“ช่อไม่มีแรงเลยค่ะ ช่อ... ช่อ...” แรงบดส่ายเน้นๆ ที่กลีบดอกฉ่ำกลางร่างสร้างทั้งความสุขกระสันและทรมานอย่างแสนสาหัสให้เธอ
อาจารย์หนุ่มเข้าใจเจ้าของร่างอวบอัดแสนเย้ายวนในวัยสาวละล่ำละลักไม่หยุดเป็นอย่างดี ด้วยหญิงสาวกลัวว่าจะทำอะไรให้เขาไม่พึงใจนั่นเอง
“อ๊ะ !”
หญิงสาวหวีดร้องเมื่ออยู่ดีๆ ก็ถูกอุ้มเหวี่ยงขึ้นไปนั่งทับบนหน้าท้องแกร่งขึ้นเป็นแผ่นสวย เธอลอบมองแล้วนับอยู่หลายครั้งก็พบว่ามันไม่เคยน้อยกว่าหกแผ่นสักที อาจเป็นเพราะกิจวัตรประจำของนับพันคือการเข้าฟิตเนตก็เป็นได้ แถมเขายังดูแลตัวเองเรื่องอาหารการกิน การใช้ชีวิตอย่างมีแบบแผน จนผู้หญิงอย่างเธอยังอาย และถึงแม้วันใดเขายุ่งหรือมีภารกิจติดพันจนไม่มีเวลาพอ ก็ยังเอาพละกำลังเรี่ยวแรงทั้งหมดมาลงกับเธอ
“ไม่มีแรงแล้วก็นั่งเฉยๆ ครับ ที่เหลือผมจัดการเอง”
เธอเผลอมองค้อน กึ่งกลางกายยังสอดประสานกันอยู่ เหมือนมีแท่งเหล็กขนาดใหญ่ที่อุ่นร้อนและขยับได้เสียบคา เคลื่อนไหวอยู่ภายในซะอย่างนี้ อาจารย์หนุ่มยังมีหน้าบอกให้เธออยู่เฉยๆ ได้อีกหรือ
... แต่ยังไม่ทันที่ช่ออัญชันจะได้ถามว่าเขาจะจัดการยังไง สะโพกสอบก็กระดกสวนขึ้นมาเสียงดังกึกหนึ่งจังหวะ และหลังจากนั้นไม่กี่วินาทีเสียงดังทำนองเดียวกันก็ดังขึ้นอีก แต่คราวนี้มันถี่และแรงขึ้นจนเธอนับไม่ได้อีกแล้ว
“อะ... อาจารย์คะ อึก”
เพราะกลัวจะกระเด้งกระดอนโงนเงนจนตกเตียงไป ถึงแม้โอกาสที่เป็นไปได้จะน้อยมากก็ตาม แต่เพราะแรงตอกอัดที่สวนกระแทกขึ้นมาทั้งหนักแน่น รุนแรง ไม่ต่างไปจากครั้งอื่นๆ ทำให้เธอต้องป้องกันไว้ก่อนด้วยการยันมือไปบนแผงอกมันปลาบของเขา
“ยายเด็กร้ายกาจ”
ช่ออัญชันยิ้มรับจนตาโตๆ หยีเล็กเท่าเม็ดกวยจี๊เมื่อเธอรู้ดีเชียวละ ว่าทำไมอาจารย์หนุ่มถึงเอ่ยออกมาเช่นนั้น นั่นก็เป็นเพราะมือของเธอที่ทาบลงไปบนอกเปลือยว่างเกินไป และตุ่มไตสีเข้มบนเนื้อตัวขาวผ่องนั่นก็ล่อตาล่อใจจนเธอห้ามมือและนิ้วไม่ให้ไปเล่นกับมันไม่ได้
และนั่นคงทำให้เขาเสียวซ่าน เกร็งสะท้านจนแทบแดดิ้น เพราะนี่คือจุดอ่อนเกือบที่สุดของชายหนุ่ม
“ชอบเหรอคะ”
นับพันแย้มริมฝีปากยิ้มอีกครั้ง และคราวนี้มันไม่ใช่รอยยิ้มแห่งความพึงพอใจ แต่เป็นยิ้มร้ายที่เปิดเปลือยบางมุมที่ถูกซ่อนเร้นไว้จนมิดให้เผยออกมา
“เล่นมา ระวังถูกเล่นกลับ”
เขาร้อนอันนี้เธอรู้ เขาร้ายอันนั้นเธอก็รับรู้มาตลอดเช่นกัน แต่การ ‘เล่น’ กลับที่ถูกเขาขู่เอาไว้นี่สิที่เธอเดาแทบไม่ออก และไม่คาดฝันเลยว่าเขาจะ ‘เล่นเธอหนัก’ ขนาดนี้ !
... ตีสี่กว่าๆ ถือเป็นเวลาที่กำลังเหมาะ
คาดิลแลคสีดำคันหรูถูกขับเข้ามาจอดเทียบอยู่หน้าหอพักนักศึกษาหญิง มันดีที่ตอนนี้เกือบทุกชีวิตกำลังหลับใหลอยู่ในห้วงนิทรารมณ์ จึงไม่มีใครลุกขึ้นมาร่วมรับรู้เป็นพยาน นอกจากคุณน้า รปภ. หญิงที่ประจำอยู่หน้าหอพักนี้เท่านั้น
นับพัน สิงหโชติเดชา จะมารับเธอไปเวลาไหนก็ได้ เพียงแต่ต้องกรอกเอกสารให้เป็นลายลักษณ์อักษร ในฐานะผู้ปกครอง และเขาจะกลับเข้ามาส่งเธอในเขตหอพักนี้เวลาไหนก็ได้เช่นกันในฐานะอาจารย์หนุ่มผู้ทรงคุณวุฒิ ถึงไม่แน่ใจนักว่าทำไมเขาดูทำเรื่องยากๆ ให้กลับกลายเป็นง่ายเพียงแค่กระดิกปลายนิ้ว แต่ก็พอจะเดาได้อยู่บ้างว่าบุรุษผู้นี้มิใช่เพียงอาจารย์พิเศษธรรมดาๆ เท่านั้น แค่ทำเรื่องเหลือเชื่อเล็กๆ น้อยๆ อย่างการเข้าออกมหาวิทยาลัยในยามวิกาล คงไม่เหลือบ่ากว่าแรงเขานักหรอกกระมัง
“ทำไมถึงไม่ยอมย้ายออกไปอยู่อะพาร์ตเมนต์ข้างนอกซะทีฮึ”
คนพูดหัวยุ่งเพราะเพิ่งลุกขึ้นมาจากเตียง ผมเผ้าไม่ได้ถูกเซตจัดทรงเหมือนเฉกเช่นทุกที สูทสีดำขลับไม่ต่างจากรถคันที่เขายืนพิงอยู่ ภายในมีเสื้อเชิ้ตสีขาวยับยู่จากการถูกกองทับด้วยเสื้อผ้าหลายชิ้นทั้งของเขาและเธอ กระดุมถูกปลดลงมาหลายเม็ด แถมชายเสื้อหนึ่งด้านยังหลุดออกมานอกกางเกงอีกต่างหาก
... แต่เชื่อหรือไม่ว่านับพันก็ยังดูดีแทบไร้ที่ติ มันไม่เคยน้อยลง มีแต่มากขึ้นทุกขณะที่เธอได้มองเขา
“หรือกลัวเงินไม่พอ” เพราะเธอทั้งนั้นที่ทำให้เขาต้องละเมิดกฎของตัวเองหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ แรกก็คือยอมมีสัมพันธ์กับลูกศิษย์ตัวเองและเลี้ยงดูเธอมาจนถึงปัจจุบัน ตั้งแต่หญิงสาวยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วยซ้ำ ต่อมาก็คือการไปรับไปส่งเจ้าหล่อนหน้าหอพักนักศึกษาหญิงในยามวิกาล หากสักวันความแตกขึ้นมา รู้ไปถึงไหน อายเขาไปถึงนั่นแน่ๆ
“อีกไม่กี่เดือนก็เรียนจบแล้วนี่คะ” นับพันบอกเสมอว่าจะเป็นคนจ่ายค่าห้องพักให้ แม้แต่ตอนนี้เขาก็ยังไม่ลืมประเด็นนี้ คงลืมไปแล้วว่าเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน เป็นเขาเองที่บอกว่าจะถอยห่างจากเธอ
ซึ่งช่ออัญชันโกหกและบ่ายเบี่ยงเรื่องนี้มาโดยตลอด นั่นเป็นเพราะแม่ของเธอได้ยื่นคำขาดเอาไว้ว่าถ้าไม่อยู่หอพักนักศึกษา ก็ให้ย้ายกลับไปอยู่บ้านเท่านั้น ถึงเธอจะเป็นเด็กสาวใจแตกที่มีสัมพันธ์ลับๆ กับอาจารย์ตัวเองมาหลายปี แต่ก็ยังต้องเชื่อฟังบุพการีด้วย และอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญก็คือหากว่าเธอย้ายกลับไปอยู่บ้าน เธอและนับพันคงไม่มีโอกาสได้เจอกันอย่างที่เจออยู่อีกแล้ว
“นั่นสิ”
สองคำสั้นๆ ที่ถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากได้รูปสวยไม่แพ้อิสตรีทำให้เธอเข้าใจได้อย่างไม่ยากเย็น... เธอเรียนจบเมื่อใด นั่นหมายความถึงความสัมพันธ์ลับๆ นี้ต้องจบลงด้วยเช่นกัน นี่คือข้อตกลงระหว่างเรา
“ขับรถกลับดีๆ นะคะ” เธอหันหลังกลับเตรียมเดินขึ้นหอพัก ก่อนที่จะกักเก็บน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว
“เดี๋ยว”
เมื่อข้อมือของเธอถูกดึงรั้งไว้ก็เหมือนสร้างความหวังเล็กๆ ให้เกิดขึ้น บางทีนับพันอาจเปลี่ยนใจ
แรงบีบที่ข้อมือ และการขมวดคิ้วมุ่นกับเม้มปากจนเป็นเส้นตรง ทำให้เธอเข้าใจว่าอาจารย์หนุ่มมีเรื่องในใจที่กำลังตัดสินใจว่าจะพูดออกมาดี หรือปล่อยมันผ่านไป
“ดูแลตัวเองให้ดีด้วย”
เสมือนถูกมีดอีกเล่มพุ่งเข้ามาเสียบที่หัวใจ เธอหวังอะไรลมๆ แล้งๆ ในสิ่งที่ไม่มีวันเป็นไปได้ อาจารย์หนุ่มผู้นี้เป็นคนเด็ดขาดแค่ไหนเธอควรรู้ดีกว่าใคร และคงไม่มีวันที่เขาจะกลืนน้ำลายตัวเองด้วยการเลื่อนสถานะของเธอขึ้นไปเป็นคนรัก หรือยอมให้คนอื่นได้รู้ว่าเขามีสัมพันธ์กับลูกศิษย์ตัวเองจนพัฒนาไปเป็นอย่างอื่น... ถึงเราสองคนจะเข้ากันได้ดีแค่ไหนก็ตาม
“เรื่องเงินเดือน ผมจะยังโอนให้ทุกเดือนจนกว่าช่อจะเรียนจบและหางานทำได้ หรือถ้าหากมีปัญหาอะไร...”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เงินเก็บช่อยังมี อาจารย์ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ” ช่ออัญชันดึงมือตัวเองออกมา เพื่อให้เขาหยุดพูด และเป็นฝ่ายแทรกขึ้นมาเสียเอง
... จบสิ้นกันจริงๆ แล้วสินะ
“ผี !”
เสียงอุทานอันดังมาพร้อมกับไฟในห้องที่สว่างพึ่บ พอได้เห็นชัดๆ ว่าเงาดำตะคุ่มๆ ที่นั่งคุดคู้และครางหงิงๆ โหยหวนอยู่ที่เตียงของเพื่อนไม่ใช่ผี แต่เป็นเพื่อนสาวของเธอเอง ก็ทำให้นิรินนักศึกษาสาวปีสี่หายใจได้ทั่วท้องขึ้น
นึกว่าจะเจอดีเข้าแล้วเชียว !...
“ไอ้ช่อ !”
คราวนี้เสียงนั้นดังกว่าเสียงที่เกิดขึ้นเพราะคิดว่าเจอสิ่งลี้ลับในคราแรกซะอีก เมื่อนิรินได้เห็นชัดๆ ว่าเพื่อนของเธอนั่งกอดเข่าน้ำตานองหน้า ดวงตาแดงช้ำบวมปริจนน่าสงสาร ทั้งที่เธอยังไม่รู้และแสนจะแปลกใจเหลือเกินว่าเพื่อนรักโศกเศร้าเสียใจด้วยเรื่องอะไร
“นิล...” ช่ออัญชันเปล่งได้แค่เสียงเรียกชื่อเพื่อนเพียงเท่านั้นก็โผเข้าสู่อ้อมกอดที่อ้ารอรับอยู่แล้ว
นิรินลูบหลังลูบไหล่ปลอบใจคนที่ร้องไห้โฮสะอึกสะอื้นปานจะขาดใจ ผ่านไปนับชั่วโมงเพื่อนก็นิ่งขึ้นจนแทบสนิทเหลือเพียงอาการถอนสะอื้นเป็นบางครั้งเท่านั้น จนนิรินคิดว่าเพื่อนคงจะหลับอีกในไม่ช้า