ป้องเขตเกลียดการถูกยัดเยียด และเมื่อนางรู้ว่าเขาตั้งป้อมรังเกียจที่จะทำความรู้จักหญิงสาว นางก็จะทำให้เขารู้สึกดีกับเธอโดยที่ไม่บอกข้อมูลใดๆ
“เธอชื่อว่า ตลา” มารดาย้ำ มองหน้าลูกชายเป็นเชิงตำหนิ
“จะชื่ออะไรก็ช่าง ผมไม่อยากรู้จัก”
“แต่ป้องก็ต้องทำให้เธอท้อง และมีหลานให้แม่ตามคำสัญญา”
“ฮึ!” ชายหนุ่มแค่นเสียงเยาะในลำคอ เมื่อนึกถึงนามสกุลเก่าแก่ของตัวเองและทรัพย์สมบัติมูลค่ามหาศาลของมารดา มันคงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้หญิงพวกนั้นวิ่งแจ้นอยากมาเป็นแม่พันธุ์ลูกของเขาโดยที่ยังไม่รู้จักเขาด้วยซ้ำ
“แม่พันธุ์เป็นสัดแล้วเหรอครับ”
ประโยคที่หลุดออกมาจากปากของชายหนุ่มทำให้นางวรากุลหันกลับไปจ้องมองหน้าลูกชายด้วยความไม่พอใจ ในแววตาไม่สามารถซุกซ่อนความรู้สึกข้างในเอาไว้
“แม่ไม่นึกว่าคำพวกนี้มันจะหลุดออกมาจากปากข้าราชการระดับสูงที่มีตำแหน่งหน้าที่การงานดีอย่างป้องนะ ถ้าไม่ให้เกียรติเธอ ก็เหมือนไม่ให้เกียรติแม่ด้วย เพราะแม่เป็นคนเลือกคนที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมที่จะเป็นแม่ของหลานของแม่”
“ถึงแม้ว่าคุณแม่จะบังคับให้ผมทำในสิ่งที่คุณแม่ต้องการได้ แต่คุณแม่ก็ไม่สามารถบังคับความรู้สึกและความคิดของผมได้นะครับ” เขาปิดหนังสือวางลงบนโต๊ะ และขยับลุกขึ้นจากเก้าอี้
“ผมขอตัวนะครับคุณแม่” เขาเอ่ยปากบอกกับมารดาและก้าวออกไปโดยไม่รอคำตอบจากนาง
นางวรากุลมองตามแผ่นหลังลูกชายด้วยแววตาติดกังวล หากแต่ยังหลงเหลือประกายแห่งความหวังเอาไว้ นางรู้ดีว่าเขาเกลียดการถูกยัดเยียดด้วยความไร้เหตุผลเป็นที่สุด เหตุผลนี้ทำให้เขามีความรู้สึกต่อต้านและสร้างกำแพงขึ้นมา และเมื่อมีกำแพง นางจะไม่มีวันใช้ค้อนอันแข็งแกร่งทุบทลายกำแพงอันหนาทึบของเขา เพราะถ้าทำอย่างนั้น เรี่ยวแรงและพลังงานของนางจะไม่มีวันชนะเขาได้เลย
หากแต่นางจะใช้สายน้ำแทรกซึมค่อยๆ ทลายกำแพงไปอย่างช้าๆ โดยที่กำแพงหนาทึบจะไม่มีวันรู้ตัวว่ามีน้ำเข้าไปอยู่ในตัวกำแพงและพร้อมที่จะกัดกร่อนให้กำแพงพังทลายลง
แววตาของนางมีความหวังมากขึ้นเมื่อนึกถึงสายน้ำเย็นฉ่ำ หญิงสาวรูปร่างเล็ก ผิวเนียนละเอียด ดวงตากลมโต รอยยิ้มของเธอหวานละมุนเหมือนอาชีพที่เธอทำ นางเชื่อว่าป้องเขตจะตกหลุมรักเธอได้ไม่ยากหากได้สัมผัสตัวตนของศกุนตลา
ผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งมายืนอยู่ในร้านขนมไทยศกุนตลาในเวลาต่อมา วันนี้เขาสังเกตว่าพนักงานหลายคนกำลังวุ่นอยู่กับการเตรียมขนม ในขณะที่สายตาของเขากลับกวาดไปรอบๆ และมองหาหญิงสาวหน้าหวานร่างเล็กคนเมื่อวาน
“สวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะ” เสียงกล่าวทักทายอ่อนหวานทำให้ริมฝีปากของชายหนุ่มยกขึ้นทันที พร้อมกับหมุนตัวหันกลับมาหาเจ้าของเสียง
หญิงสาวใบหน้าอ่อนเยาว์ส่งยิ้มละมุน บนคอของเธอยังมีผ้ากันเปื้อนสีชมพูลายเดียวกันกับเมื่อวาน หากแต่เจ้าของใบหน้ากลับไม่ใช่คนเดิม รอยยิ้มของชายหนุ่มเจื่อนไปเมื่อพบว่าไม่ใช่รอยยิ้มที่เขาอยากเจอ
“ผมมารับขนมที่คุณวรากุลสั่งไว้ครับ”
“อ้อค่ะ...” หญิงสาวพยักหน้าและอุทานออกมา เธอเดินไปหยิบถุงขนมที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้มาส่งให้ชายหนุ่ม
“พนักงานในร้านมีหลายคนเหมือนกันนะครับ เมื่อวานผมมาเจออีกคน” ชายหนุ่มอยากถามหาหญิงสาวคนเมื่อวาน แต่เขาก็เลือกที่จะถามเลี่ยง
“มีหลายคนค่ะ ไม่เจอคนเก่าเพราะส่วนมากก็จะเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยที่มาทำงานหารายได้เสริม เหมือนหนูเองก็มาทำงานแค่วันเสาร์กับอาทิตย์ บางคนก็จะมาทำงานในช่วงบ่าย หรือใครว่างช่วงเช้าก็จะมาในช่วงเช้าสลับหมุนเวียนกัน มีคนที่อยู่ประจำแค่ไม่กี่คนค่ะ” หญิงสาวอธิบายอย่างเป็นกันเองเมื่ออีกฝ่ายชวนคุย
“อย่างนั้นหรือ น่าชื่นชม รู้จักหารายได้ช่วยผู้ปกครอง” ชายหนุ่มบอกอย่างชื่นชมจากใจจริง และถามถึงขนมที่เขาต้องการต่อ เพราะยังติดใจในรสชาติความหอมหวาน
“วันนี้มีขนมลืมกลืนกับขนมชั้นกลีบกุหลาบหรือเปล่า”
“วันนี้มีงานออกร้านที่เทศบาลค่ะ มีแค่ขนมที่สั่ง เพราะพนักงานของร้านบางส่วนจะต้องไปประจำที่บูธ และที่ร้านไม่ทำขนมค้างคืนไว้ ขนมลืมกลืนกับ ขนมชั้นเป็นเมนูที่มีในตารางของวันจันทร์ พุธ ศุกร์ค่ะ” หญิงสาวตอบกลับอย่างสุภาพ
ลูกค้าขาประจำที่ร้านมักจะทราบดีว่าที่ร้านจะมีขนมสับเปลี่ยนหมุนเวียนกัน และมีเมนูพิเศษประจำวัน ลูกค้าหลายคนจะทราบตารางการทำขนมของร้าน และรู้ว่าควรจะมาวันไหนหากอยากรับประทานขนมที่ตัวเองชื่นชอบเป็นพิเศษ
“ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มบอกขอบคุณ แต่สายตายังมองหาหญิงสาวคนเมื่อวาน
“คุณกำลังมองหาใครอยู่หรือเปล่าคะ” หญิงสาวถาม เมื่อเห็นว่าอีกคนเหมือนกำลังมองหาอะไรสักอย่าง
“เปล่าครับ ทั้งหมดนี้ราคาเท่าไหร่”
“คุณวรากุลชำระเอาไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ คุณอยากจะรับขนมอะไรเพิ่มหรือเปล่าคะ” พนักงานสาวตอบชายหนุ่มและถามกลับ
“ไว้ผมมาใหม่ดีกว่าครับ” ชายหนุ่มบอกหญิงสาว ในขณะที่สายตาก็มองหาอีกคน ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเธอไม่ได้อยู่ตรงนั้นแน่นอน
จากการบอกเล่าของหญิงสาวที่อยู่ในร้านทำให้เขาคิดไปว่าเธอน่าจะเป็นพนักงานที่ทำงานแค่ในช่วงวันหยุด เขาเองก็ไม่เข้าใจความรู้สึกที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ไม่รู้ว่าทำไมรอยยิ้มของเธอยังตราตรึงวนเวียนอยู่ในหัวไม่หยุด
ชายหนุ่มพยายามหยุดความคิดของตัวเอง หรือเขาเป็นโคแก่ที่อยากจะลิ้มลองหญ้าอ่อน แม้ตอนนี้จะสันนิษฐานว่าเธอเป็นนักศึกษา อายุคงจะห่างกันเกือบยี่สิบปี เขาเพิ่งรู้ว่ามันเป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถสลัดหลุด นี่เขากำลังหลงรักเด็กจนหลุดสเปกที่ตัวเองสร้างไว้มากจริงๆ หรือ
ผ่านไปหลายวันใบหน้าหวานยังวนเวียนอยู่ในความรู้สึก แม้เขาจะใช้ความพยายามมากเท่าไหร่ แต่มันก็ยิ่งตราตรึงให้คิดถึงอยู่ร่ำไป หัวใจเรียกร้อง ขนมหวานเหมือนเส้นเลือดกำลังขาดน้ำตาลไปชั่วขณะ
ชายหนุ่มพับหน้าจอแล็ปท็อปบนโต๊ะทำงานลงหลังจากที่เขาปิดเครื่องเรียบร้อย หลังจากนั้นเขาก็ยืดตัวพิงพนักและยืดแขนขึ้นเหนือศีรษะ บิดไปทางซ้ายและขวาสลับกันเพื่อขับไล่ความเมื่อยขบจากการนั่งติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ตอนนี้ก็เลยเวลาทำงานในเวลาปกติมาหลายชั่วโมง
“เหมือนจะแก่ขึ้นแฮะ ปวดเมื่อยไปทั้งตัว ขยับทีกระดูกกรุบกรอบเป็นแคบหมูทีเดียว” ชายหนุ่มบ่นกับตัวเองติดตลกเบาๆ เมื่อได้ยินเสียงกระดูกของตัวเองดังตอนเหยียดตัว
เขามักจะทำงานดึกในช่วงพักหลังจึงพักที่บ้านในกรุงเทพฯ มากกว่าจะขับรถกลับบ้านของมารดาที่เมืองนนท์ นับเวลาจากตอนนี้ก็เหลือเวลาอีกไม่นานที่เขาต้องบินไปรับตำแหน่งที่เยอรมนี เขารู้สึกโล่งอกขึ้นมาเล็กน้อยเพราะมารดาของเขาไม่เคยพูดถึงเรื่องนั้นอีกเลย แต่เขาก็เตรียมทางออกของตัวเองเอาไว้แล้วว่าจะมีหลานให้มารดาได้อย่างไร
วันสุดท้ายของการทำงานในสัปดาห์ ชายหนุ่มกำลังคิดว่าพรุ่งนี้เช้าเขาจะขับรถกลับไปบ้านที่เมืองนนท์ เกือบสัปดาห์แล้วที่เขาไม่ได้กลับไปที่นั่น
รอยยิ้มของหญิงสาวที่ร้านขนมไทยร้านนั้นกลับตราตรึงอยู่ในห้วงความรู้สึกของชายหนุ่ม แม้ว่าเขาจะไม่มีโอกาสได้เจอเธออีกเลยก็ตาม
ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหามารดา เพียงไม่นานปลายสายก็กรอกเสียงตอบกลับ
“คุณแม่อยากจะทานอะไรที่เยาวราชไหมครับ พรุ่งนี้ผมจะกลับบ้านเมืองนนท์” ทันทีที่ได้ยินเสียงมารดาตอบรับเขาก็ถามขึ้นทันที เพราะรู้ว่ามารดาชื่นชอบอาหารจีนเป็นพิเศษ โดยเฉพาะที่เยาวราชมีร้านดังที่มารดาชื่นชอบอยู่หลายร้าน
“ไม่เป็นไรดีกว่า ช่วงนี้แม่มีกินเลี้ยงอาหารจีนบ่อย” คนเป็นมารดาตอบกลับ
“หูฉลามไหมครับ ซื้อเก็บไว้พรุ่งนี้ก็ได้นะครับ” ชายหนุ่มยังยื่นข้อเสนอต่อ
“แค่ป้องกลับมาแม่ก็ดีใจแล้วล่ะ”
“โอเคครับคุณแม่ แล้วเจอกันนะครับ” ชายหนุ่มบอกมารดาประโยคสุดท้ายก่อนจะวางสาย เก็บของใช้ส่วนตัวลงในกระเป๋าทำงานของตัวเองและถือเดินออกมานอกห้อง