เมื่อวานตอนเย็นหริลักษณ์มารับเธอไปทานอาหารตามที่เขาเอ่ยปากขออนุญาตไว้กับผู้ปกครองของเธอก่อนเขาจะเดินทางลงกรุงเทพฯกับกมลเนตร
และตลอดทั้งวันนั้นเขาเงียบหาย ไม่โทรหรือติดต่อกลับมาสักครั้งเดียว ไม่แม้จะส่งข้อความตอบกลับเธอด้วยซ้ำ ตอนเธอส่งไลน์ไต่ถาม เพียงห่วงเขาเดินทางถึงที่หมายแล้วหรือยัง ปลอดภัยดีหรือไม่ เจอปัญหาอะไรหรือเปล่า แต่สิ่งที่เธอรอคอย คำถามเหล่านั้นที่เธอส่งหาเขาด้วยความห่วงใย สิ่งตีกลับมา มันคือความว่างเปล่า หน้าจอมือถือของเธอยังคงนิ่งสงบไร้การสื่อสารตอบกลับใดๆทั้งสิ้น
และแน่นอน ณ ช่วงเวลาเงียบงันนั้น เขาคงกำลังดูแลเอาใจใส่ผู้หญิงที่ช่างดูเหมาะสม คู่ควรกับเขาแทบทุกประการอยู่สินะ กมลเนตรช่างดูเข้ากับเขาเสียเหลือเกิน พอวกกลับมาคิดถึงจุดอ่อนของตัวเอง สาวน้อยได้แต่ขมขื่นอุรา เรามันเป็นได้เพียงนางบำเรอ เด็กสาวที่สักวันคงต้องกางปีกบินออกจากกรงทองแห่งนี้ เพื่อหลีกทางให้กับตัวจริงของเขา
หญิงสาวก้มมองโทรศัพท์มือถือในมืออีกครั้ง แล้ววางมันไว้บนโต๊ะกระจก ก่อนตัดใจลุกขึ้นยืนเดินจากเก้าอี้ไม้สักขัดมันวาวในห้องรับแขก ลากขาเหนื่อยล้ากับบางสิ่ง เดินออกไปยังสวนหน้าบ้าน อยากให้พึ่งพาความสวยงามจากมัน ทำให้อารมณ์หดหู่นี้แจ่มใสขึ้นมาบ้าง
แปลงดอกไม้นานาพรรณต่างแข็งกันเบ่งบานต้องแสงจันทร์ สะท้อนความสวยงามแม้อยู่ในความมืดมิด ทว่ากลีบดอกแต่ละอันนั้นส่องแสงสว่างเพื่ออวดโฉมตัวเอง มันก็เปรียบเหมือนกับผู้หญิงโดยทั่วไป ต่างแกร่งแย่งชิงดีชิงเด่นเพื่อให้ตัวเองนั้นดูโดดเด่น สวยงามสะดุดตาต่อผู้พบเห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต่อบรรดาชายหนุ่มทั้งหลาย ต่างก็อยากตกเป็นที่รักที่ชอบกันทั้งนั้น
รุ่งรดานั่งยองแล้วแตะกลีบดอกกุหลาบสีขาวมองมันอย่างอ่อนโยน ร่างเล็กอยู่ในชุดคลุมสีหวาน เธออาบน้ำเตรียมตัวเข้านอน ทว่ามันกลับข่มตาหลับไม่ลงเอาเสียเลย เมื่อคนในหัวใจมาเงียบหายเสียดื้อๆทั้งวันแบบนี้...
พ่อเลี้ยงเหมขา! รดาคิดถึงคุณจัง คุณจะคิดถึงรดาบ้างไหมหนอ...
สาวน้อยทอดสายตาเศร้าหมองดูความสวยงามของแปลงดอกกุหลาบจนเมื่อผิวกายรู้สึกได้ถึงความเย็นฉ่ำ เมื่ออยู่ดีๆกลับมีเม็ดฝนโปรยปรายลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย หญิงสาวไม่ได้ลุกขึ้นหนี ทว่ากลับแหงนเงยใบหน้าหวานขึ้นมองท้องฟ้า เม็ดฝนเรียงร้อยเป็นสายพราวระยับทำให้ใจประหวั่นหวนกลับไปคิดถึงวันนั้น วันที่เธอค้นพบว่าตัวเอง
เธอเกิดมาเพื่อเป็นผู้หญิงของผู้ชายที่ชื่อ เหมราช อัครวนานนท์...
และภาพในค่ำคืนแห่งความทรงจำ หลังจากเธอกลับจากตัวเมืองจึงผลุดขึ้นมาในห้วงคำนึง ทำเอากายสาวหนาวสะท้านจนทำให้ผิวเนื้อร้อนผ่าว รุ่งรดาเลยต้องยกลำแขนเรียวเสลาขึ้นมากอดตัวเองเพิ่มความอบอุ่น
อุ่นเพียงกายทว่าหัวใจกลับหนาวเหน็บราวถูกแช่แข็งไว้เสียอย่างนั้น
เธอยังจดจำมันได้อย่างแม่นยำทีเดียว มันเป็นวันฝนพรำเหมือนดั่งเช่นตอนนี้ ทว่าความหนาวเย็นของมันในวันนั้นยังมิอาจสู้ความหนาวเหน็บในหัวใจของเธอในตอนนี้ได้เลยสักนิด
เมื่อการหายเงียบทั้งวันของเขาคราวนี้ เขากลับมีลูกสาวคนงามของไร่ติดกันเคียงข้าง ซึ่งดูคุณเนตรช่างเหมาะสมคู่ควรกับเขาเสียทุกอย่าง มันทำให้เธอรู้สึกไร้ความสุขกับการรอคอยเขาเหมือนทุกครั้งเสียเหลือเกิน...
ครั้นพอย้อนกลับให้นึกถึงเรื่องราวในวันนั้น มันเป็นวันแห่งจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างเธอกับพ่อเลี้ยงหนุ่มใหญ่ ชายหนุ่มที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ปกครองของตนเองมานับหลายสิบปี
พ่อเลี้ยงเหมราชไม่ได้อยู่ในบ้านอย่างที่เธอคิด เธอเดินตามหาเขาจนทั่วทว่ากลับไม่พบชายหนุ่ม กดโทรศัพท์โทรหาปรากฏว่าเครื่องเขาปิด แบตเตอรี่เขาคงหมด หรือไม่ตอนนี้เขาคงวุ่นวายอยู่กับต้นองุ่นทั้งหลายจนลืมเวลา
ถ้าหากว่าเป็นเวลาปกติพ่อเลี้ยงจะกลับเข้ามาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนหกโมงเย็น ต่อจากนั้นจึงนั่งรับประทานอาหารพร้อมด้วยการจิบไวน์เล็กน้อยเพื่อเป็นการผ่อนคลายจากความเมื่อยล้า โดยมีเธอนั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วยทุกมื้อ
เรียกได้ว่ามันคือกิจวัตรประจำวันเลยทีเดียว
บ้านหลังนี้ไม่มีแม่บ้านประจำ แต่จะมีคนงานหญิงจากไร่องุ่นเข้ามาทำความสะอาดอาทิตย์ละสามวัน สำหรับอาหารเป็นหน้าที่ของเธอในตอนเช้า สำหรับตอนเย็นจะมีคนงานหิ้วใส่ปิ่นโตมาจัดเตรียมไว้ให้
บ้านไม้หลังนี้จึงมีเพียงเธอกับเขาอยู่กันลำพัง เนื่องจากพ่อเลี้ยงเหมราชเป็นคนรักสันโดษ เขาไม่ชอบให้ใครเข้ามาวุ่นวายเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวมากนัก
เขาถึงได้ครองตัวเป็นโสดมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่ยอมลงเอยกับสาวสวยมากหน้าหลายตาที่มักวนเวียนเข้ามาทอดสะพาน ด้วยการทำตัวตีสนิทกับชายหนุ่มสักราย ขนาดกมลเนตรที่ได้ขึ้นชื่อเรื่องความงดงามเหมาะสม พ่อเลี้ยงเหมของเธอยังไม่ยอมเอยปากขอสาวเจ้าแต่งงานสักที...
และด้วยวันนี้ตลอดทั้งวัน เธอขออนุญาตผู้ปกครองเข้าตัวเมือง เพื่อหาซื้ออุปกรณ์ทำรายงานส่งอาจารย์วราลี แน่นอนเธอไม่ได้ไปคนเดียว ทว่ายังมีกลุ่มเพื่อนมากกว่าห้าคนขับรถเข้ามารับเธอถึงในไร่ และหนึ่งในนั้นมีหริลักษณ์พี่รหัสของเธอซึ่งทำหน้าที่ขันอาสาเป็นสารถีพร้อมกับยังอาสาช่วยค้นหาข้อมูลเนื้อหายากๆเกี่ยวกับรายงานให้อีกต่างหาก
เป็นใครจะกล้าปฏิเสธน้ำใจได้ลงคอ ถึงเธอนั้นจะรู้อยู่เต็มอก หริลักษณ์คิดเช่นไรกับเธอกันแน่ เมื่อชายหนุ่มรุ่นพี่เล่นให้ความเอ็นดูเธอมากกว่ารุ่นน้องคนอื่นๆในกลุ่ม ทว่าเธอกลับมองเขาเป็นเพียงเพื่อนร่วมสถาบันเดียวกันเท่านั้น เธออยากตั้งใจเรียนให้ได้เกรดเฉลี่ยดีๆ เพื่อให้สมกับเงินทุกบาทสุกสตางค์ที่พ่อเลี้ยงเหมราชควักจ่ายให้ ส่วนเรื่องของหัวใจ ตอนนี้เธอยังไม่อยากให้ความสำคัญกับมันมากนัก
และหลังจากกลับมาจากซื้ออุปกรณ์ในตัวเมือง จวบจนกระทั่งแวะทำรายงานที่บ้านของเพื่อนในกลุ่มจนเสร็จ กลับเข้าไร่องุ่นอีกทีก็ถึงเวลาทานอาหารเย็นพอดี ทว่าในบ้านกลับดูเงียบเชียบ พ่อเลี้ยงเหมราชยังไม่กลับออกมาจากไร่หรือไง
“เขาหายไปไหนนะ...”
ที่โต๊ะอาหารถูกจัดวางไว้อย่างเรียบร้อยน่าทาน แต่กลับไร้ร่างสูงใหญ่นั่งประจำที่ นึกกังวลเป็นห่วงเขาสารพัด และด้วยความร้อนใจ หญิงสาวจึงรีบสาวเท้าไปยังโรงจอดรถ ลากเจ้าจักรยานสองล้อมาจูง แล้วปั่นเข้าไร่ เผื่อจะเจอเขาอยู่ที่นั่น
“พ่อเลี้ยงกลับออกไปตั้งแต่บ่ายแล้วนี่ครับหนูรดา” คำเมืองเดินขมวดคิ้วออกมาจากออฟฟิศ ในมือเขาถือพรรณองุ่นอยู่ เพราะจะเอาเข้าไปเก็บในโรงเพาะชำ
แต่บังเอิญหูได้ยินเสียงเรียกหวานหยดจากเจ้านายสาวที่เขาคุ้นเคยเข้าพอดี เลยเดินย้อนออกมาดูเสียก่อน
ถึงรุ่งรดาจะเป็นเพียงเด็กที่เจ้านายเขาเก็บมาเลี้ยงเอาไว้ ไม่ได้มีสายเลือด อัครวนานนท์อยู่เลยก็ตาม แต่คนงานในไร่องุ่นแห่งนี้นั้นต่างให้ความเคารพนับถือสาวน้อยน่ารักคนนี้ ไม่ต่างจากเจ้านายของตนคนหนึ่งก็ว่าได้
“หรือจ๊ะลุงคำเมือง” คำตอบของผู้จัดการในไร่ยิ่งทำให้สาวน้อยเป็นกังวล จะไปไหนทำไมไม่บอกเธอสักคำ ปล่อยให้เป็นห่วงอยู่ได้ น่าจะสั่งคนเอาไว้บ้างว่าตัวเองจะไปไหน ทำอะไร
รุ่งรดาแอบบ่นพึมพำอยู่ในใจ ใบหน้าจิ้มลิ้มนั้นดูติดเป็นกังวลอย่างชัดเจน
“มาตามหาพ่อเลี้ยงเหรอคะน้องรดา” หญิงสาวที่มีหน้าที่ดูแลเรื่องเอกสารเดินออกมาสมทบ เจ้าตัวได้ยินเหมือนสาวน้อยคนงามแห่งไร่องุ่นกำลังตามหาตัวพ่อเลี้ยงเหมราชอยู่
“ใช่ค่ะพี่จันทร์ พอดีรดาเพิ่งกลับเข้ามาจากตัวเมือง กลับมาก็ไม่เห็นพ่อเลี้ยงเหมอยู่ในบ้านเลยละค่ะ โทรศัพท์ก็ปิดเครื่องเสียด้วย”
“เอ...พี่ได้ยินเหมือนพ่อเลี้ยงโทรนัดกับใครออกไปข้างนอกนะคะ พอรับสายเสร็จปุ๊บก็ออกไปทันทีเลย คงจะรีบถึงไม่ได้บอกใครเอาไว้” จันทร์ทราพูดเสริมความคิดของตัวเอง
รุ่งรดาพยักหน้ารับรู้ อยู่พูดจากับทั้งสองคนสองสามประโยคก่อนจะขอตัวปั่นจักรยานคู่ใจกลับเข้าบ้าน ซึ่งเป็นเรือนไม้สักชั้นเดียวยกสูง มีขั้นบันไดสามขั้นตรงชานบ้าน ปลูกสร้างไว้คล้ายภาพถ่ายในโปสต์การ์ดท่องเที่ยวที่มีวางขายเกลื่อนตัวเมือง
บ้านหลังนี้ไม่ได้ใหญ่โตมากมาย เพราะเดิมทีมีเพียงเจ้าของไร่อยู่เพียงลำพัง ถึงจะมีเธอเข้ามาอาศัยเพิ่มอีกคน แต่ก็ไม่ทำให้บ้านหลังนี้ดูคับแคบแต่อย่างใด
รอบตัวบ้านถูกรายล้อมด้วยต้นไม้นานาชนิด มีทั้งแบบให้ผลเก็บทานตามฤดูกาล และมีทั้งแบบให้ความร่มรื่นแผ่กิ่งก้านบดบังแสงแดดจากดวงอาทิตย์
พอกลับเข้าบ้านเธอจึงจัดแจงขึ้นห้องพักเพื่ออาบน้ำชำระร่างกายให้สดชื่น เรียบร้อยดีแล้วจึงลงมารับประทานอาหารเพียงลำพัง เป็นเวลาดึกแล้วเธอคงไม่รอคอยทานพร้อมกับเจ้าของบ้าน เขาคงหาทานมาจากข้างนอกนู่นเลย
ทานอาหารเสร็จเธอจึงฉวยเอาหนังสือมาอ่านเพื่อฆ่าเวลา รอเจ้าของบ้านแล้วค่อยกลับขึ้นนอน ฝนที่หยุดตกตอนเธอปั่นจักรยานเข้าไร่เริ่มโปรยปรายลงมาอีกระลอก ชำเลืองหางตาขึ้นมองนาฬิกาแขวน ตอนนี้เกือบจะสามทุ่ม แต่ก็ยังไร้เงาของพ่อเลี้ยงเหมราชอยู่ดี...
****************************