Chapter 2
ณ บ้านพักผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยประจำสำนักงานแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี
ระเบียงบ้านที่ทอดออกจากที่พักในคืนเดือนแรม ท่ามกลางอากาศหนาวที่หมอกหนาเริ่มปกคลุม ความเย็นยะเยือกปกคลุมผิวกาย ถ้าเป็นในพื้นที่ชนบทที่ไม่มีแสงสว่างมากคงจะมองเห็นหมู่ดาวที่แข่งกันเปล่งประกายอวดแสง ชายหนุ่มยกผ้าเช็ดหน้าผืนเก่าขึ้นมามองพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆ
เขากำลังคิดถึงรอยยิ้มหวานละมุน คิดถึงดวงตาใสคู่สวย และที่มากไปกว่านั้นเขากำลังคิดถึงขนมไทยกลิ่นหอม และร้านที่อบอวลไปด้วยกลิ่นของใบเตยและดอกมะลิ แม้ว่าเวลาจะผ่านมาหลายเดือนแล้วก็ตาม
ผ้าเช็ดหน้าผืนที่อยู่ในมือเปรียบเสมือนของแทนใจ เขาไม่รู้แม้กระทั่งว่าเธอเป็นใคร และชื่ออะไร แต่ความรู้สึกในวันนั้นกลับตราตรึงจนไม่สามารถสลัดหลุดออกไปได้ เขาแอบคิดเล่นๆ ถ้าหากว่าเธอเป็นผู้หญิงที่เขาจะต้องแต่งงานด้วย เขาจะไม่ลังเลสักนิดที่จะรับผู้หญิงบุคลิกแบบนั้นมาเป็นภรรยา
แม้ว่าที่ผ่านมา... ผู้หญิงในอุดมคติที่จะเป็นคู่ครองของเขาจะต้องเป็นผู้หญิงเก่ง สามารถเป็นที่เชิดหน้าชูตาของสามีได้ แต่เมื่อเขาเจอเธอ ผู้หญิงในแบบที่เธอเป็นทำให้เขาไม่รู้สึกเบื่อที่จะมองและคิดถึงได้ตลอดเวลา
ความจริงที่เขาไม่รู้ว่าทุกอย่างเป็นเพียงเส้นผมบังภูเขา หากเขาไม่ให้ความโกรธอยู่เหนือเหตุผล เขาคงจะได้พบความสุขและไม่ได้อยู่อย่างเงียบเหงาแบบนี้
รอยยิ้มของเธอทลายกำแพงหัวใจที่แน่นหนามืดทึบของเขาให้กลับมา สดชื่นมีชีวิตชีวา เหมือนดอกหญ้าแห้งแล้งกลางผืนดินหยาบกร้านได้รับไอฝน ให้กลับมาออกดอกอวดก้านชูช่อสวยงามอีกครั้ง
ตลอดระยะเวลาหลายปีที่เขาต้องทำงานในต่างประเทศเขายึดถือคำว่าหน้าที่ ตั้งมั่น และทุ่มเทที่จะปฏิบัติงาน ไม่เคยคิดว่าจะมีครอบครัว แม้กระทั่งในบางครั้งเขาแทบลืมนึกถึงเมืองไทยด้วยซ้ำ เพราะที่เมืองไทยเขามีเพียงแค่มารดา นางมีคนที่ดูแลแทนเขาโดยไม่ต้องห่วงกังวล และทุกครั้งที่คิดถึงลูก นางมักจะบินมาหาเอง
แต่ครั้งนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป เขากำลังรู้สึกผิดในการกระทำของตัวเอง แม้ว่านายแพทย์ธนานนท์เพื่อนสนิทของเขาแจ้งรายละเอียดให้ทราบว่าผู้หญิงคนนั้นเข้ามารับการตรวจและถูกฉีดตัวอ่อนเข้าไปฝังตัวในโพรงมดลูกเป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่สามเดือนที่ผ่านมา อีกทั้งยังบอกว่ามารดาของเขายิ้มแย้มแจ่มใสปกติดี ไม่มีเรื่องที่ต้องกังวล แต่เมื่อได้ยินแบบนี้เขากลับยิ่งกังวล เพราะหลังจากวันนั้นก็แทบจะขาดการติดต่อจากมารดา
นางวรากุลใส่ใจลูกชายน้อยลง ไม่อยากที่จะสนทนา ไม่อยากที่จะบินมาเยี่ยมที่พักใหม่และที่ทำงานใหม่ของเขาเหมือนอย่างปกติ ถึงแม้ว่าเขาจะวิดีโอคอลกลับไป นางก็ดูไม่สนใจที่จะสนทนา
หญิงสาวร่างเล็กในชุดกระโปรงยาวพลิ้วสีพาสเทลก้าวเดินเข้าไปในแผนกสูตินรีเวชของโรงพยาบาลชื่อดัง วันนี้เธอมีนัดฝากครรภ์ครั้งแรกกับนายแพทย์ธนานนท์ บวรกิจ หลังจากที่ได้รับข่าวดีว่าตัวอ่อนสามารถฝังตัวในโพรงมดลูกได้ แม้ว่านายแพทย์หนุ่มจะสั่งให้เธอปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด แต่เมื่อเธอลุกไหวและไม่มีอาการแพ้ท้องมาก หญิงสาวก็ยังแอบดื้อช่วยงานเด็กในร้าน
ศกุนตลามีอาการแพ้ท้องหนักจนไม่สามารถรับประทานอะไรได้ จนกระทั่งถึงตอนนี้น้ำหนักตัวของเธอลดลงหลายกิโลกรัม แม้ว่าอายุครรภ์จะมากขึ้นทุกวันก็ตาม
วันนี้ทารกในครรภ์ของเธอมีอายุครบสิบสี่สัปดาห์เต็ม แม้ว่าเธอกำลังก้าวเข้าสู่การเป็นคุณแม่ แต่เธอก็อายทุกครั้งที่ต้องมาพบแพทย์
หลังจากใช้เวลาสักพักเพื่อรอผลตรวจ แล้วผลที่ออกมาเป็นข่าวดีที่สุดสำหรับคนเป็นแม่ ทารกในครรภ์แข็งแรงปลอดภัย ศกุนตลาขอกับนางวรากุลทำ ลูกแฝดเพราะอยากเลี้ยงลูกอีกคนเอง ด้วยความใส่ใจของนางวรากุลที่ได้เห็น แววตาเศร้าสร้อยและเห็นอกเห็นใจเธอ นางจึงยอมอนุญาตอย่างไม่ลังเล ตอนนี้มีหัวใจสองดวงอยู่ในร่างกายของเธอ
นางวรากุลได้แต่หวังลึกๆ ว่าเด็กทั้งสองคนจะเป็นโซ่ทองที่จะรั้งศกุนตลากับป้องเขตเอาไว้ด้วยกัน แต่ถึงจะไม่เป็นอย่างนั้นก็ขอให้ลูกอีกคนอยู่กับหญิงสาว เธอคงเจ็บปวดไม่น้อยที่ต้องโดนตัดสายสัมพันธ์พรากลูกไปจากอก ทั้งที่เธอทนเจ็บปวดอุ้มท้องฟูมฟักมานานนับปี ส่วนตัวนางเองก็รักและเอ็นดูศกุนตลาเหมือนลูกแท้ๆ
ณ บ้านริมคลอง นางวรากุลทอดสายตามองไปตามสายน้ำที่คดเคี้ยว ริ้วรอยแห่งความยินดีเกิดขึ้นในแววตา หลังจากที่ศกุนตลาโทรมาแจ้งรายละเอียดการฝากครรภ์ครั้งแรกของเธอ เธอตั้งท้องลูกฝาแฝดและเด็กในครรภ์สมบูรณ์แข็งแรง
ริมฝีปากของนางคลี่ยิ้มออกมา และมันก็จางหายและหุบลงเมื่อนึกถึงเรื่องราวเมื่อเจ็ดเดือนก่อน ต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมด
มืออันเหี่ยวย่นถือจดหมายและมองมันด้วยแววตาสั่นระริก สลับกับมองที่หน้ารั้วประตูบ้าน เฝ้ารอคอยการกลับมาของผู้ชายเจ้าของชื่อในจดหมายฉบับนี้
เวลาล่วงเลยจากเย็นมาจนเกือบดึกที่นางยังนั่งอยู่ตรงนั้น ในขณะที่มือก็ยังไม่วางจดหมายฉบับนั้นลง เพราะเขาไม่ได้แจ้งเอาไว้ก่อนว่ามีงานเลี้ยงหรือต้องกลับดึก
ความปวดร้าวในสายตายิ่งเพิ่มมากขึ้นเมื่อนึกถึงสิ่งที่นางเพิ่งขอร้องเจ้าของชื่อในจดหมาย และเขาก็สัญญาเอาไว้อย่างดี แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่าทุกสิ่งจะกลับตาลปัตร ที่สำคัญที่สุดคือนางมารู้โดยบังเอิญ
เบนซ์สปอร์ตสีดำสนิทขับมาจอดหน้ารั้วบ้าน ในขณะที่ประตูอัลลอยก็ค่อยๆ เลื่อนเปิดจากรีโมตคอนโทรลที่อยู่หน้ารถของเขา ก่อนที่รถคันนั้นจะพุ่งทะยานเข้ามาในบ้านด้วยความเร็ว แต่เสียงเครื่องยนต์กลับเงียบสนิท
แชนเดอเลียร์ส่องแสงสลัว ในบ้านมีเพียงห้องรับแขกที่ยังเปิดไฟเอาไว้ ในขณะที่นางวรากุลนั่งอยู่บนโซฟาหลุยส์ ลำคอของนางยังคงเชิด หลังยังตรงเหยียดอย่างสง่าแม้จะผ่านการนั่งมาหลายชั่วโมง
ป้องเขตกลับมาประจำการที่เมืองไทยยังไม่ถึงปี แต่ด้วยอาชีพและตำแหน่งของเขาต้องย้ายไปประจำการที่ต่างประเทศตลอดเวลา จนเมื่อครบกำหนดสามปีก็ย้ายกลับมาและเตรียมที่จะออกโพสต์ใหม่ แต่ทุกครั้งก็เว้นระยะเป็นรอบปีหรือมากกว่านั้น
‘นายป้องเขต ศิริประภาเพ็ญ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ประจำสำนักงานแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี’
ข้อความในจดหมายระบุชัดเจนถึงตำแหน่งและประเทศที่ต้องไปประจำการในโพสต์ถัดไป แต่ครั้งนี้มันรวดเร็วเกินไปสำหรับคนเป็นแม่ที่ต้องอยู่ห่างจากลูกอีกครั้ง เมื่อระยะเวลาที่ระบุในจดหมายฉบับที่นางเธอถืออยู่เหลือเวลาอีกไม่ถึงสองเดือน กับเวลาอีกสามปีที่เขาต้องไปประจำการที่ต่างประเทศอีกครั้ง
“นี่มันจดหมายอะไร ช่วยอธิบายให้แม่เข้าใจหน่อย” นางวรากุลขยับตัวลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วและยื่นจดหมายให้ลูกชาย ทันทีที่ได้ยินเสียงฝีเท้าของเขาก้าวเข้ามาในบ้าน
“คุณแม่ยังไม่นอนอีกเหรอครับ” ป้องเขตถามกลับด้วยน้ำเสียงสุภาพอ่อนโยน พอเขาเหลือบตาไปมองเอกสารที่อยู่ในมือมารดาเขาก็รู้ทันที ชายหนุ่มยิ้มออกมาบางๆ อย่างตั้งรับ
“แม่คงนอนไม่หลับ หากไม่รู้คำตอบ” นางวรากุลจ้องหน้าลูกชายนิ่ง ในแววตายังมีริ้วรอยแห่งความกังวลฉายอย่างชัดเจนแม้ในแสงสลัว
ถึงแม้ว่านางจะสามารถเดินทางในฐานะผู้ติดตามลูกชายไปได้ทุกที่และอยู่กับเขาจนกระทั่งจบโพสต์ แต่นางก็ยังมีภาระและความรับผิดชอบในเมืองไทย ทำให้ไม่สามารถทิ้งไปได้นาน
หนึ่งเหตุผลที่น่าห่วงที่สุดคือวัยของลูกชายที่ล่วงเลยมาจนถึงอายุสามสิบแปดปีเต็ม ถ้าหากเขากลับมาอีกครั้งและเริ่มต้นที่จะมีครอบครัวในเวลานั้นก็ล่าช้าเกิน และความเสี่ยงที่จะไร้ทายาทสืบสกุลก็มีมากเช่นกัน
ยิ่งความรักอิสระหวงชีวิตโสดของเขา เพราะยิ่งนานและอายุของเขาที่เพิ่มมากขึ้นทุกวันก็ยิ่งเพิ่มรอยห่างความสัมพันธ์ระหว่างมารดามากขึ้นทุกขณะ