ตอนที่4 เมียสาวของพรานเฒ่า
ไอ้นาคมาขี่จักรยานยนต์สามล้อมารับยอดชายไปส่งสถานีขนส่งตรงตามเวลาที่ได้นัดหมายกันไว้ ระหว่างทางมันซักไซ้ถึงเรื่องสาวๆ ที่ทางโรงแรมจัดให้ยอดชายว่าบริการได้เด็ดดวงขนาดไหนจนยอดชายชักสีหน้ารำคาญใส่ความสอดรู้ของมัน และตอบตัดความรำคาญส่งๆ ไป จันแรมอยู่เป็นเพื่อนเขาตลอดทั้งคืนจนรุ่งสางหล่อนถึงขอตัวกลับออกไปพักผ่อน คืนนั้นเขาร่วมรักกับหล่อนหลายยก ราวกับไปตายอดตายอยากมานานแสนนาน ก่อนจากกันยอดชายยังตกปากรับคำแม่สาวจันแรมเอาไว้เป็นมั่นเป็นเหมาะว่าก่อนกลับกรุงเทพฯ เขาจะแวะมาหาความสุขกับหล่อนอีก
รถประจำทางจากสถานีขนส่งในเมืองไปยังบุ่งคล้าเป็นรถบัสสีเหลืองสภาพเก่าคร่ำครึ มีพัดลมเพดานพอได้คลายร้อน บรรยากาศสองข้างทางที่แปลกตาเต็มไปด้วยต้นไม้ ไร่ยาสูบและทิวเขาสีเขียวบ่งบอกวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นทำให้ลืมเรื่องต่างๆ ที่ทุกข์ใจไปได้มากโข ใช้เวลานั่งรถบัสสามชั่วโมงเศษเขาก็มาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งเป็นต้นทางขึ้นเขา จากหมู่บ้านแห่งนี้ยอดชายต้องว่าจ้างรถของชาวบ้านเข้าไปอีกสองชั่วโมงจึงถึงหมู่บ้านของพรานคม
บ้านของพรานคมเป็นบ้านไม้ยกสูงพื้นบ้านและผนังบ้านทำจากไม้ไผ่ขัดแตะหลังคามุงด้วยหญ้าแฝก บ้านของชาวบ้านอื่นๆ ส่วนใหญ่ก็ปลูกสร้างในลักษณะเดียวกันคือเป็นบ้านยกสูง เนื่องจากหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ชายป่า วันดีคืนดีก็มีสัตว์ป่าออกมาหากินแอบจับสัตว์เลี้ยงของพวกชาวบ้านกินอยู่เสมอ
“พรานคมครับ พรานคม”
ยอดชายตะโกนเรียกเจ้าของบ้านเมื่อเดินมาถึงหน้าบ้านของพรานคมซึ่งปลูกสร้างอยู่ห่างจากบ้านหลังอื่นไกลพอสมควร
“ใครวะมาตะโกนเรียกกู” เจ้าของบ้านเดินกระโผลกกระเผลกออกมาหน้าบ้าน พรานคมเป็นชายตัวสูง หน้าตาดุดัน ผิวดำแดง ผมขาวโผลนไปทั้งหัว
“ฉันเองพรานคม”
“นายยอด” พรานเฒ่ายิ้มเผล่
“นายมาได้ยังไงครับเนี่ย มาๆ ครับขึ้นเรือนมากินน้ำกินท่าก่อน” พรานคมจัดหาน้ำท่าพร้อมกับเหล้าปาาขวดใหญ่มาวางต้อนรับขับสู้ยอดชายเป็นอย่างดี
“ฉันมาคราวนี้อยากจะชวนพรานคมเข้าป่าเหมือนครั้งก่อน” ยอดชายบอกจุดประสงค์ของเขา ทว่าคนฟังกลับมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเป็นเศร้า
“เห็นทีว่าผมคงไปเข้าป่ากับนายไม่ได้แล้วล่ะครับ ร่างกายของผมมันไม่เหมือนก่อนแล้ว” พรานคมพูดพลางถกขากางเกงขึ้นเผยให้เห็นว่าขาข้างหนึ่งของพรานเฒ่าเป็นขาเทียม
“เกิดอะไรขึ้นครับพรานคม”
พรานคมถอนหายใจ หยิบกล่องยาสูบออกมามวนด้วยใบตองแห้งแล้วจุดสูบ
“เรื่องมันยาวครับนาย แต่ถ้านายอยู่ที่นี่นานสักหน่อยผมจะเล่าให้ฟัง”
“ฉันก็ตั้งใจเอาไว้แบบนั้นแหละครับพราน”
“กลับมาแล้วจ้ะลุง อ้าว มีแขกหรอกหรือจ้ะ”
หญิงสาวคนหนึ่งหน้าตาสะสวยยืนมองยอดชายและพรานคมอยู่ตีนบันได มือข้างหนึ่งของเธอถือชิ้นส่วนของสัตว์ชนิดหนึ่งเอาไว้ในขณะที่บ่าบอบบางสะพายปืนลูกซอง ท่าทางของเธอคล่องแคล่วทะมัดทะแมง
“ขึ้นมาสินารี นี่นายยอดคนที่เคยช่วยชีวิตกูเอาไว้ จำได้ไหมผู้มีบุญคุณที่กูเคยเล่าให้มึงฟังบ่อยๆ” พรานเฒ่าบอกหญิงสาว
“จำได้จ้ะ ลุงพูดวันละสามรอบ จำไม่ได้ก็แปลก”
“บร๊ะนังนี่มาถึงก็กวนเลยนะ” พรานคมพูดกลั้วหัวเราะ
“สวัสดีจ้ะนาย”
“สวัสดีครับ”
ยอดชายยกมือรับไหว้อย่างงงๆ เพราะไม่เคยเห็นหน้าคร่าตาผู้หญิงคนนี้มาก่อน
“วันนี้เข้าป่าล่าได้หมูป่ามาแล่แล้วแบ่งกันได้ชิ้นโตเลย เดี๋ยวฉันจะแกงเผ็ดให้แกล้มกับเหล้าป่านะจ้ะ ลุงกับนายนานๆ มาเจอกันคงต้องมีดื่มกันเมาหัวทิ่มแน่”
“เออ ความคิดเข้าท่าๆ แต่ก่อนอื่นเอ็งไปซื้อเหล้าป่าที่บ้านอีผิวมาให้กูก่อน ขวดนี้มันเหลือนิดเดียว”
“ได้จ้ะ” หญิงสาวเดินเอาหมูป่าไปวางไว้ในครัวแล้วเดินลงบันไดไป
“คืนนี้ก็นอนพักซะที่นี่แหละนาย ที่หลับที่นอนมีเยอะแยะ”
“ได้ครับพราน ว่าแต่ผู้หญิงคนเมื่อกี้”
ยอดชายมองตามหลังหญิงสาวไป
“อ้อ มันชื่อนารี เป็นเมียผมเอง”
พรานคมอัดยาสูบเข้าปอดแล้วพ่นออกมาควันโขมง
“เมียพรานคมงั้นหรอครับ นี่พรานมีเมียทั้งสาวทั้งสวยเลยนะไม่ธรรมดาๆ”
ยอดชายพูดออกมาเหมือนไม่อยากจะเชื่อ คำนวณด้วยสายตาแล้วอายุอานามของแม่สาวชาวป่าเมื่อสักครู่อายุน่าจะห่างกับพรานคมเกินสองรอบเป็นแน่ แถมยังหน้าตาสะสวยผิดกับชาวบ้านทั่วไปอีก ถ้าเขาตาไม่ฝาดตอนที่เธอถอดผ้าโพกหัวออกเหมือนเธอจะมีผมสีแดงต่างจากผู้หญิงชาวบ้านคนอื่นอีกด้วย
“เฮ้อ… มันคงเป็นเวรกรรมของผมเองแหละครับนายที่เคยทำเอาไว้มันสนองคือให้ เรื่องมันเป็นแบบนี้ครับนาย…”