บทที่ 9

1504 คำ
“ช่อไม่ได้อยากได้เงินของอาจารย์ ไม่เคยอยากได้” เธอย้ำให้อาจารย์หนุ่มฟังชัดๆ คนฉลาดแบบเขาน่าจะเข้าใจได้ไม่ยากว่าทำไมหลายปีที่ผ่านมา หากเรื่องที่เขาพูดเกี่ยวกับเงินหรือค่าเลี้ยงดู เธอจะบ่ายเบี่ยงและไม่เคยรับจากเขามาง่ายๆ จนเขาต้องทำเรื่องเปิดบัญชีให้และโอนเงินเข้าไปแทนการให้เธอโดยตรง ซึ่งตอนนี้เธอยังไม่เคยรู้เลยด้วยซ้ำว่าในนั้นมีเงินอยู่จำนวนเท่าไรแล้ว “ถ้าไม่อยากได้ ก็คืนผมมาสิ” อาจฟังดูใจร้าย ไร้หัวใจแบบที่ใครๆ ก็ชอบพูดลับหลังถึงเขาทำนองนี้ แต่จะให้ยอมรับว่านักศึกษาที่เขาเลี้ยงไว้แบบชั่วครั้งชั่วคราว จนเลยเถิดแทบจะเรียกได้ว่าเมียเก็บเขาคนนี้ คิดลึกซึ้งกับเขา การทำเป็นไม่รู้เรื่องและไม่ยอมรับมันถูกต้องที่สุดแล้ว “อาจารย์อยากได้คืนเหรอคะ” เมื่อสามปีก่อนเขาเคยสืบประวัติของช่ออัญชันและรู้สึกคุ้นกับนามสกุลของหญิงสาว จำได้รางๆ ว่าเคยเป็นคนงานที่เหนือฟ้า ไร่กุหลาบของพี่ชายคนโต แต่พอไปถามหาถึงได้รู้ว่าคนงานคนนั้นลาออกไปหลายปีแล้ว แต่สุดท้ายเขาก็หาที่อยู่ปัจจุบันของชายผู้นั้นจนได้ เขาตามไปถึงที่อาศัยปัจจุบันของอดีตคนงาน แม้ชายผู้นั้นจะจำได้ว่าเขาคือใคร แต่ก็ไม่ได้สงสัยอะไรเมื่อเขาบอกว่าตนเองเป็นอาจารย์ที่สอนช่ออัญชันลูกสาวของชายผู้นั้นอยู่ เขาแน่ใจว่าทั้งสองคนเป็นพ่อลูกกัน เพราะก่อนจะได้ที่อยู่มาก็มีคนงานเก่าหลายคนยืนยันแล้วว่าชายผู้นี้มีลูกสาวชื่อ ‘หนูช่อ’ จริง อายุอานาม ณ ปัจจุบันก็รุ่นราวคราวเดียวกัน แถมนามสกุลที่เขาจำได้คนในจังหวัดนี้ก็ไม่ค่อยมีซ้ำกันนัก แต่ก็เพิ่งมาแน่ใจเอาตอนที่ได้คุยกับอดีตคนงานนั่นเอง เขาไม่ได้ถามอะไรเจาะลึก แค่สังเกตโดยรอบ บ้านปูนชั้นเดียวหลังกะทัดรัด สีซีดจนแทบไม่รู้ว่าเคยเป็นสีอะไรมาก่อน มีเพิงที่ทำจากแฝกต่อเติมออกไปซึ่งเขาเดาว่าคงเป็นส่วนครัวและที่เก็บของ รอบๆ พื้นที่ว่างมีแปลงผักสวนครัวเกือบทุกชนิด มีบ่อปลา มีต้นมะพร้าวสลับกับต้นมะม่วงๆ ล้อมบ้านหลังน้อยนี้อีกที ตอนนั้นเขาหันกลับมามองที่ชายวัยกลางคนอีกครั้ง รูปร่างสูงใหญ่ดูแข็งแรงอย่างคนที่ทำงานกลางแจ้ง ผิวออกสีขาวเหลือง บนศีรษะมีเส้นผมสีดอกเลาแซมด้วยสีดำเล็กน้อย หน้าตาคมคายสะอาดสะอ้านแม้อยู่ในเสื้อผ้าเก่าสีซีด ทั้งเสื้อลายสก็อต กางเกงยีนตัวใหญ่อายุการใช้งานคงไม่ต่ำกว่า 20 ปี และผ้าขาวม้าที่พาดไว้กับไหล่ รวมๆ แล้วชายวัยกลางคนคนนี้ยังดูดีมากเมื่อเทียบกับอายุ ที่สำคัญคือเขารู้แล้วว่าช่ออัญชันได้ส่วนผสมของหน้าตาที่สมบูรณ์แบบมาจากไหน เจ้าหล่อนดูคล้ายกับพ่อมากจริงๆ แต่หลังจากได้สังเกต จากการพูดคุยรวมถึงประวัติที่เขาได้รู้มาก่อนหน้า ก็สรุปได้ว่าฐานะทางการเงินของครอบครัวนี้ค่อนข้างยากจน แม้จะพอกินพอใช้ไม่ได้อัตคัดขัดสนจนถึงขั้นไม่มีอันจะกิน แต่การต้องส่งลูกสาวเรียนในระดับมหาวิทยาลัยก็คงลำบากเลือดตาแทบกระเด็นน่าดูสำหรับคนที่ไม่มีสมบัติ หรือที่ทางทำมาหากินอะไรเลย นอกจากที่ดินในส่วนบ้านนี้ ซึ่งคาดคะเนจากสายตาคงไม่เกิน 1 ไร่ เพราะเหตุนี้เขาจึงเสนอเงินให้ช่ออัญชันตั้งแต่แรก และก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายนัก เมื่อเด็กสาวตอบรับโดยใช้เวลาคิดเพียง 2 วันเท่านั้น เขาเลยมั่นใจว่าเรื่องเงินสำคัญต่อเธอ หากการเอ่ยออกไปว่าจะเอาทั้งหมดที่เคยให้ไปนั่นคืนมา อาจทำให้เจ้าหล่อนหยุดคิดและเลิกตอแยกับเขาไปเอง “ช่อทำเหมือนเราไม่เคยคุยกันเรื่องนี้ ช่องอแงในเรื่องที่ไม่ควรงอแง” ทั้งที่ตอนนั้นเขาก็ห้ามตัวเองแล้วว่าการคบพวกเด็กสาวๆ ที่โลกของพวกเธอยังสวยงามอยู่จะนำปัญหามาให้ แต่สุดท้ายเขาก็พ่ายแพ้ต่อดวงตาสุกใสเป็นประกายที่จ้องมองมา ทุกครั้งที่เขาตั้งใจหันกลับไปมองเพื่อให้เด็กสาวผู้นั้นรู้ตัวเจ้าหล่อนก็จะเสหลบตาเขา ทำตัวหลุกหลิกเหมือนทำเรื่องผิดมหันต์เอาไว้ แต่ถึงแม้จะหลบไปแล้ว สายตาทอประกายนั้นก็เปิดเปลือยความรู้สึกที่มีต่อเขาจนหมดสิ้น... และสุดท้ายเขาก็แพ้ต่อความจริงใจไร้เดียงสานั้นเข้าจนได้ ช่ออัญชันโผเข้าไปสวมกอดร่างสูงไว้ ซบหน้าลงกับอกเขาก่อนจะสะอื้นไห้ออกมา “เราไม่เลิกกันได้มั้ยคะ ช่อรักอาจารย์นะ” “ช่อยังไม่รู้หรอกว่าความรักจริงๆ มันคืออะไร” เสียงเขาอ่อนลง พอๆ กับที่เริ่มเห็นใจคนตรงหน้า ช่ออัญชันไม่ใช่เด็กดื้อ หรือคนที่พูดไม่รู้เรื่อง แต่ความผูกพันตลอดหลายปีของเราสองคนเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่เสแสร้งแกล้งทำ เธออยากเถียงนับพันใจแทบขาด เขาก็เป็นซะอย่างนี้ ชอบเอาตัวเองมาตัดสินความคิดหรือการกระทำของคนอื่น ความรักสำหรับเขาเป็นยังไงเธอไม่รู้ แต่ความรักของเธอคือเขาและมันเป็นเช่นนี้มาเนิ่นนานแล้ว “ทำไมล่ะคะ ทำไมเราถึงคบกันไม่ได้ ช่อรู้ว่าอาจารย์ก็ชอบช่อ อาจไม่ถึงกับรัก แต่อนาคตช่อเชื่อว่าความชอบนี้จะพัฒนาขึ้นได้ ให้โอกาสช่อ ให้โอกาสเราได้มั้ยคะ” “ไม่ได้หรอก คนอื่นจะมองผมยังไงถ้ารู้ว่าผมอยู่กินกับลูกศิษย์ตัวเอง” พอพูดจบนับพันก็ถูกผลักออกจากคนที่เพิ่งสวมกอดเขาแน่นอยู่เมื่อครู่ “ช่อเพิ่งรู้ว่าอาจารย์สนคนอื่นด้วย” ดวงตาปริ่มน้ำนั้นตัดพ้อและประชดประชันอย่างต้องการให้เขาได้เห็นและรับรู้ “สนสิ หากช่อลืมผมจะช่วยเตือนความจำให้อีกครั้ง ว่าผมเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย พ่อแม่ พี่ชายผมเป็นคนมีหน้ามีตาที่นี่ ถึงท่านไม่ได้คาดหวังอะไรในตัวผม แต่ผมก็ยังแบกหน้าตาของครอบครัวไว้ และก่อนที่ช่อจะยอมมาเป็นผู้หญิงของผม ช่อก็รู้ข้อจำกัดนี้ดี และเป็นช่อเองที่บอกว่ายอมรับได้ทุกอย่าง” เขาเคยพลาด เคยโง่และเกือบเอาชีวิตไปทิ้งกับสิ่งที่เขาเคยคิดว่านั่นคือความรัก ชีวิตช่วงนั้นคือความเลวร้ายและหายนะของเขาและครอบครัว เขาได้เห็นน้ำตาของพ่อกับแม่ และปฏิญาณตนไว้ตั้งแต่นั้นว่าเขาจะไม่มีวันกลับไปเป็นไอ้หน้าโง่คนเดิมอีกแล้ว ... กับช่ออัญชันเขาไม่ปฏิเสธว่าเข้ากับเธอได้ดีกว่าใคร เขาอาจชอบเธอ หลงใหลเธอแบบที่ไม่เคยเกิดกับผู้หญิงคนไหน และมันอาจพัฒนาขึ้นไปเป็นความรักแบบที่เจ้าหล่อนบอกได้ แต่คนมีชนักติดหลังแบบเขา เคยทำให้ทุกคนเสียใจ ผิดหวัง เสียผู้เสียคนเพราะผู้หญิงมาแล้ว ‘ความรัก’ จะถือเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาต้องการ และจะผิดพลาดเพราะมันไม่ได้อีกเป็นอันขาด ฟึ่บ ! เธอยอมสิ้นแล้วทุกอย่าง ขอวางศักดิ์ศรีที่ไม่เคยมีลงตรงนี้ด้วยการย่อตัวลงไปนั่งที่พื้นกอดขาอาจารย์หนุ่มไว้ “อย่าทิ้งช่อเลยนะคะ ช่อรักอาจารย์ และคงอยู่ไม่ได้ถ้าขาดอาจารย์” “ลุกขึ้นช่อ” หญิงสาวส่ายหน้าหวือจนเขาต้องถอนใจ ก่อนจะย่อตัวลงไปเพื่อหวังพยุงเธอขึ้น แต่ในยามที่ช่ออัญชันต้องการจะดื้อดึงเช่นนี้ สภาพของร่างเล็กราวไร้น้ำหนักและแสดงเจตจำนงชัดว่าจะไม่ยอมลุกไปไหน จนเขาต้องคุกเข่าลงข้างนึงเพื่อให้ตัวเองได้อยู่ในตำแหน่งที่เสมอกับเธอแล้วจับตรึงต้นแขนทั้งสองข้างของเจ้าหล่อนไว้ “ช่อจะไม่ดื้อ ไม่ซน จะอยู่เงียบๆ เหมือนเมื่อก่อน ขอแค่อาจารย์อย่าเลิกกับช่อนะคะ” “ที่ช่อทำอยู่นี่แหละที่เรียกว่าดื้อดึง วันนี้ช่ออาจจะเสียใจยอมรับความจริงไม่ได้ แต่วันข้างหน้าช่อจะต้องขอบคุณผมที่ไม่รั้งช่อไว้ ไม่ยอมตามใจช่อ เพื่อวันหนึ่งช่อจะได้เจอคนที่ดีกว่าผม” “ทุเรศ !” ไม่ว่าเธออ้อนวอนขอร้องยังไง นับพันก็ยังจะทอดทิ้งเธออยู่ดี
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม