหรือ แต่ตอนนี้คนป่วยดูเหมือนจะหลับสบายไปแล้วหลังจากได้กอดตระกองร่างอันเย็นชื้นของนาง ส่วนนางเองก็ค่อย ๆ รู้สึกว่าร่างกายอบอุ่นขึ้น แม้ว่าเมิ่งสืออีจะพยายามฝืนตนเองเพียงใดแต่คงเป็นเพราะนางเหนื่อยมากเกินไปในที่สุดนางก็นอนหลับทั้ง ๆ ที่ร่างกายเปล่าเปลือยในอ้อมกอดของเขา
รุ่งเช้าวันต่อมาเมิ่งสืออีตื่นขึ้นและพบว่าตนเองบัดนี้ถูกบุรุษผู้หนึ่งกักเอาไว้ใต้ร่างของเขา นางเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เมื่อได้ยินเขากล่าวว่า
"ในเมื่อลงทุนถึงเพียงนี้ ข้าจะตอบแทนเจ้าสักหน อย่างไรข้าก็เป็นบุรุษเห็นร่างกายขาว ๆ นุ่มนิ่มของเจ้าข้าก็ย่อมทนไม่ไหว ได้...เช่นนี้พวกเราก็เป็นสามีภรรยากันอย่างที่เจ้าต้องการ ถือว่าข้าตอบแทนเจ้าที่ช่วยชีวิตจากนี้จะได้ไม่มีสิ่งใดติดค้างกันอีก"
หานชางเหยียนฟื้นตัวอย่างรวดเร็วและดูแข็งแรงราวกับวัวกับม้า ดวงตาคู่นี้ของเขาเหมือนมีไฟที่พร้อมจะแผดเผาร่างของนางให้มอดไหม้ เมิ่งสืออีส่ายหน้าเมื่อนางเข้าใจโดยพลัน
"ข้าไม่ได้..."
เสียงของนางขาดหายลงไปในลำคอเมื่อถูกเขาช่วงชิงจุมพิตอย่างเร่าร้อน หานชางเหยียนกำลังคิดว่านางยั่วเขา เพราะนางกอดเกยเขาในขณะที่ร่างกายเปล่าเปลือย ถึงอยากจะขัดขืนแต่นางก็ไม่มีเรี่ยวแรงเลยแม้แต่น้อย สัมผัสของเขาทำให้นางไร้เรี่ยวแรงวาจาของเขาทำให้นางหมดกำลังจะต่อต้าน
"เจ้าอยากให้ข้าคุ้มครองบิดามารดา เจ้าอยากมีสถานะเป็นฮูหยินแม่ทัพ ข้าทำเพื่อตอบแทนเจ้า แต่แค่ฐานะเท่านั้น มิใช่ความรัก"
ถ้อยคำของเขาทำให้นางเจ็บช้ำ แต่กระนั้นนางก็ยังถูกสัมผัสของเขายั่วเย้า นางเจ็บไม่พอใช่หรือไม่จึงได้เป็นเช่นนี้ เมิ่งสืออีเกลียดตนเองเหลือทนแล้ว และยิ่งเกลียดเมื่อนางได้พบความจริงที่กำลังตบหน้าอย่างร้ายกาจ...
นางยังคงรักเขาอยู่...แม้ว่าบุรุษผู้นี้จะร้ายกาจกับนางเพียงใดก็ตาม