ตอนที่ 4 ข่าวร้ายหรือข่าวดี

1979 คำ
ตอนที่ 4 ข่าวร้ายหรือข่าวดี ผมเดินตามพี่เพทายเข้ามาในบ้านร่างสูงตรงไปนั่งที่โซฟาหน้าโทรทัศน์อย่างไม่เกรงใจเจ้าของบ้าน “ใคร” เสียงเรียบเอ่ยถามไม่แสดงถึงอารมณ์อะไรมองไปที่ร่างสูงวัยกลางคนที่นอนอยู่ข้างๆ “พ่อไผ่เองสงสัยเมา” “รีบไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะ” ผมพยักหน้าอย่างว่าง่ายขึ้นไปบนชั้น 2 วันนี้มันวันอะไรนะผมถึงเจอแต่เรื่องที่มันแปลกๆ แบบนี้ผมไม่รอช้ารีบอาบน้ำแต่งตัว “ไอ้ไผ่!! ไอ้ไผ่โว้ย ไอ้หน้าหล่อที่เป็นใคร” เสียงตะโกนโวยวายเสียงดังของผู้เป็นพ่อทำให้ผมต้องรีบสาวเท้าลงไปที่ชั้นล่าง เห็นนิ้วย่นของชายวัยกลางคนชี้ไปที่ร่างสูงของพี่เพทายคิ้วหนาขมวดแน่นอย่างไม่ชอบใจเมื่อมีคนมาชี้หน้าเสียงดัง “ไม่มีอะไรหรอกก็แค่เจ้าของร้านที่ไผ่ไปทำงานด้วย” ผมรีบเดินไปหาพ่อจับมือเหี่ยวย่นนั้นลงวางข้างลำตัว ผมรู้สึกใจไม่ดีเมื่อพ่อสำรวจพี่เพทายตั้งแต่หัวจรดเท้าพร้อมส่งสายตาเป็นประกาย “ดูมีตังค์ดีนี่หว่า งั้นกูขอ ...” “พ่อ! ไผ่ไปทำงานก่อนนะ สวัสดีครับ” ผมเบิกตากว้างเมื่อรู้ว่าผู้เป็นพ่อจะพูดอะไรผมรีบพูดขัดก้มหน้าลมจูงมือพี่เพทายให้ออกจากบ้านไปอย่างเร่งด่วน เพราะติดพนันติดเหล้าทำให้ตังค์ที่มือใช้ไม่เคยจะพอพ่อชอบที่จะไปตระเวนยืมตังค์คนอื่นแล้วคนที่ใช้คืนคงไม่พ้นตัวผมเอง ตอนนี้เรานั่งอยู่บนรถแล้วบรรยากาศมาคุอึดอัดจนผมไม่รู้จะพูดอะไรรถหรูค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากหน้าบ้าน ความเงียบตลอดทั้งทางทำให้ผมอึดอัดรู้สึกเหมือนหายใจไม่ค่อยออก “เป็นอะไรกับผู้ชายคนนั้น” เสียงเรียกของพี่เพทายเอ่ยขึ้นกลางความเงียบทำให้ผมอดสะดุ้งไม่ได้ “เอ่อ เขาเป็นพ่อไผ่เองครับ” ผมตอบเสียงเบา “รู้ไหมว่าเขาเป็นหนี้บ่อนการพนัน” สิ่งที่พี่เพทายพูดทำเอาผมตาโตหัวใจตกไปอยู่ตาตุ่ม พ่อไปเป็นหนี้ไปเป็นตอนไหนเป็นเท่าไหร่และผมจะมีปัญหาชดใช่ไหม! “จะจริงหรอครับ เป็นเท่าไหร่” ผมกลั้นใจถามถึงแม้จะไม่อยากรู้คำตอบ “1 ล้านดอกเบี้ยอีก 5 แสน” จำนวนเงินมากมายทำเอาผมอึ้งรู้สึกเหมือนกำลังอมน้ำอยู่ในปากไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีลิ้นมันแข็งจนขยับไม่ได้เนื้อตัวสั่นสะท้าน จำนวนเงินที่มากมายขนาดนั้นเด็กมหาลัยปี 1 แบบผมจะหาตังค์ขนาดนั้นไปได้ยังไงแค่คิดก็เครียดรู้สึกเหมือนเส้นเลือดในสมองเต้นตุบๆ กว่าผมจะรู้สึกตัวรถก็มาหยุดอยู่ที่หน้าผับแล้วพี่เพทายเปิดประตูลงไป ปล่อยให้ผมนั่งนิ่งเงียบอยู่บนรถเหมือนเดิม ผมไม่คิดว่าชีวิตผมมันจะบัดซบขนาดนี้ถึงจะชอบอ่านนิยายมาเฟีย ที่นางเอกถูกจับไปขัดดอกกันเถอะแต่มันไม่สนุกเลยและผมจะไม่ยอมเป็นอย่างนั้นแน่นอน คิดไปก็ยิ่งทำให้เครียดผมเดินลงจากรถเข้าไปในผับตอนนี้เลยเวลาเปิดผับมาสักพักแล้วนักท่องราตรีเริ่มทยอยมาเสียงเพลงกระหึ่มดังจนรู้สึกหูอื้อผมรีบเดินไปที่ห้องแต่งตัว แกร๊ก ในห้องแต่งตัวเงียบสนิทไม่มีใครอยู่ผมไม่รอช้ารีบแต่งตัวแล้วลงไปทำงานหลังจากที่ทำงานเสร็จผมคงต้องไปคุยเรื่องนี้กับพี่เพทายให้ละเอียดยิ่งกว่านี้ผมอยากรู้ว่าใครเป็นเจ้าหนี้ของพ่อ เฮ้อ ชีวิตผมแม่งโคตรน้ำเน่า!! ระหว่างทำงานก็ไม่มีอะไรมากเพราะผมเริ่มชินกับมันแล้วอาจจะโดนลวนลามนิดนิดหน่อยหน่อยแต่ก็พอจะหลบหลีกได้แต่ถ้าคนไหนลวนลามเกินไปก็จะมีเซอร์วิส เล็กๆ น้อยๆ กว่าจะถึงเวลาเลิกงานทำเอาผมต้องปาดเหงื่อไปหลายรอบผมไม่รอช้ารีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วตรงไปที่ห้องทำงานของพี่เพทายทันทีตอนนี้ใจผมมันกระสับกระส่ายอยู่ไม่สุข ก๊อกๆ ๆ “พี่เพทายนี่ไผ่เองขอเข้าไปได้ไหม” ผมพูดขออนุญาตแม้ในใจอยากจะผลักเข้าไปแค่ไหนก็ตาม “เข้ามา” เมื่ออีกทางของประตูเอ่ยอนุญาตผมก็รีบผลักประตูเข้าไปห้องทำงานเป็นห้องโล่งโล่งมีของตกแต่งนิดหน่อย มีโต๊ะทำงานที่มีกองเอกสารบางอยู่เต็ม เลื่อนสายตาไปที่โซฟาทำเอาหัวใจผมกระตุก มันรู้สึกจี๊ดจี๊ดปี๊ดปี๊ดเหมือนมีอะไรมาทิ่มแทงรู้สึกคันไม้คันมือ!!! ผมคงจะไม่มีอาการแบบนี้ถ้าหากว่าพี่เพทายไม่ได้กำลังนัวเนียอยู่กับผู้หญิงทรงโต!! ผมมองดูอย่างนิ่งค้างเกาะอกของเธอร่วงลงมาอยู่ที่เอวโชว์ให้เห็นเต้านมอวบอึ๋มอยู่ในให้บลาสีดำมือหนาของพี่เพทายกำลังขย้ำมันอย่างสนุกมือ!! “เพทายคะทำไมถึงปล่อยให้ไอ้เด็กคนนี้เข้ามารบกวนเราล่ะ” เสียงหวานเอ่ยกะเซาะทำเอาผมรู้สึกคันๆ มือยิ่งกว่าเดิม พี่เพทายตวัดตามองผมนิ่งไม่ได้พูดอะไรผละออกจากผู้หญิงทรงอึมคนนั้น “ออกไป” ผมทำหน้างงๆ ไม่รู้ว่าพี่เพทายไล่ผมหรือไล่ผู้หญิงคนนั้น “ได้ยินไหมเพทายเขาไล่แกแล้วออกไปสิ!!” ยัยผู้หญิงคนนั้นแสยะยิ้มให้ผมแล้วพูดอย่างสะใจอย่าบอกนะว่าพี่เพทายไล่ผมจริงๆ!! ถึงแม้ผมจะอยากอยู่ต่อก็เถอะแต่เขาไล่ขนาดนี้แล้วผมคงไม่หน้าด้านอยู่หรอกผมหันหลังกลับเตรียมตัวเดินออกไปจากห้องแต่ก็ต้องชะงักเท้า “เธอนั่นแหละออกไปได้แล้ว” ผมรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงกระจกแตกดังเพ่ง! แต่คงไม่ใช่ที่ไหนไกลคงเป็นเศษหน้าของยัยผู้หญิงทรงอึมคนนั้น ไม่รู้จะสงสารหรือสะใจดี “ตะแต่..!” ยัยผู้หญิงคนนั้นกำลังจะพูดต่อแต่ก็โดนสายตาดุของพี่เพทายจ้างให้ทำให้ต้องรีบหนีไปแต่ก็ไม่วายส่งสายตาแค่แค้นมาให้ผม มีหรือไอ้ไผ่คนนี้จะยอมผมส่งยิ้มอย่างสะใจไปให้ เหอะ!! ยัยชะนีรู้จักให้ไผ่คนนี้น้อยไปซะแล้ว!! “หยุดทำหน้าสะใจแล้วมานั่งดีๆ ” เสียงอยู่ของพี่เพทายพูดขึ้นทำให้ผมสะดุ้งรีบเดินไปนั่งที่โซฟาอย่างว่าง่าย เรื่องราวกระตุ้นอารมณ์แต่กี้นี้ทำให้ผมหายง่วงนอนเลยทีเดียว “มีเรื่องอะไรทำไมไม่กลับบ้านมันดึกแล้ว” ถ้าพี่เพทายไม่พูดขึ้นผมคงลืมไปแล้วว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย “เรื่องหนี้ของพ่อพี่เพทายรู้ได้ยังไง” “บ่อนที่พ่อมึงไปเล่นเป็นบ่อนกูเอง” ผมเบิกตากว้างนอกจากนี้ผับแล้วพี่เพทายยังมีบ่อนการพนันอีกหรอนี่ผมอยู่กับมาเฟียหรือเปล่าเนี่ย!!! ไม่นะผมมีอนาคตผัวเป็นมาเฟียแบบนี้ผมจะโดนจับไปทรมานเหมือนในนางเอกนิยายไหม!! “เดี๋ยวผมจะทยอยจ่ายทุกเดือนนะครับ” ผมนั่งคิดเลขในใจแสนห้ากี่เดือนกว่าผมจะใช้หมด!!! “อืมมม มาเป็นเมียกูไม่ง่ายกว่านี้กูให้ตังค์ใช้ทุกคืน” กรี๊ดดด!!! ทำไมคำพูดที่ร้ายกาจออกมาจากหน้าหล่อนิ่งนิ่งของพี่ไปทำแบบนี้อันนี้มันมาดมาเฟียเกินไปแล้วทำแบบนี้ใครจะไปปฏิเสธลง!! ไม่ได้!! แบบนี้มันจะง่ายเกินไปถ้าพี่แกได้เราไปง่ายๆ แบบนี้อีกไม่นานเขาต้องเบื่อเราแน่ๆ สมควรที่จะเล่นตัว.. “เอ่อไม่เป็นไรหรอกครับผมขอทำงานใช้ดีกว่า” เรื่องที่ผมจะเป็นเมียพี่เพทายมันต้องเป็นอยู่แล้วผมจะหาทางล่อลวงรวบหัวรวบหางให้ได้ ส่วนเรื่องหนี้ก็อีกเรื่องหนึ่ง “ก็แล้วแต่มึงคืนนี้นอนที่นี่แหละมันดึกแล้วกูขี้เกียจขี่จะไปส่งด้วย ไม่ต้องปฏิเสธตอนนี้เกือบตี 3 คงไม่มีรถแล้ว” ร่างสูงพูดตัดจบอย่างรวดเร็วไม่เปิดโอกาสให้ผมพูดแทรก พี่เพทายเดินไปที่ประตูอีกบานที่ผมพึ่งสังเกตเห็นไม่ยักรู้ว่ามันมียู่ด้วยผมเดินตามร่างสูงของพี่เพทายเข้าไปอย่างว่าง่ายหลังประตูเป็นห้องนอนเรียบสีขาวมีเตียงอยู่ตรงกลางมีตู้เสื้อผ้า “เอ่อ” พี่เพทายถอดรองเท้าโยนไปไม่รู้ทิศรู้ทางล้มตัวนอนบนเตียงผมยืนเลิ่กลั่กไม่รู้ว่าจะนอนตรงไหน “มานอนเร็วๆ อย่าช้ากูง่วง” มือหนาตบเบาๆ ข้างตัวเองผมถอดรองเท้าขึ้นไปนอนยังกล้าๆ กลัวๆ ถึงผมจะดูแรดๆ แต่ผมก็ยังมีความรู้สึกกลัวและยังบริสุทธิ์นะโว้ย!!! “ไม่อาบน้ำหรอครับ” ผมพูดขึ้นร่างสูงไม่ได้สนใจเอื้อมมือไปปิดไฟ เมื่อทุกอย่างมืดสนิทผมก็ข่มตาตัวเองให้หลับ ระหว่างนั้นก็คิดอะไรไปมากเลยมันเป็นแค่เวลาสั้นๆ แต่เหมือนเรื่องทุกอย่างมันถาโถมเข้ามาใส่ ทั้งที่ผมอายุแค่ 19 ปียังไม่บรรลุนิติภาวะทำไมถึงมีแต่เรื่องที่ยุ่งยากเข้ามาหานะ…. แสงสว่างที่ส่องมากระทบตาทำให้ผมขยับตัวหนีอย่างรำคาญหน้าซุกไปกลับหมอนข้างแต่ทำไมหมอนข้างผมมันอุ่นขนาดนี้…รู้สึกหนักที่ช่วงเอวเหมือนมีอะไรมาพันไว้ “อืออออ” ผมกะพริบตาเพื่อปรับแสงสิ่งแรกที่เห็นคือแผงอกผมค่อยๆ ยกมือลูบสิ่งนั้นอย่างงงๆ เลื่อนสายตาลงต่ำกว่านั้นเจอกับซิกแพคเป็นลอนๆ ผมยกมือลูบมันอย่างหลงใหลเมื่อก่อนผมรู้สึกแย่มากที่ตัวเองไม่มีซิกแพคไม่ว่าจะออกกำลังกายไปยังไงมันก็ไม่ขึ้นให้ผมอยู่ดี “หยุดลูบได้แล้วมึงอ่อยกูหรอ” เสียงทุ้มติดงัวเงียนิดหน่อยดังขึ้นทำให้ผมสะดุ้งรีบชักมือกลับเงยหน้าขึ้นไปมองพี่เพทายกำลังมองผมด้วยสายตาปรือๆ ได้โปรดอย่ามองผมด้วยสายตาที่อ่อยขนาดนั้นเดี๋ยวผมจะอดใจไม่ไหวจับพี่แกปล้ำตรงนี้!! “พี่เพทายปล่อยผมได้แล้วผมจะลุกไปล้างหน้า” ผมบอกอีกคน ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกหนักๆ คืออะไรก็คงไม่พ้นท่อนแขนขนาดใหญ่ของที่เพทายที่กำลังกอดรัดเอวผมไว้แน่นจนอดรู้สึกเขินอายไม่ได้ “มึงมีเรียนกี่โมง” ร่างสูงถามขึ้นอีก “เอ่อวันนี้ไม่มีเรียนครับ” ผมตอบตามความจริงถ้าเป็นปกติวันนี้ผมคงจะต้องรีบไปทำงานแต่ผมเปลี่ยนมาทำงานกลางคืนแล้ววันนี้เลยเป็นวันที่ผมว่าง “อืม งั้นก็นอนต่อเถอะ” ร่างสูงพูดเอาแต่ใจ “ตะแต่” “อย่าขัดใจกู” ผมถอนหายใจไม่คิดว่าหน้าโหดๆ แบบพี่เพทายจะมีมุมที่เป็นเด็กเอาแต่ใจแบบนี้ด้วยผมนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนรู้สึกว่าคนข้างๆ หลับสนิทไปแล้วผมข่มตาหลับตาลงไปด้วยไม่นานสติผมก็หลุดหายไปในห้วงแห่งความฝัน…. ตอนหน้า NC อย่าลืมเตรียมงบนะจ๊ะ ++++++++++++++++++++ อย่าลืม เม้น ไลค์ ให้ดาว กดติดตาม และสุดท้ายขอบคุณค่ะะะะะ *
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม