SENIORS 11
*******************************
“พี่ถามว่าเหมยหวงพี่เหรอครับ?”
ฉันเนี่ยนะจะหวงพี่อาร์กล้ามากเลยนะที่คิดแบบนี้ ฉันแสดงออกขนาดนั้นเหรอว่าหวงเขา
ไอ้ที่ทำน้ำเสียงไม่พอใจใส่ก็เพราะไม่อยากยุ่งกับเขาต่างหากล่ะ พี่อาร์เดินเข้ามาหาฉันก่อนที่เขาจะใช้มือรวบเอวฉันให้เข้าหาเขาและกอดรัดเอวฉันเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
ฉันพยายามดันตัวเขาให้ออกห่างแต่เขาก็ไม่ขยับเลย ฉันไม่ชอบผู้ชายที่ถึงเนื้อถึงตัวกันแบบนี้มันเหมือนไม่ให้เกียรติกันเลย
ฉันดันหน้าอกเขาเอาไว้ให้เข้าใกล้ฉันมากเกินไปเพราะตอนนี้ทรวงอกฉันแทบจะถูแผงอกเขาอยู่แล้วอ่ะ
“พะ…พี่อาร์ปล่อยเหมยค่ะ เหมยไม่ชอบแบบนี้”
“ทำไมล่ะ พี่แค่อยากให้เรารู้ว่าพี่ชอบเรานะ”
“อย่าทำแบบนี้ค่ะ ปล่อยได้แล้ว”
ฉันจ้องหน้าพี่อาร์แล้วบอกให้เขาปล่อยฉันได้แล้ว เพราะตอนนี้ร่างกายของเราแนบชิดติดกันจนไม่มีช่องว่างอยู่แล้วอ่ะ
ร่างสูงยิ้มกว้างออกมาเมื่อนมฉันมันโดนเข้าที่แผงอกเขา ก็กอดฉันซะแน่นขนาดนี้จะไม่ให้โดนได้ยังไง
นี่ฉันก็ดันหน้าอกเขาเอาไว้แล้วนะแต่มันยังโดนอีกอ่ะ ฉันรู้นะว่าเขาอยากแกล้งฉันและอยากให้ฉันรับรักเขาด้วย
แต่บอกเลยว่าเขาทำไม่สำเร็จหรอกยิ่งเขาทำแบบนี้ฉันก็ยิ่งไม่ชอบหนักมากๆ เลยล่ะ
“พี่อาร์เหมยบอกให้ปล่อยไงคะ”
“ที่โกรธแบบนี้เพราะหวงพี่ใช่ป่ะที่ชมไข่มุกอ่ะ”
“คะ?”
“อย่าหวงพี่เลยนะครับ ยังไงพี่ก็จะจีบเหมยนะ”
พี่อาร์ยื่นหน้าเข้ามากระซิบข้างหูฉันก่อนจะยอมปล่อยให้ฉันเป็นอิสระ เขาหันไปดื่มน้ำที่ฉันเพิ่งเอามาให้เขาแล้วหันกลับมา
“ตามสัญญาพี่กินหมดแล้วพี่ก็กลับ”
“...”
ฉันยืนมองพี่อาร์ที่เดินไปที่หน้าประตูอย่างงุนงงอะไรของเขาอ่ะ พูดเองเออเองเลยเหรอ อะไรคือการที่บอกว่าฉันหวงเขา ฉันแสดงออกแบบนั้นหรือไง
เออช่างเหอะ อยากจะคิดอะไรก็คิดไปฉันไม่สนใจหรอก ขอแค่เขาออกไปจากห้องฉันก็พอแล้วเรื่องอื่นฉันไม่ได้สนใจ
เขามีสิทธิ์ที่จะคิดอะไรก็ได้เพราะมันคือความคิดของเขาและฉันก็ห้ามอะไรไม่ได้ด้วย
“เย็นนี้พี่จะมารับไปกินข้าวนะคะ และห้ามไปไหนด้วยไม่งั้นพี่จะ…”
พี่อาร์จ้องหน้าฉันก่อนจะยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มที่ดูมีเลศนัยมาก แล้วไล่มองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยแววตาที่จาบจ้วง ไม่บอกก็รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร
นี่ไงไอ้ความหื่นของเขากำลังทำงานแล้ว
“เด็กดื้อที่ไม่ฟังพี่อาร์ต้องโดนลงโทษนะครับ”
“…”
“ถ้าไม่อยากโดนลงโทษน้องเหมยต้องเชื่อฟังพี่อาร์ เข้าใจนะ”
พูดจบพี่อาร์ก็เดินออกไปจากห้องเลยไม่รอให้ฉันได้ปฏิเสธด้วย แบบนี้มันเป็นการบังคับกันทางอ้อมเลยนะและฉันก็ไม่ชอบด้วย
ฉันคิดว่าเย็นนี้ฉันจะออกไปข้างนอกเพื่อที่จะไม่ไปกินข้าวกับเขา เรื่องอะไรฉันจะต้องไปนั่งกินข้าวด้วยความอึดอัดใจด้วยล่ะ
เขาไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน ฉันจะดื้อหรือไม่ดื้อก็ไม่ได้ไปดื้อบนหัวเขาป่ะ เพราะงั้นอย่ามายุ่งกับฉัน ถ้าไม่มีใครไปเปิดประตูให้เขา เขาก็เข้ามาด้านในไม่ได้หรอก
“เฮ้อ น่าเบื่อมากเลย”
ฉันเอาของที่ซื้อมาไปเก็บในตู้เย็นแล้วนอนเล่นมือถือเพื่อฆ่าเวลาที่จริงแล้วก็ไม่รู้จะออกไปไหน
ถ้าจะชวนไข่มุกมันก็น่าจะไปกับแฟน ส่วนหวานไม่ต้องพูดถึงหรอกเพราะพี่แทนคงไม่ยอมปล่อยให้หวานออกมาข้างนอกคนเดียวแน่
เอาเถอะอย่างน้อยก็ไปนั่งเล่นที่คาเฟ่หรือไม่ก็ไปนั่งเล่นที่ตลอดโต้รุ่งก็ได้
ฉันกำลังจะลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อที่จะออกไปข้างนอกตอนนี้เลยเพราะคิดว่ายังไงพี่อาร์จะต้องมาก่อนเวลาแน่และไอ้ที่เขาบอกว่าตอนเย็นก็ไม่รู้ด้วยว่าเวลาไหนเพราะงั้นออกไปตอนนี้น่าจะดีกว่า
แต่พอจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก็มีคนโทรเข้ามาซะก่อนก็คือหวานนั่นเองที่โทรเข้ามา
“ว่าไงหวาน?”
[เหมยวันนี้ที่อาจารย์บอกให้ไปเอาบทสัมภาษณ์ของนักเขียนคนไหนก็ได้อ่ะแล้วส่งพรุ่งนี้แกคงไม่ลืมใช่มั้ย?]
จริงด้วยฉันก็ลืมไปเลยเพราะมัวแต่คิดเรื่องพี่อาร์อยู่ บ้าเอ้ย ฉันลืมไปได้ยังไงเนี่ยแล้วนี่ยังจะมานอนเล่นอยู่อีกนะ ถ้าทำไม่เสร็จก็ไม่ได้คะแนนกับเพื่อนน่ะสิ
[ฉันนัดพี่อาร์เอาไว้แล้วแต่พี่แทนไม่ให้ฉันไปแกไปคนเดียวได้มั้ยอ่ะเพราะพี่อาร์เตรียมบทสัมภาษณ์เอาไว้ให้แล้ว]
“ล้อเล่นหรือเปล่าให้ฉันไปคนเดียว?”
ไม่อยากจะเชื่อเลยที่จะให้ฉันไปคนเดียวอีกแล้ว จริงอยู่ที่เมื่อก่อนฉันไม่มีปัญหาหรอกนะหากว่าจะไปเจอพี่อาร์คนเดียวเพราะตอนนั้นฉันยังไม่รู้ว่าเขาเป็นคนยังไง
แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วและฉันก็พยายามที่จะไม่อยู่กับเขาสองต่อสองเหมือนเดิมแต่หวานก็ยังส่งฉันไปให้พี่อาร์จนได้
บอกแล้วไงว่าวันนี้มันไม่ใช่วันของฉันจริงๆ ไม่ว่าฉันจะคิดอะไรก็ไม่ได้ดั่งใจสักอย่างเลย แล้วแบบนี้คือฉันจะต้องไปเจอพี่อาร์จริงๆ เหรอ นี่ก็อุตส่าห์จะหนีเขาแล้วนะแต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้นอ่ะ
[ปกติแกก็ไปคนเดียวไม่ใช่เหรอก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย หรือว่าแกจะให้ฉันไป แล้วไปเจอแกในสภาพที่ดูไม่ได้อีกอ่ะ]
ฉันถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจพอหวานพูดมาแบบนี้ฉันก็ต้องไปเจอพี่อาร์คนเดียวอีกตามเคยเพราะฉันไม่อยากเห็นเพื่อนตัวเองถูกทำร้ายอีกแล้ว
อย่างที่บอกว่าพี่แทนน่ะเขาไม่ได้นิสัยแย่อย่างเดียวแต่เขายังเลวมากอีกด้วย
เขาสามารถทำร้ายผู้หญิงหรือคนแก่ได้โดยที่ตัวเองไม่รู้สึกผิดเลยสักนิด แม้กระทั่งมีเรื่องกับอาจารย์เขายังทำมาแล้วเลย
[สรุปจะให้ฉันไปหรือเปล่า เพราะถ้าแกไม่ไปฉันจะได้โทรไปบอกพี่อาร์ว่าฉันจะเป็นคนไปเจอเขาเอง]
“เออฉันไปเองก็ได้”
ฉันตอบตกลงแบบไม่เต็มใจหวานก็เลยพูดเลียงใสกลับมาว่าจะโทรไปคอนเฟิร์มนัดกับพี่อาร์และบอกว่าฉันจะเป็นคนไปเอาบทสัมภาษณ์เอง
นี่อุตส่าห์ตั้งใจจะหนีเขาแต่ดันต้องมาเจอกันอีก ให้ตายสิวันนี้มันเป็นวันอะไรวะเนี่ย ยิ่งอยากอยู่ให้ไกลจากเขาแต่ต้องก็มีเรื่องให้เข้าไปอยู่ใกล้เขาจนได้
ยิ่งรู้ว่าเขาพยายามจีบฉัน ฉันก็ไม่ชอบไง แต่จะให้ทำไงได้ล่ะในเมื่อมันเป็นงานฉันก็ต้องไปหรือเปล่า
ฉันถอนหายใจเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ของวันนี้ก่อนจะกดเข้าไปในไลน์ของพี่อาร์แล้วทักไปบอกเขามาหาฉันที่หอเลย เพราะฉันไม่มีรถไปเอากับเขาไง
กิ่งเหมย : พี่อาร์คะอยู่หรือเปล่า
กิ่งเหมย : ถ้าอยู่ตอบกลับหน่อยนะคะ
อาร์_อากะอิ : ครับ
กิ่งเหมย : หวานบอกแล้วใช่มั้ยเรื่องบทสัมภาษณ์
อาร์_อากะอิ : บอกแล้วครับ
อาร์_อากะอิ : เหมยจะมาเอาเองหรือให้พี่เอาไปให้ดีล่ะ
กิ่งเหมย : รบกวนพี่อาร์เอามาให้เหมยที่หอได้มั้ยคะ
กิ่งเหมย : เหมยไม่มีรถไปเอา
อาร์_อากะอิ : โอเคครับ
อาร์_อากะอิ : แล้วเจอกัน
ฉันลงมารอพี่อาร์ที่ล็อบบี้เพื่อรอให้เขาเอาบทสัมภาษณ์มาให้ฉัน และฉันก็จะเอาไปเรียบเรียงเป็นภาษาของตัวเอง รอได้ไม่นานรถของพี่อาร์ก็มาเจอที่หน้าหอ
เขาเดินลงจากรถแล้วเดินมาโบกมือให้ฉันไปเปิดประตูให้เขา พอเปิดแล้วฉันก็เห็นว่าเขาไม่ได้ถืออะไรลงมาจากรถเลย
อ้าว แล้วบทสัมภาษณ์ล่ะ อย่าบอกนะว่าลืมเอามาก็ฉันเพิ่งไลน์ไปบอกเขาเมื่อกี้เองนะ
นี่ฉันจะต้องเอามาทำใหม่อีกอ่ะกว่าจะเสร็จ คนตรงหน้ายิ้มให้ฉัน ขอโทษนะฉันไม่อยากได้รอยยิ้มจากเขาแต่ฉันอยากได้บทสัมภาษณ์จะได้เอาไปทำต่อไง
“แล้วบทสัมภาษณ์ล่ะคะ?”
“เอาไว้เหมยไปกินข้าวกับพี่แล้วพี่จะเอาบทสัมภาษณ์ให้ดีมั้ยครับ?”
ฉันมีทางเลือกอื่นด้วยเหรอเล่นพูดมาขนาดนี้แล้ว ถ้าฉันไม่ไปฉันก็ต้องไม่มีงานส่งอาจารย์น่ะสิ พี่อาร์นะพี่อาร์ได้คืบจะเอาศอก และชอบออกคำสั่งกับฉันด้วย
พอตัวเองถือไพ่เหนือกว่าแบบนี้ก็ยิ่งสั่งฉันใหญ่เลย และฉันก็ต้องทำตามด้วยนะถ้าไม่ยอมคิดเหรอว่าเขาจะยอมให้บทสัมภาษณ์ฉันน่ะ
ถ้าจะให้ไปเอาบทสัมภาษณ์ของนั่งเขียนคนอื่นก็คงไม่ทันไง กว่าจะได้เจอนักเขียนแต่ละคนไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ
ฉันยอมเดินมาขึ้นรถโดยไม่ได้โวยวายอะไรเพราะฉันรู้ไงว่าโวยวายก็ไม่ได้ช่วยอะไรอยู่ดี เพราะงั้นเงียบเอาไว้น่ะดีที่สุดแล้ว
พี่อาร์ที่เห็นว่าฉันไม่ดื้อและยอมเขาง่ายๆ แบบนี้เขาก็ทำหน้าแปลกใจ เพราะทุกครั้งฉันจะต้องโวยวายและไม่ยอมท่าเดียว
ก็อย่างที่บอกนั่นแหละว่าฉันหนีเขาไม่พ้นหรอกทำตัวง่ายๆ แล้วให้เขารีบเอางานมาให้ฉันดีกว่า
พี่อาร์พาฉันขับรถออกมาไกลมากและทางก็เริ่มไม่คุ้นเคยด้วยทำให้ฉันต้องหันไปถามเขาตอนที่รถจอดติดไฟแดง ทำไมพาออกมาไกลแบบนี้อ่ะเขาก็รู้นี่ว่าฉันต้องทำงานต่ออ่ะ
“เราจะไปไหนกันเหรอคะ?”
ฉันถามขึ้นมาเมื่อเราขับรถออกมาไกลมากและก็นั่งมาเป็นชั่วโมแล้ว พี่อาร์หันมามองหน้าฉันแล้วยื่นการ์ดอะไรสักอย่างมาให้ฉัน
ฉันก้มอ่านก็เห็นว่ามันเป็นการ์ดเชิญไปงานปาร์ตี้ของชมรมนักเขียนหน้าใหม่ที่หัวหิน
ทำไมเขาไม่เห็นบอกฉันเลยล่ะว่าเราจะไปกินข้าวกันที่นั่น นี่มันมัดมือชกกันชัดๆ เลย
อีกอย่างดูสภาพฉันด้วยพร้อมที่จะไปหรือเปล่า ใส่ชุดนักศึกษาแบบนี้อ่ะ
ฉันก้มอ่านการ์ดที่บอกชื่อนักเขียนแต่ละคนและฉันก็ต้องตาลุกวาวที่เห็นว่ามีชื่อของนักเขียนที่ฉันชื่นชอบเขามากและติดตามผลงานเขาทุกเรื่องเลย
“เจ้าของงานบอกว่าสามารถพาคนรู้ใจมาได้ด้วยหนึ่งคนเท่านั้น พี่ก็เลยอยากให้เหมยมากับพี่ด้วยครับ”
ฉันไม่ชอบที่เขาทำอะไรโดยที่ไม่บอกฉันแบบนี้แต่ก็อดดีใจไม่ได้ที่จะได้เจอนักเขียนที่ตัวเองชื่นชอบหลายๆ คน
และภายในงานก็จัดกันแบบส่วนตัวที่สามารถเข้าถึงกันได้ง่ายมากเพื่อที่จะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของกันและกัน
ที่จริงก็อยากจะโกรธพี่อาร์นะที่เขาทำอะไรไม่บอกฉันอ่ะแต่พอรู้ว่านักเขียนที่ฉันชอบก็ไปด้วยฉันก็เลยไม่โกรธเขาแล้ว พี่อาร์หันหน้ามายิ้มให้ฉัน
“พี่รู้ว่าเราชอบเลยอยากเซอร์ไพรส์”
“เหรอค่ะ”
ฉันทำเป็นไม่ได้สนใจแต่ในใจนี่กรี๊ดหลายรอบแล้วนะ พี่อาร์หัวเราะในลำคอแล้วเอื้อมมือมาขยี้ผมฉันจนยุ่งไปหมดทำให้ฉันต้องปัดมือเขาออก
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองจะได้เจอนักเขียนที่ติดตามมานานแบบนี้ โอ๊ย ตื่นเต้นๆ ถ้าเจอเขาฉันจะทำตัวยังไงดีนะ
“หึ อยากไปล่ะสิ”
“ก็…ไม่ปฏิเสธค่ะ”
“พี่ทำขนาดนี้ชอบพี่ได้ยังหืม?”
“แบบนี้เขาเรียกหว่านพืชหวังผลชัดๆ เลย”