ตอนที่ 14
ภูวเดชที่ได้เสพสุขกับคู่ขาแบบหามรุ่งหามค่ำพาร่างกำยำเดินเข้าบ้านในเวลาใกล้บ่ายโมงหลังจากเข้าไปสะสางงานในรีสอร์ต สายตาคมกวาดมองรอบบ้านและเดินเข้าไปมองที่ประจำของมารดาและป้านวล ทว่ากลับพบเพียงความว่างเปล่า
เท้าคู่ใหญ่เดินวนรอบๆ บ้านด้วยความสงสัย เมื่อทั้งมารดาและป้านวลไม่มีใครอยู่เลยสักคน จึงเรียกหาสาวใช้ที่ไม่รู้ว่าหายไปไหนกันหมด
“ไม่มีใครอยู่เลยหรือไง” เสียงเจ้านายหนุ่มบ่นพึมพำเมื่อออกปากเรียกแล้วก็ไม่มีใครโผล่มาสักคน แล้วเดินตัวตรงขึ้นไปยังห้องนอนส่วนตัวทันที ส่วนสร้อยสาวใช้ที่ได้ยินเสียงแว่วๆ เหมือนมีคนเรียก รีบวิ่งกระหืดกระหอบออกมาจากหลังบ้าน เห็นหลังไวๆ ของเจ้าหนุ่ม แล้วรีบตะโกนถามทันที
“คุณภูมิจะเอาอะไรหรือคะ” สิ้นเสียงสาวใช้ ภูวเดชชะงักปลายเท้าแล้วหันมามองหญิงสาวร่างเล็กตัวดำก่อนตะโกนกลับลงมา
“กว่าจะโผล่มากันได้ ถ้าฉันเป็นขโมยป่านนี้ไม่ถูกยกเค้าไปหมดแล้วหรือไง”
“ขะ...ขอโทษค่ะคุณภูมิ พอดีพวกหนูกำลังทำความสะอาดห้องรับรอง และก็เอาผ้าม่านผ้าปูที่นอนมาซักใหม่หมดเลยค่ะ เลยไม่ได้ยินเสียงคุณภูมิ” สร้อยรีบบอกทันทีด้วยกลัวว่าจะโดนตัดเงินเดือน
ใบหน้าหล่อเหลาส่ายเพียงเบาๆ แล้วพ่นลมหายใจเสียงดัง เพราะเขาก็ไม่เคยจะมาคิดจุกจิกกับเรื่องพวกนี้ แต่ที่เขาสงสัยคือมารดาและป้านวลไปไหน
“แม่ฉันกับป้านวลไปไหน”
“ไปต่างจังหวัดค่ะคุณภูมิ” สร้อยตอบเสียงเบา ก่อนก้มหน้างุดเมื่อโดนเจ้านายหนุ่มมองอย่างตำหนิ
“ไปทำอะไร” เสียงเข้มถามต่อทันที
“ไม่ทราบค่ะคุณภูมิ แต่คุณหญิงสั่งไว้ว่าจะไปสามวันค่ะ” สร้อยรีบรายงานตามที่คุณหญิงกัญญาสั่งทันทีเพราะไม่ต้องการให้ภูวเดชรู้
“จะไปทำอะไรก็ไป!” ภูวเดชบอกอย่างตัดรำคาญเมื่อถามไปแล้วก็ไม่ได้คำตอบที่ต้องการ
“แล้วคุณภูมิจะรับของว่างไหมคะ” สร้อยเอ่ยถามตามหน้าที่อีกครั้ง
“ไม่” ภูวเดชบอกเสียงทุ้มก่อนเดินเข้าห้องแล้วปิดประตูเสียงดัง ล้มตัวลงนอนค่อยๆ หลับตาลงอย่างคนเหนื่อยล้า เขาเหนื่อยที่จะต้องมารับผิดชอบหญิงสาวที่เขาไม่ต้องการ แต่จะขัดผู้ให้กำเนิดก็ไม่ได้ มือหนายกเสยผมลวกๆ จนมันยุ่งเหยิง คิดไม่ตกเพราะเขาไม่เคยคิดจะแต่งงานในตอนนี้
“ไอ้ดนย์ แกอยู่ไหนวะ” ภูวเดชกดโทรหาน้องชายทันทีเมื่อต้องการเพื่อนคุย
“อยู่บ้านสวนครับ” พัทธดนย์บอกพี่ชายเสียงแผ่วๆ เพราะนับตั้งแต่คืนนั้นหลังจากกินบะหมี่เสร็จเขาก็ขออนุญาตค้างที่บ้านสวนเพราะความเมื่อยล้าจากการขับรถนานๆ
“บ้านสวน บ้านใครวะ” ภูวเดชถามย้ำ
“ก็บ้าน...บ้านของเพื่อนครับพี่ภูมิ” พัทธดนย์บอกแต่ไม่ได้บอกว่าเพื่อนผู้หญิง
“เหรอ งั้นฉันไปเที่ยวบ้างได้ไหมวะ อยู่บ้านเซ็งๆ ว่ะ แม่ก็ไม่อยู่ ไม่รู้ไปทำอะไรที่ต่างจังหวัด” ภูวเดชแอบน้อยใจเมื่อมารดาไม่โทรบอกสักคำว่าไปที่ไหน นี่หากเกิดอะไรขึ้นเขาจะทำยังไง
“ไม่ได้ครับ” พัทธดนย์รีบปฏิเสธ เพราะไม่อยากให้ภูวเดชมาที่บ้านหลังนี้และไม่ต้องการให้พี่ชายรู้
“ทำไมวะ หรือแกแอบซ่อนสาวๆ ไว้ที่บ้านสวน ไหนบอกไม่สนใจผู้หญิงไง” ภูวเดชแกล้งถาม
“ไม่ได้ซ่อนใคร ก็แค่บ้านสวนธรรมดา ไม่มีอะไรน่ามองเหมือนไนต์คลับหรอกครับ” พัทธดนย์รีบอ้าง
“ไอ้บ้า...เออๆ ไม่ไปก็ได้ งั้นแค่นี้แหละ เชิญแกชื่นชมบ้านสวนรวมทั้งเจ้าของบ้านไปคนเดียวเถอะ เพราะอย่างฉันมันต้องมองสาวๆ ในไนต์คลับเท่านั้น” ภูวเดชกล่าวทิ้งท้ายก่อนตัดสายทิ้ง แล้วนอนมองเพดานนิ่ง ‘สงสัยคืนนี้ต้องไปคลายทุกข์หาสาวๆ ในไนต์คลับแล้วล่ะมั้ง’ เสียงทุ้มพึมพำอยู่ในใจ
ที่โรงพยาบาล
ร่างเล็กนอนนิ่งมองเพดานด้วยดวงตาเหม่อลอย หัวใจดวงน้อยสับสน เมื่อได้รู้ว่าคุณหญิงกัญญาต้องการพบเธอ ก่อนพลิกร่างหันตะแคงข้างให้กับเสียงเปิดและปิดประตูในเวลาใกล้เคียงกัน
ดวงตาคู่สวยทว่าหม่นหมองหลับตาลงช้าๆ เธอไม่อยากพูดไม่อยากคุยกับใครทั้งนั้น รอยแผลที่เกาะกินใจเธอมานานนับห้าปีเริ่มกลับมาทำร้ายเธออีกครั้ง เมื่อคนใกล้ชิดของผู้ชายใจร้ายคนนั้นมาวนเวียนใกล้เธอ บาดแผลในใจที่เธอพยายามจะลืมมันแม้มันจะไม่เคยหายไปจากใจแต่เธอไม่ต้องการให้ใครรื้อฟื้นเรื่องน่าอับอายนี้ขึ้นมาอีก เธอไม่ต้องการให้เขามารับผิดชอบใดๆ
มือเหี่ยวนุ่มตามวัยของคุณหญิงกัญญาแตะเบาๆ ที่แขนเรียวสวย ราวกับการแตะต้องนั้นจะทำให้หญิงสาวได้รับบาดเจ็บ ทุกอย่างก็เป็นเพราะบุตรชายของนางที่ทำร้ายหญิงสาวจนทำให้เธอหวาดกลัวทุกคน
“หนูวริน” คุณหญิงกัญญาเรียกเสียงเบาอย่างอ่อนโยน พร้อมหยาดน้ำตาของคนถูกเรียกไหลริน แต่เธอก็ยังนอนนิ่งไม่รับรู้ถึงการมาของคุณหญิง
“หนูวริน หันมาคุยกับป้าหน่อยนะ” คุณหญิงกัญญายังไม่ละความพยายาม แม้อยากจะแทนตัวเองว่าแม่แทบขาดใจแต่ก็ไม่อาจทำได้ เมื่อลูกชายของนางทำร้ายหญิงสาวจนไม่น่าให้อภัย
“คุณหญิงกลับไปเถอะค่ะ วรินไม่อยากพบใคร” วรินญาบอกเสียงสั่น พร้อมกัดริมฝีปากแน่นเพราะรู้ว่าตนเองกำลังเสียมารยาทที่ไล่ผู้หลักผู้ใหญ่ หากแต่คุณหญิงกัญญาหาได้ถือโทษไม่ ยังคงเฝ้าพร่ำบอกให้หญิงสาวหันมาคุยกัน และเมื่อได้เห็นใบหน้าที่เคยสวยสดใสและมีรอยยิ้มอยู่เสมอ ทว่าบัดนี้แววตากลมใสดูหม่นหมอง ร่างกายดูซูบลงไปมาก
“โธ่ หนูวริน” คุณหญิงกัญญาและป้านวลต่างพากันอุทานเสียงแผ่วด้วยความสงสารหญิงสาวจับใจ
“หนูวรินของป้า ทำไมถึงได้ซูบผอมแบบนี้ล่ะคะ แล้วนี่ คุณอำนาจไม่อยู่หรือ” คุณหญิงกัญญายกมือเหี่ยวลูบไล้แก้มเนียนแผ่วๆ พร้อมเอ่ยถามถึงบิดาของหญิงสาว
“พ่อ...ไม่อยู่แล้วค่ะ” วรินญาบอกเสียงกลั้นสะอื้น
“หนูวริน” คุณหญิงกัญญาครางเบาๆ พลันให้นึกย้อนไปถึงจดหมายฉบับนั้นที่คุณหญิงนำมาด้วย และอาจทำให้วรินญายอมกลับไปเพราะคำขอร้องก่อนตายของบิดาก็เป็นได้
“หนูไปอยู่กับป้าเถอะนะ ป้าจะดูแลหนูเอง” คุณหญิงกัญญาตัดสินใจพูดขึ้น เมื่อไม่อยากรั้งรอให้เสียเวลาอีกต่อไป นับจากนี้ภูวเดชต้องดูแลหญิงสาวที่น่าสงสารคนนี้ไปตลอดชีวิต