EP.8 อยากจำกลับลืม
“อ้าว! คุณทริบเฟน ยังไม่กลับอีกเหรอครับ เห็นว่าจะรีบกลับไปพักผ่อนเพราะมีเคสผ่าตัดเย็นนี้ไม่ใช่หรือครับ” ทนายเอ็ดการ์ดถือกระเป๋าหนังใบโปรดเดินผ่านโถงบันไดกำลังจะกลับบ้านเพื่อไปรับประทานอาหารมื้อเย็นกับภรรยาสุดที่รัก ทว่ากลับพบบุตรชายคนกลางของตระกูลทริสตันเดินกลับเข้ามาในคฤหาสน์ด้วยท่าทางรีบร้อน
“ผมมาหาคุณเอ็ดการ์ดครับ”
“มีอะไรสงสัยเกี่ยวกับพินัยกรรมหรือเปล่าครับ” เอ็ดการ์ดเดาได้ในทันทีด้วยซ้ำว่าทริบเฟนจะถามเขาเรื่องอะไร แต่ก็เลือกที่จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น
“ครับ ผมต้องการที่อยู่ของผู้หญิงคนนั้น คุณเอ็ดการ์ดพอจะทราบมั้ยครับ” หากไม่มีเรื่องบ้าบอในพินัยกรรมมาเกี่ยวข้อง ให้ตายเขาก็ไม่มีทางถามหาที่อยู่ของหยกทิพย์เป็นอันขาด
“ล่าสุดผมไม่ทราบครับว่าเธอย้ายที่อยู่หรือเปล่า แต่ตามข้อมูลเมื่อหกปีที่แล้วเธออยู่ที่ประเทศไทยจังหวัดอยุธยาครับ สักครู่นะครับเดี๋ยวผมขอเช็กอีกครั้งให้แน่ใจ” พูดจบก็เดินไปที่เปียโนสีขาวที่ตั้งอยู่กลางโถงบันได วางกระเป๋าหนังลงบนเปียโนแล้วหยิบแล็ปท็อปออกมาเปิดหาข้อมูลของหยกทิพย์อย่างใจเย็น
เมื่อได้ข้อมูลที่อยู่ของหยกทิพย์ ทนายเอ็ดการ์ดก็จดลงกระดาษแล้วส่งให้ชายหนุ่มทันที
“ขอบคุณมากครับคุณเอ็ดการ์ด ว่าแต่ทำไมคุณถึงมีข้อมูลของหยกทิพย์ล่ะครับ” ชายหนุ่มรับกระดาษมาถือไว้ก่อนจะเอ่ยถามอย่างจ้องจับพิรุธ
“ผมมีข้อมูลเพราะคุณท่านเคยสั่งให้ผมจ้างนักสืบตามหาตัวหยกทิพย์ครับ”
“คุณพ่อเป็นคนสั่ง?” ทริบเฟนทวนถามด้วยความงุนงง
“ครับคุณท่านสั่งเมื่อหกปีก่อน จากนั้นก็ไม่ได้ตามสืบเรื่องหยกทิพย์อีกเลย จนผมเกือบจะลืมไปแล้วว่ามีข้อมูลนี้อยู่” เอ็ดการ์ดอธิบายด้วยท่าทางสบายๆ ไม่ได้แสดงท่าทีพิรุธใดๆ ให้ชายหนุ่มได้จับผิด
“ผมไม่เข้าใจในเมื่อคุณพ่อรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่ไหน แถมยังตั้งท้องลูกของท่านอีก แล้วทำไมถึงไม่รับเธอมาเลี้ยงดูเสียล่ะครับในเมื่อคุณพ่อก็ไม่ได้คบกับผู้หญิงคนไหนจริงจังนับจากคุณแม่จากคุณพ่อไป ทำไมต้องมาทำให้เรื่องมันยุ่งยากในวันที่ท่านจากโลกนี้ไปแล้ว” ทริบเฟนพ่นคำถามและความไม่เข้าใจออกมาเป็นชุดใหญ่ ถ้าเขาเคาะฝาโลงแล้วเรียกบิดาขึ้นมาเค้นถามถึงสาเหตุที่ท่านทำให้อะไรแปลกประหลาดเช่นนี้ได้ เขาก็จะทำอย่างไม่ลังเล
“เรื่องนี้ผมเองก็ไม่ทราบครับ” ทนายสูงวัยตอบสั้นๆ แต่ได้ใจความ เป็นการบอกทริบเฟนกลายๆ ต่อให้เค้นถามเขาสักแค่ไหน เขาก็สามารถตอบได้เท่าที่เขารู้เท่านั้น
“บ้าชะมัด!”
ชายหนุ่มสบถด้วยความโมโหก่อนจะหันหน้าไปอีกทาง ด้วยไม่อยากแสดงกิริยามารยาทที่ไม่เหมาะต่อหน้าทนายสูงวัยที่เขาเคารพราวกับญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง แต่ครั้นจะให้เขานิ่ง สุขุม เยือกเย็นอย่างทุกครั้งก็เห็นท่าว่าจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ในเมื่อตอนนี้เขาเฉียดใกล้คำว่าสติแตกเข้าไปทุกที
“จากที่ผมและทุกๆ คนรู้จักหยกทิพย์ เธอเป็นคนหัวอ่อน ติดจะขี้เกรงใจอย่างนิสัยคนไทย หากลองยื่นข้อเสนอดีๆ ให้เธอ คงได้พัดพารัดชามาอยู่ในความดูแลไม่ยาก” เอ็ดการ์ดออกความคิดเห็นแล้วเคาะนิ้วลงบนแล็ปท็อปอย่างใช้ความคิด
“ใช่เธอดูเรียบร้อย ใสซื่อ แต่ความจริงแล้วร้ายลึกแค่ไหนเราทุกคนก็รู้ดีไม่ใช่หรือครับ” ทริบเฟนแค่นตอบคล้ายเย้ยเยาะ เขาไม่ได้เย้ยทนายสูงวัย ไม่ได้เย้ยผู้หญิงแพศยาคนนั้น แต่เย้ยให้กับความโง่เขลาของตนเองต่างหาก
รู้ทั้งรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ต่างจากอสรพิษร้าย พยายามที่จะเกลียดเธอ พยายามที่จะลืมเธอ
แล้วถามว่าทำได้มั้ย?
ไม่ต้องตอบก็ชี้ชัดว่าเขาไม่เคยลืมเธอ ไม่เคยลืมรักครั้งแรกที่ทำให้เขาเจ็บปวด ไม่เคยลืมริมฝีปากอ่อนนุ่มราวกับกลีบกุหลาบ แก้มเนียนใสสีมะปรางสุก และเยื่อพรหมจรรย์ที่เธอมอบให้แก่เขา ถึงแม้ว่าต่อจากนั้นเธอจะมอบร่างกายของเธอให้กับใครต่อใคร แต่เขาก็ยังไม่ลืมครั้งแรกที่ได้ครอบครองเธอ ไม่เคยลืมเสียงครวญครางที่ทำให้หัวใจของเขาพองโต
เขาควรลืมมิใช่หรือ แต่เหตุใดเขายังจำราวกับถูกฝังลงยังก้นบึ้งของหัวใจ
“ผมยังเชื่อว่าลึกๆ แล้วหยกทิพย์เป็นเด็กน่ารัก”
ทนายสูงวัยพยายามพูดเพื่อคลายความตึงเครียด ไหนๆ เหตุการณ์ในครั้งนั้นก็ผ่านมาถึงหกปีแล้ว ทุกคนควรเริ่มต้นชีวิตใหม่เลิกจมจ่อมอยู่กับอดีตอันปวดร้าวเสียที เพราะรังแต่จะทำให้จิตใจเศร้าหมอง ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย
“ผมคงห้ามความเชื่อใครไม่ได้ ขอตัวนะครับ”
ทริบเฟนตอบห้วนก่อนจะถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยอ่อน เดินออกจากคฤหาสน์ทริสตัน ขายาวๆ ก้าวออกเดินอย่างใจลอยจนมาหยุดอยู่ใต้ต้นเมเปิ้ลที่บัดนี้มันผลิใบอ่อนเขียวขจีเต็มต้น ภาพความหลังที่ตามหลอกหลอนในความฝันฉายชัดอีกครั้ง หญิงสาวผู้เคยครอบครองดวงใจของเขาเอาไว้ และเธออีกนั่นแหละที่เป็นคนทำลายหัวใจของเขาจนแทบไม่เหลือชิ้นดี
"แล้วพบกันหยกทิพย์…"
อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง
พระสงฆ์ให้พรแก่สองแม่ลูกที่หมั่นทำบุญตักบาตรทุกเช้าไม่เคยขาด แล้วอุ้มบาตรที่เต็มไปด้วยข้าวหอมมะลิร้อนๆ แกงจืดเต้าหู้หมูสับ และไข่เจียวกุ้งตักใส่ถุงแยกจากข้าวสวย บนฝาบาตรมีดอกบัวสีขาวนวลพับกลีบแช่มช้อยถวายบูชาพระรัตนตรัย เนื้อนาบุญของโลกออกบิณฑบาตต่อด้วยเท้าเปล่าโดยมีเด็กวัดวัยรุ่นถือถังสีเหลือง ยกมือข้างหนึ่งขยี้ตาแรงๆ แล้วหาวหวอดเดินตามพระสงฆ์ไป
“สาธุค่ะ” มือเล็กป้อมยกมือขึ้นพนมที่หน้าผากแล้วเปล่งคำว่า ‘สาธุ’ ด้วยน้ำเสียงใสแจ๋วก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วใส่รองเท้าแตะที่ถอดวางไว้ด้านหลัง
“เก่งมากค่ะหนูพัด”
หญิงสาวส่งยิ้มให้เด็กหญิงตัวน้อยด้วยความรัก แล้วจึงหันไปง่วนกับการเก็บอุปกรณ์ใส่บาตรกลับเข้าบ้าน เธอมีรูปร่างบอบบาง ผิวสีน้ำผึ้งนวลเนียน สวมเสื้อแขนกุดลูกไม้สีขาว นุ่งผ้าถุงสีน้ำเงินเข้มขับให้นงคราญดูอ้อนแอ้นน่าทะนุถนอม ผมสวยมัดมวยไว้เหนือศีรษะแล้วประดับด้วยดอกมะลิ ดวงตากลมโตกอปรด้วยแพขนตางามงอน จมูกเชิดรั้น ริมฝีปากสีชาดได้รูป