ป้าตื้อก้มหน้าด้วยรู้สึกผิด
“ชอบซี้ ฮ่าาาๆๆๆ ปิ่นรักจากฝ่าบาทเชียว เขาว่าปิ่นแสดงความรักมิใช่หรือ”
พูดไปยิ้มไป พลางคิดว่าฮ่องเต้แก่ๆ แบบนั้นคงมีสนมนับร้อยนับพัน ให้ปิ่นใครไปบ้างจะจำได้หรือ ครั้งแรกที่ให้คงตั้งแต่สามสิบปีที่แล้วละมั้งป่านนี้คงหมดรักฮองเฮาที่แก่ไปด้วยกันแล้ว
อี้เอ่อร์ปิดปากหัวเราะคิกคัก
“ไม่แน่นะพี่เข่อชิง”
“ไม่เอาหรอกอ่าาาข้าไม่อยากเป็นสนม”
ยิ้มทั้งสีหน้าและดวงตา อี้เอ่อร์พูดเบาๆ
“ฝ่าบาทก็ไม่มองนางในก้นครัวเหมือนเราหรอกพี่”
ป้าตื้อทำเสียงจิ๊จ๊ะกับสองสาว
“มื้อเย็นฝ่าบาทอยากจะเสวยอาหารที่รสชาติเผ็ดร้อนเหมือนเมื่อมื้อกลางวันข้าให้เฟยฟางมายืนดูเจ้าปรุงเผื่อว่าฝ่าบาทจะถามแล้วข้ามีเรื่องจะขอร้องเจ้า”
“้ป๊าาาาาาป้าคิดอะไรอยู่ทำไมต้องให้เฟยฟางมาดูพี่เข่อชิงปรุงนางมิจำเคล็ดลับการปรุงของพี่เข่อชิงไปจนสิ้นหรือ”
อี้เอ่อร์ที่ไม่ยอม พูดขัดขึ้น
“มันจำเป็นเข่อชิง ไว้ข้าจะเล่าให้ฟังแต่เจ้าสองคนต่อนี้ไปห้ามบอกว่าเข่อชิงคือคนที่ปรุงเครื่องเสวยเมื่อกลางวันเพราะฝ่าบาทปักใจเชื่อไปแล้วว่าเป็นเฟยฟาง เราทั้งหมดกำลังหลอกลวงเบื้องสูง แต่นั่นเพราะความจำเป็นข้าเองก็มีส่วนผิดที่ไม่ยอมให้เจ้าไปกับตาแก่ซุน เฟยฟางนางจึงต้องรับหน้าแทนเจ้า”
อี้เอ่อร์ถอนหายใจทำสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ ศรีไพรนิ่งงันก้มมองมือตัวเอง
“ได้ ให้นางมาดูจะได้ตอบคำถามได้ถูก”
“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ใช่คนโง่เข่อชิง ต่อไปหากให้ของกำนัลจากฝ่าบาทข้าจะให้เฟยฟางนำมาให้เจ้าได้เลือกก่อนใคร”ป้าตื้อพูดเอาใจ
“เชอะนางก็ได้ความดีความชอบอยู่ดี ข้าละเกลียดจริงๆ คนที่แอบอ้างเอาความดีความชอบของคนอื่นไปแบบนาง”
อี้เออ่ร์พูดเบาๆ เหมือนบ่น
มันเคยเกิดขึ้นแล้วเคยเกิดขึ้นบ่อยไปสำหรับศรีไพรไม่ได้รู้สึกอะไรแต่ที่ผ่านๆ มามันคือบทเรียนที่ศรีไพรไม่มีทางพลาดอีกแล้ว
ศรีไพรยิ้มกว้างเปลี่ยนสีหน้าทันที
“เข้าใจแล้ว ไป๊อี้เอ่อร์ไปเตรียมวัตถุดิบสำหรับปรุงเครื่องเสวยเย็น อ่อข้าวานเจ้าสั่งคนที่หุงข้าวสำหรับฝ่าบาทเสวยว่าหุงให้มันแข็งกว่านี้หน่อยอย่าให้เละเป็นโจ๊กกินกับอาหารรสจัดไม่อร่อย”
ดึงมืออี้เอ่อร์ให้ลุกขึ้น ป้าตื้อถอนหายใจโล่งอกตอนแรกคิดว่าเข่อชิงนางจะต้องโวยวายแต่เปล่าเลยนางนิ่งกว่าที่คิดไว้ หรอนาวงกำลังจะเติบโตขึ้นหรือนางเริ่มจะเข้าจะอะไรๆในวังหลวงได้ดีขึ้นกว่าแต่ก่อน
“แล้วเจ้าคิดจะทำอะไรให้ฝ่าบาทเสวยในเมื่อเย็นนี้”
“อากาศไม่ได้หนาวนี่ ร้อนๆ แบบนี้ก็ควรจะกินน้ำพริก”
“น้ำพริก”
อี้เอ่อร์กับป้าตื้ออุทานขึ้นพร้อมกัน
ตำหนักฝ่าบาท
เป่ยกงกงเก็บม้วนฎีกาที่หนิงหลงอ่านเสร็จแล้วเข้าไว้ในตะกร้า
หนิงหลงที่ยืนข้างหน้าต่างเหม่อมองออกไปด้านนอก แต่ท่าทีผ่อนคลาย
“กงกงท่านว่าเครื่องเสวยเมื่อกลางวันเป็นอย่างไรบ้าง”
เป่ยกงกงประสานมือ
“รสชาติเผ็ดร้อนแต่กลมกล่อมลงตัวสัมผัสแปลกใหม่ของกระเพาะหมู ที่จะว่าเหนียวก็ไม่จะว่ากรอบก็ไม่เชิงแล้วยังเห็ดหอมที่ช่วยแบ่งรสเผ็ด ยามเคี้ยวและกลืนกลิ่นกะเพราหอมขึ้นจมูก โดยรวมแล้วสุดยอดพ่ะย่ะค่ะ”
หนิงหลงยิ้มใบหน้าหล่อยิ่งหล่อเหลาขึ้นไปอีก
“ข้าปีนี้24ปีแล้วเพิ่งจะเคยกินอาหารรสชาติแบบนี้ กงกงท่านชิมเพียงคำเดียวก็บอกได้เพียงนี้เชียวหรือ”
เป่ยกงกงยิ้มจะบอกอย่างไรว่าหลังจากที่เฟยฟางยกถาดอาหารไป เป่ยกงกงสั่งให้เฟยฟางยกเครื่องเสวยที่เหลือไปยังห้องของเป่ยกงกงเพื่อชิมเมนูนี้อย่างละเอียด
“แล้วฝ่าบาทคิดว่า เครื่องเสวยนี้เป็นอย่างไรบ้าง”ถามกลับ
“ข้าแทบจะอดใจรอจนถึงมื้อเย็นไม่ได้ อยากจะเห็นว่านางจะนำเครื่องเสวยอะไรมาให้ข้าได้ลิ้มลองอีก”
เป่ยกงกงประสานมืออมยิ้ม
“มิได้รอแต่เครื่องเสวย ฝ่าบาททรงรอคนยกเครื่องเสวยด้วยถูกต้องหรือไม่”
“นางงดงามจน…ข้าไม่อยากจะเชื่อว่านางจะปรุงเครื่องเสวยได้ เราไปดูนางปรุงเครื่องเสวยที่ห้องเครื่องดีไหม”
"ไม่พ่ะย่ะค่ะยิ่งกดดันพวกเขาและห้องเครื่องวุ่นวายทั้งกลิ่นควันไฟและกลิ่นอาหารฝ่าบาทจะทนได้หรือ"
"ไม่ไปก็ได้"
ใบหน้าหล่อพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆแต่เป่ยกงกงรู้ดีว่าไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นัก
เป่ยกงกงยิ้ม
“นางงดงามอ่อนหวาน มากความสามารถกล้าคิดกล้าพูด จึงไม่ควรอยู่แต่ในห้องเครื่อง”
หนิงหลงพยักหน้าขึ้นลง
ที่ห้องเครื่อง
“ฝ่าบาท24แล้วแต่ยังไม่แต่งตั้งฮองเฮาเวลาที่ผ่านมาทำศึกสงคราม กับแคว้นน้อยใหญ่พอกลับวังหลวงก็หวาดระแวงกลัวว่าแคว้นที่เคยทำสงครามจะส่งคนมาวางยาลอบสังหารไม่ยอมเสวยอะไร นานๆ เข้าก็กลายเป็นไม่อยากเสวย หมอหลวงจึงหาวิธีให้คนในห้องเครื่องทำอาหารที่ยั่วน้ำลายฝ่าบาทจนต้องอยากเสวย”
อี้เอ่อร์เล่าไปพร้อมกับสับหมูไปด้วย
“อ่อ ทำสงครามตั้ง24ปีกินนอนในสนามรบจนเคยพอมาเจอของดีดีเลยไม่อยากกิน เกิดอาการเบื่ออาหาร อี้เอ่อร์แล้วหากว่าฝ่าบาทไม่ยอมเสวยจริงๆ นี่พวกเราจะถูกประหารจริงๆ หรือ”
“พี่เข่อชิงท่านก็ลองนึกถึงคนที่โมโหหิวแต่ไม่มีอะไรถูกใจสักอย่างแล้วยังเป็นถึงฮ่องเต้ก็จะหาที่ลง จริงไหม”
ศรีไพรนึกวาดภาพ ฮ่องเต้ที่แก่หงำเหงือกสวมเสื้อคลุมมังกรสีเหลืองทอง อ้วนลงพุง เพราะกินแต่หมูแต่ไก่ และของดีๆ เลี่ยนๆ กำลังโมโห กวาดถ้วยจานบนโต๊ะจนเกลี้ยงร้องอยากจะกินของเผ็ดๆ
“ฮ่าาาาขำจริงๆ ไม่เป็นไรข้า(อี่ศรี)มาแล้ววันนี้จะกินอะไรดีเพคะฝ่าบาท”
ศรีไพรลุกขึ้นประสานมือข้างเอวย่อตัวลงเลียนแบบนางใน
อี้เอ่อร์อมยิ้ม พี่เข่อชิงเปลี่ยนไป
“เจ้าจำไว้เฟยฟางต่อไปต้องเอาใจนางหน่อย เข่อชิงนางก็ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำอะไร ไปพูดกับนางดีดีขอโทษนางเสีย ข้าคุยกับนางให้เจ้าแล้วนางก็ไม่ได้โกรธอะไร เข่อชิงนางเป็นคนที่เข้าใจอะไรง่ายๆ ข้าเลยคิดว่าเจ้าอาศัยแอบอ้างนางเจ้าจะต้องดีกับนาง หากเจ้าได้ความชอบก็อย่าลืมแบ่งความดีให้นางบ้าง”
ป้าตื้อยืนหอบเมื่อพูดจบ
“เจ้าค่ะ”เฟยฟางตอบเพียงสั้นๆ
“เฮอะปล่อยข้าพูดตั้งนานนี่เจ้าจะไม่แย้งอะไรหน่อยหรือ”
“ไม่ค่ะ”
“เฮอะ…ข้าละเบื่อเจ้าจริงอยู่ที่นี่เจียมเนื้อเจียมตัว ต่อหน้าฝ่าบาทยังกล้าแย่งความชอบขิงเข่อชิง”
เฟยฟางก้มหน้าพูดเบาๆ