ปิ๊งรักคุณพ่อลูกติด
ผ้ายับที่พับไว้ เขียน
บทที่ 6
----- (บูม)
ผมหงุดหงิดตั้งแต่เช้า เพราะเมื่อคืนเพิ่งทะเลาะกับนิ้งใหญ่โต มันไม่มีทีท่าจะลดนิสัยแย่ๆ ลงเลยน้องแบมกลายเป็นจุดอ่อนของผมที่มันหยิบมาใช้ต่อรองและชนะผมเสมอ เมื่อคืนผมต้องโทรไปฝากน้องแบมไว้กับป้าลีอีกคืน ผมแทบจะไม่ได้นอนจนเช้าเพราะเอาแต่คิดทั้งคืนว่าจะจัดการกับนิ้งมันยังไง
Rrrrr
-ป้าลี-
“ฮัลโหลครับป้าลี”
“เออบูม รับครูไอรินมาด้วยนะ มากินข้าวบ้านป้าก็ได้ ป้าโทรบอกครูเขาแล้วล่ะ” ป้าลีก็ดูจะชงให้ผมจีบครูให้ได้ ไม่รู้ว่าครูโดนป้าลีบังคับหรือเปล่า ยิ่งต้องนั่งรถไปกันสองคน ครูก็จะยิ่งอึดอัด เมื่อคืนนี้ก็เถียงกันเสียงดังเต็มที่ ลืมไปเลยว่าครูอยู่บ้านข้างๆ
“ครูเขาจะไปเหรอป้า” ผมถามเพื่อความแน่ใจ
“เออน่า ป้าบอกครูเขาแล้วไง อย่าช้าล่ะครูเขาคงเตรียมตัวเสร็จแล้ว” นี่อย่าบอกนะว่าป้าโทรไปปลุกครูเขาตั้งแต่เช้า เฮ้อยอมใจป้าเลยจริงๆ ผมจัดการตัวเองจนเรียบร้อย ก่อนจะออกจากบ้านไปแวะรับครูที่หน้าบ้าน นิ้งมันเพิ่งกลับเข้าบ้านมาเมื่อใกล้ๆ เช้า ไม่อยากให้มันเห็นว่าผมจอดรับครูตรงบ้านข้างๆ เดี๋ยวมันจะไปอาละวาดใส่ครูเปล่าๆ
“รอนานหรือเปล่าครับ” ผมจอดรถก่อนจะเลื่อนกระจกถาม ครูที่นั่งรออยู่ตรงม้านั่งหน้าบ้านลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปที่ประตูด้านหลัง
“มานั่งข้างหน้าก็ได้นะครับ” พลั้งปากพูดไปอีกแล้ว เดี๋ยวเขาก็ได้หาว่ามึงจีบเขาอยากอยู่ใกล้เขาอีก แม่งเอ้ย แต่เหมือนจะผิดคาด ครูปิดประตูด้านหลังแล้วเดินมาเปิดประตูตรงเบาะข้างคนขับแล้วขึ้นมานั่งอย่างว่าง่าย
“เมื่อคืนนี้ ขอโทษด้วยนะครับที่ส่งเสียงดังรบกวนเวลาพักผ่อนของครู” ผมพูดพร้อมกับออกรถมา
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แต่ว่า...” ดูจากสีหน้าครูก็คงสงสัยว่านั่นใช่แม่น้องแบมหรือเปล่า
“ครับ เมื่อคืนนี้คนที่ทะเลาะกับผมก็คือแม่ของน้องแบม” ผมตอบข้อข้องใจให้
“ทำไมถึงเอ่อ...”
“ไม่เป็นไรครับ ถามได้”
“พอดีคุณคุยกันเสียงดังมาก ไอรินก็เลยได้ยินเรื่องที่คุณสองคนคุยกัน คือ....มันอาจจะดูเสียมารยาทถ้า...”
“เราไม่ได้รักกันตั้งแต่แรก” ผมตัดสินใจพูดออกไป ด้วยความที่อึดอัดมาตั้งแต่เมื่อคืน และอยากจะระบายออกมาให้ใครสักคนฟังอยู่แล้ว
“ตอนนั้นเราเลิกกันไปแล้ว ต่างคนต่างก็มีแฟนใหม่แล้ว อยู่ๆ นิ้ง...แม่น้องแบมน่ะครับ เขาก็มาบอกว่าเขาท้อง ซึ่งถ้านับระยะเวลาแล้วโอกาสที่ผมจะเป็นพ่อมันก็สูงมาก” ผมยังจำความรู้สึกตอนนั้นได้เลย วินาทีที่รู้ว่าตัวเองกำลังต้องรับผิดชอบชีวิตของเด็กคนหนึ่ง ตอนนั้นผมยอมรับว่าคิดอยู่อย่างเดียว คือกูไม่ได้ตั้งใจ อีกใจก็อยากคบกับแก้มต่อ อยากปฏิเสธความรับผิดชอบนั่นมาก แต่รู้จักนิสัยแม่ตัวเองดี ยังไงก็ต้องรับ ผมเคยคิดด้วยซ้ำว่าถ้าคลอดออกมาแล้วจะจับไปตรวจดีเอ็นเอ แต่เชื่อมั้ย วันที่ได้เห็นหน้าลูกครั้งแรก ผมไม่เคยสนใจอีกเลยว่าใช่หรือไม่ใช่ลูกผม ยิ่งได้ใช้ชีวิตพ่อลูกอ่อนตอนแรกมันยากมาก จากคนที่ไม่เคยเลี้ยงลูก ไม่เคยแม้แต่เลี้ยงหมาเลี้ยงแมวด้วยซ้ำ ตัวเองก็ยังเลี้ยงไม่รอด ต้องมาคอยดูจากแม่ว่าเขาเลี้ยงกันยังไง ช่วงที่ลูกได้ 8-9 เดือนนิ้งมันก็เริ่มออกเที่ยวแม่ก็ไม่บ่นมัน แต่มาบ่นผม ผมก็ไม่รู้จะทำยังไง เลยตัดสินใจแยกบ้านมาอยู่ข้างป้าลี เพราะป้าลีแกไม่มีลูก ไม่มีหลาน ไปหาผมที่บ้านทุกวัน พอมาอยู่นี่ก็มีป้าลี กับแม่คอยช่วยดูลูกให้ แต่พอน้องแบมได้ 4 ขวบป้าลีก็ทนทะเลาะกับนิ้งไม่ไหว เลยขอยกธงขาวย้ายออกไปอยู่หน้าซอยแล้วให้ผมเอาน้องแบมไปส่งที่บ้านป้าแทน
“อ๋อ...” ครูไอรินพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
“ผมก็ไม่ใช่คนดีหรอกครับ ก็แค่อยากจะเป็นพ่อที่ดี” เราไม่ได้พูดอะไรกันต่อ ตั้งแต่จบประโยคนั้นรถทั้งคันก็มีแต่เสียงเพลงที่ผมเปิดคลอไว้จนกระทั่งถึงบ้านป้าลี
“พ่ออออ...” ทันทีที่ผมเปิดประตูรถ น้องแบมก็วิ่งตรงเข้ามาพร้อมกับร้องตะโกนเรียกผมตั้งแต่ตัวยังมาไม่ถึง
“เมื่อคืนนอนกับยายเป็นไงบ้าง” ผมก้มลงไปอุ้มลูกสาวขึ้นมาก่อนจะเอ่ยถาม
“โอ๊ยหลับตั้งแต่ก่อนบูมจะโทรมาอีก” ผมได้แต่หัวเราะตอบป้าลี ครูไอรินที่เดินตามหลังมาไม่ได้พูดอะไร ก็ธรรมดาเธอไม่ใช่คนช่างพูด ออกจะขี้อายซะด้วยซ้ำ
“มาค่ะครูวันนี้ป้าทำกับข้าวอร่อยๆ เยอะเลย” แต่ก็นะป้าลีท่านพูดเก่ง น้องแบมได้ตรงนี้มาจากป้าลีเต็มๆ เพราะป้าลีเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กจนตอนนี้พูดคล่องเหมือนถอดพิมพ์มาจากป้าลี
“แล้วนี่อีนิ้งมันเห็นครูหรือยัง” ป้าลีแอบเดินมากระซิบถามผมระหว่างที่กำลังพากันเดินเข้าบ้าน
“ยังป้า มันหลับอยู่มั้งตอนที่ผมออกมา”
“เมื่อไหร่บูมจะไล่มันออกจากบ้านสักที ป้าเกลียดขี้หน้ามันเต็มทนละ ถ้าป้าเป็นแม่แกนะบูม จะเฉดหัวมันทิ้งตั้งแต่วันออกจากโรงพยาบาลแล้ว”
“โธ่ป้า ผมก็ไม่ได้อยากให้มันอยู่”
“แต่แกก็ไม่ไล่มัน นี่อย่าบอกนะว่ายังแอบกินของเน่าๆ แบบนั้นอยู่”
“ป้า...ผมกับมันแยกห้องกัน ไม่เคยแม้แต่จะคิดเถอะ”
“ให้มันจริง ถ้าอยากมีเมียนะนี่เลยป้าแนะนำครูไอรินนี่ สวยก็สวย พูดจาก็เรียบร้อย เมื่อวานเห็นเล่นกับน้องแบมนะอย่างกับแม่ลูกกัน”
“ป้า...เขาไม่สนผมหรอก ปล่อยเขาไปมีอนาคตดีดีเถอะ”
“อย่างงี้ทุกที ของดีดีแนะนำให้ไม่เคยเอา” ก็อย่างที่บอกผมไม่ได้อยากมีใครตอนนี้ มาถึงในบ้านป้าลีคงตื่นเต้นแกจัดโต๊ะรอตั้งแต่ก่อนพวกเราจะมาถึง
“ดีใจจังที่ครูมากินข้าวกับป้า เนี่ยป้านะเหง๊าเหงาลูกหลานก็ไม่มีกับเขา” ป้าลีเริ่มเดินตามแผนเดิมๆ ผมเดาได้เลยว่าคำต่อไปจะพูดอะไร
“มีพี่น้องเขาก็มีครอบครัวมีลูกกันหมด ย้ายมาอยู่กับแม่เจ้าบูมตามมาเลี้ยงเจ้าบูมแปบๆ มันก็โตซะแล้ว พอมันโตจนมีลูกก็ต้องคอยแย่งกับย่ามัน จะเลี้ยงคนเดียวก็ไม่ได้ย่ามันก็อยากเล่นกับหลานเหมือนกัน เนี่ยบอกให้เจ้าบูมมีอีกคน มันก็ไม่ยอมมีเมีย”
“ป้า...”
“หนูก็อยากมีน้องนะพ่อ” เวรละนี่ป้าก็ไปปลูกฝังเจ้าแบมให้คิดแบบนี้ด้วยเหรอ ครูที่เป็นสาวเป็นนางก็เอาแต่ก้มหน้า อายจนหน้าแดงแจ๋ โอ๊ย โคตรพลาดเลยที่มากินข้าวกับป้าลีพร้อมครูแบบนี้
“ว่าแต่ครูมีแฟนหรือยังคะ” ป้าลีเดินหน้ารุกแบบออกนอกหน้า แม้แต่ผมเองก็ยังตั้งตัวไม่ทัน
“อะ...อ๋อ....มะ...ไม่มีค่ะ”
“อ๋อ เสียดายจังเลยนะคะ นี่ถ้าป้ามีลูกชายนะ จะให้จีบครูเลยเนี่ย” ป้าลีว่าพร้อมกับหันมามองที่ผม
“ยายก็มีลูกสิคะ” เจ้าแบมพูดขี้นบ้าง แก่แดดหมดแล้วลูกกู โอ๊ยยย
“โธ่แบม ยายแก่แล้วน่ะสิ”
“อะฮึ่ม!! ผมว่าเรารีบกินข้าวแล้วก็รีบไปกันดีกว่า ไว้เย็นนี้ค่อยคุยกันใหม่เนาะ” ผมตัดสินใจรีบตัดบทก่อนที่เรื่องมันจะบานปลาย ครูไอรินตอนนี้อายจนแทบจะมุดหน้าลงไปในจานข้าวแล้ว