ครอบครัวที่ (ไม่) อบอุ่น
ปิ๊งรักคุณพ่อลูกติด
ผ้ายับที่พับไว้ เขียน
บทนำ
“จะไปไหนอีก” ผมหันไปถามแม่ของลูกที่ไม่ใช่เมีย มันกำลังเดินออกจากบ้านด้วยชุดสั้นรัดจนเหมือนจะหายใจไม่ออก โชว์สารรูปโทรมๆ ของคนขี้ยาแสนน่าเกลียดของมัน
“แล้วมึงมายุ่งอะไรด้วย อยู่กันมากี่ปีละ เพิ่งจะมานึกหวงกูหรือไง” นิ้ง หันมาโวยเสียงดัง
“จะแหกปากหาสวรรค์วิมานอะไรวะ น้องแบมดูการ์ตูนอยู่ เดี๋ยวก็ได้ยินหมด” ผมพยายามใจเย็นกับมันให้ถึงที่สุด
“ได้ยินแล้วมันจะทำไม กูไม่ได้คุยกับมัน กูคุยกับมึง”
“กูไม่อยากให้น้องแบมมาฟังคำพูดแบบนี้”
“แหมมม จะเลี้ยงลูกให้แรดเงียบแบบอีแก้มแฟนเก่ามึงหรือไง”
“มึงอย่าโยงหาคนอื่นได้ไหม เขาไม่ได้เกี่ยวด้วย”
“เหอะ แทงใจดำเข้าล่ะสิ หลงคิดว่าอีแก้มมันใสใส ที่ไหนได้ร้ายกว่ากูที่แรดๆ แบบนี้ซะอีก”
“มึงอย่าเอาตัวเองไปเปรียบกับเขาเลย มันทุเรศ”
“อีแก้มสิทุเรศ หึคลำดูไม่มีหางมันก็เอาหมด”
“แต่เขาก็เรียนจนจบมีการมีงานทำ”
“มีผัวที่ได้ตบได้แต่ง เห็นว่ากำลังจะมีลูกแล้วด้วยนะ รักแทบตาย สุดท้ายก็ไม่ได้แดก” ผมอยากจะตบเข้าที่หน้ามันแรงๆ สักที ถ้าไม่ติดว่ามันเป็นผู้หญิง ป่านนี้คงจมกองเลือดไปแล้ว
“พ่อกับแม่ทำอะไร เสียงดังจัง” น้องแบมลูกสาววัยห้าขวบของผมเดินออกมาจากห้องนั่งเล่น ลากตุ๊กตาตรงเข้ามาหาผม
“มึงกลับไปดูการ์ตูนมึงโน่น ผู้ใหญ่เขาจะเถียงกัน อย่าสาระแน”
“นิ้ง!!” ผมหันไปนิ้งทันทีที่ได้ยินมันดุลูก ผมขอมันมาตลอดว่าอย่าดุลูกโดยไม่มีเหตุผล ผมตั้งใจเลี้ยงลูกมาด้วยเหตุผลและความเข้าใจ ผมยอมมันแทบจะทุกอย่างเพื่อแลกกับที่ให้มันแสดงบทแม่ที่ดี
“ทำไม หนอยทำเป็นบีบน้ำตาหลบหลังพ่อ ตอแหลแต่เด็กเลยนะมึงเนี่ย”
“นิ้ง!! จะไปไหนก็ไป เดี่ยวลูก....พี่เลี้ยงเอง”
“อุ๊ย อุ๊ยๆ อุ๊ยๆ เดี่ยวลูกพี่เลี้ยงเอง ตอแหลได้พ่อมาเต็มๆ สินะ ไม่เป็นไรๆ ไม่อยู่เป็นก้างขวางคอพ่อลูกแล้วก็ได้ แต่ขอเงินหน่อยสิ” มันพูดก่อนจะแบมือขอ
“ที่ให้ไปล่ะ เมื่อวานเองนะ”
“โอ๊ย!! เมื่อวานก็ส่วนเมื่อวานไง กินเหล้าคืนเดียวก็หมดแล้วมั้ย”
“งานการก็ไม่ทำขอแต่เงิน” ผมไม่อยากจะต่อว่ามันให้ลูกเห็นเลย แต่มันอดไม่ได้จริงๆ
“จะเอายังไง จะให้ไปหรือไม่ให้ไป ถ้าไม่ให้เงินก็จะเถียงโชว์ลูกอยู่ตรงเนี้ย!! จะเอาแบบนั้นมั้ย” ผมก็ได้แต่ถอนหายใจ ทำอะไรมันไม่ได้ รอเวลามันไปหาผัวใหม่ ไล่ยังไงมันก็ไม่ไป ลูกก็ดันร้องไห้อีกพอมันไปมีผัว บวกกับเขาไม่เอามันจริง สุดท้ายก็กลับมาตายที่เดิม
“ไปก่อน เดี๋ยวโอนไปให้”
“ขอสามพันนะ”
“อืม”
“น่ารักที่สุด แม่ไปเที่ยวก่อนนะลูก อยู่กับพ่อนะคะ...” มันเอื้อมมือมาตบไหล่ผมก่อนจะก้มลงไปบอกกับน้องแบม ถ้ามันเป็นแบบนี้ได้ตลอดก็จะอยู่กันแบบไม่มีปัญหาเลย แต่มันกับผมคุยกันดีดีได้ไม่ถึง 10 คำก็เข้าเรื่องทะเลาะกันแล้ว บอกตามตรงว่าตั้งแต่อยู่กันมา ไม่เคยมีอะไรกันเลยนับตั้งแต่ผูกแขน จนถึงวันนี้ ความรักทั้งหมดผมก็ยกให้น้องแบม ลูกสาวผมแค่คนเดียว ไม่ใช่เพราะผมยังรักแก้มแบบที่นิ้งมันบอก ความรักที่เคยมีให้แก้มถึงวันนี้มันกลายสภาพเป็นความหวังดีและ ความยินดีที่ได้เห็นคนที่เราเคยรักและยังรู้สึกดีในฐานะพี่น้อง หรือแค่คนเคยรู้จักเท่านั้น
“แม่จะกลับมาหรือเปล่าคะพ่อ” น้องแบมเงยหน้าขึ้นมาถาม ทำให้ผมต้องย่อตัวลงแล้วบอกกับลูก
“มาแน่ๆ ค่ะ แม่แค่ไปเที่ยวพักผ่อน” ผมไม่เคยอยากโกหกลูกเลย แต่มันจำเป็นจริงๆ
“ทำไมแม่ไม่พาหนูไปด้วย”
“ทำไมล่ะ น้องแบมไม่อยากอยู่กับพ่อเหรอ”
“อยาก แล้วก็อยากให้แม่อยู่ด้วย” คงเพราะความผูกพันของแม่กับลูกล่ะมั้งที่ทำให้น้องแบมยังต้องการนิ้งมันอยู่ ทั้งที่จริงๆ แล้วมันเองก็แทบจะไม่ได้เลี้ยงลูกเลย จะยอมทำดีก็แค่ตอนที่จะเอาเงินเท่านั้น แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรมันหรอก ขอแค่ไม่สร้างความเดือดร้อน จะอยู่หรือจะไป ก็ตามใจมัน เพราะผมเองก็ไม่ได้สนใจ แล้วก็ไม่ได้อยากหาใครมาเพิ่ม
- (ไอริน)
ทันทีที่ประตูไม้สภาพเกอะกรังไปด้วยฝุ่นเปิดออก ฉันแทบจะร้องไห้ นี่ต้องใช้เวลาทำความสะอาดนานแค่ไหนกว่ามันจะเข้าอยู่ได้จริงๆ ไม่ได้สิ ฉันต้องอยู่ที่นี่แล้ว เพราะไม่มีที่อยู่นี่นา
"เอ่อ...แหะๆ มันก็อาจจะดูสกปรกไปหน่อยนะครู พอดีป้าติดธุระไม่ได้เข้ามาทำความสะอาดเลย" มองด้วยตาเปล่าก็รู้ว่ามันไม่หน่อย แต่ฉันไม่ใช่คนเรื่องมาก เดี๋ยวทำความสะอาดแค่เท่าที่จะทำได้ไปก่อนแล้วค่อยๆ เก็บรายละเอียดอีกทีก็แล้วกัน
"ไม่เป็นไรค่ะ"
"บ้านข้างๆ เนี่ย บ้านหลานป้าเองนะ ขาดเหลืออะไรก็ไปยืมได้ แต่ก็ระวังไปเจอเมียมันนะ รายนั้นน่ะดุอย่างกับหมา ถ้าเจอมันก็บอกไปว่าเป็นคนมาเช่าบ้านป้า ถ้ามันด่าหรือมันทำอะไรบอกป้าเลยนะ ป้าจัดการเอง" ได้ฟังแบบนี้แล้วก็คงจะไม่เข้าไปยุ่งดีกว่า
"ไม่เป็นไรค่ะ แต่ใกล้ๆ นี้มีร้านขายพวกเครื่องมือเครื่องใช้อยู่ใช่ไหมคะ"
"มีจ้า แต่อยู่หน้าปากซอยเลย แล้วนี่ครูมีรถมีราหรือเปล่า"
"เอ่อ..." ฉันแอบหนีที่บ้านมาสมัครงาน นอกจากเงินเก็บในบัญชี กับเสื้อผ้าหนึ่งกระเป๋า ฉันก็ไม่มีอะไรติดตัวมาเลย
"ถ้าไม่มีเดี๋ยวป้ายืมหลานป้าให้"
"โอ๊ยไม่เป็นไรค่ะป้า เกรงใจแย่เลย” เอาจริงๆ ก็คือตอนนี้ฉันแอบที่บ้านมาทำงาน ไม่มีอะไรติดตัวมาเลยนอกจากเงินในบัญชีกับ กระเป๋าเสื้อผ้า ที่คิดไว้คือจะหาห้องพักใกล้ๆ โรงเรียนแต่มันก็ไม่มีว่างเลย บ้านพักครูก็เต็ม พอดีมาเจอป้าเข้าท่านก็แนะนำให้มาเช่าบ้านเก่าท่านอยู่ ซึ่งฉันเองเห็นว่าราคาก็ไม่แพง ได้บ้านที่มีของครบพร้อมอยู่มันก็ดีเหมือนกันสะดวกดี แต่ก็ไม่ทันได้เข้ามาดูว่ามันอยู่ไกลขนาดนี้ จะยกเลิกก็นะเกรงใจป้ามากๆ เลยว่าจะ เดินออกไปหน้าปากซอยแล้วนั่งวินไปทำงานก่อน พร้อมบอกที่บ้านค่อยบอกว่าได้งานทำ แล้วขอให้เขาส่งรถมาให้
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก เจ้าบูมหลานป้าน่ะมีรถหลายคัน มาๆๆ เนี่ยดีเลยจะได้ฝากเจ้าบูมมันดูด้วย เป็นผู้หญิงตัวคนเดียวมันอันตรายนะครู” ป้าไม่ฟังคำปฏิเสธของฉันเลย พยายามลากฉันเข้าไปที่บ้านอีกหลังที่อยู่ติดกันห่างแค่รั้วกั้น
“ป้าคะ มะ...ไม่เป็นไรค่ะ”
“เอาเถอะน่าไม่ต้องเกรงใจหรอก บูม!! บูมเอ๊ย!!! น้องแบม อยู่กันมั้ยลูก” ป้าปล่อยมือจากแขนฉันแล้วหันไปร้องเรียกเจ้าของบ้านแทน
“ครับ...อ้าวป้าลี” ผู้ชายรูปร่างล่ำ ใบหน้ามีหนวดเคราปกคลุมรุงรัง ผมยาวประบ่าเดินออกมาก่อนที่เด็กหญิงตัวเล็กๆ อายุน่าจะสัก 5 ขวบลากตุ๊กตาเดินตามมาเกาะแขน
“นี่ครูไอริน มาเช่าบ้านหลังเก่าป้าตรงนี้ ยังไงฝากบูมดูด้วยนะลูก”
“อ๋อ สวัสดีครับ” เขาหันมายิ้มพร้อมกับกล่าวทักทาย น่าแปลกที่รูปร่างเหมือนโจรของเขาไม่ได้สร้างความน่ากลัวเท่าไหร่นัก คงจะเพราะมือข้างหนึ่งที่จับประคองไหล่น้อยๆ ของลูกสาวที่เกาะเขาแน่นนั่น ทำให้รู้สึกอบอุ่นมากกว่าน่าเกรงกลัว
“สวัสดีค่ะ” ฉันจึงยิ้มรับและทักทายเขากลับ
“มาสอนที่ไหนเหรอครับ” เขาดูเป็นมิตรมาก ผิดกับรูปลักษณ์ที่เห็น ลูกสาวที่หน้าตาน่ารักได้พ่อมาเกือบจะ 100%
“โรงเรียนน้องแบมนั่นแหละ เอ้อป้าว่าจะมาขอยืมมอไซค์ให้ครูเค้าสักคันได้หรือเปล่า พอดีครูเค้าไม่มีรถใช้”
“ตอนนี้มีแค่มอเตอร์ไซค์เหลืออยู่คันเดียว แล้วก็รถเก๋งอีกคัน ถ้ามีก็รถกระบะไว้ใช้ที่ร้านอีกคัน”
“เอ่อ...ไม่เป็นไรค่ะ คือจริงๆ ไอรินไม่ได้อยากรบกวนคุณขนาดนั้น เดี๋ยวอะไรเข้าที่เข้าทางแล้ว ก็จะบอกที่บ้านส่งรถมาให้”
“อ๋อ แล้วแบบนี้ครูไปทำงาน หรือไปไหนมาไหนยังไง” เขาเอ่ยถาม
“ก็น่าจะนั่งวินนั่นแหละค่ะ”
“แถวนี้ไม่มีวินผ่านหรอกนะครับ ไม่งั้นครูต้องเดินออกไปปากซอยเลย”
“ไม่เป็นไรค่ะ ถือว่าออกกำลังกายไปในตัว”
“ได้ไงครู มันไกลนะ รถบูมตั้งเยอะหายไปไหนหมด” ป้าเจ้าของบ้านหลังที่ฉันเช่าหันไปโวย
“ป้าคะไม่เป็นไร...”
“ผมขายไปหมดแล้ว อืม...เอางี้ เดี่ยวถ้าผมไปส่งน้องแบมครูก็ไปพร้อมกันเลย ส่วนเรื่องออกไปซื้อของ ผมไปร้านทุกวัน ใกล้ๆ ก็มีตลาดอยู่จะไปด้วยกันก็ได้ ส่วนขากลับถ้าไม่มีรถผมจะให้เด็กที่ร้านมาส่ง”
“แบบนั้นก็เกรงใจอยู่ดีล่ะค่ะ มันดูจะรบกวนคุณเกินไป” ฉันเกรงใจเขาจริงๆ ไหนจะต้องเลี้ยงลูก ไหนจะทำงาน ถ้ามาแบกฉันเป็นภาระอีกคนคงไม่ไหว
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี่ยวอีกหน่อยก็ต้องเป็นเพื่อนบ้านกันแล้ว มีอะไรก็ช่วยๆ กัน” เขาช่วยฉันฝ่ายเดียวน่ะสิ ฉันจะไปช่วยอะไรเขาได้ มีแต่จะไปลำบากคนนั้นทีคนนี้ที ฉันก็เป็นอย่างที่น้าบอกชีวิตนี้ขาดแม่ไปก็อยู่ไม่ได้หรอก
“ฝากด้วยนะบูม ป้าถูกชะตากับครูเค้าจริงๆ” ป้าเจ้าของบ้านกระซิบกระซาบ
“ได้ครับ ครูเองมีอะไรก็มาเรียกได้นะครับ ผมอยู่บ้านตลอด จะมีก็ช่วง 6 โมงเย็นจน 4 ทุ่มผมต้องไปดูร้าน”
“เอ่อ..ร้านอะไรเหรอคะ” ฉันเห็นว่าพูดถึงร้านกันมาสักพักแล้วแต่ก็ยังไม่รู้ว่าร้านอะไร ก็เลยลองถามดูว่าร้านอะไร ฉันมันพวกเข้าสังคมไม่เก่ง ก็เลยไม่รู้จะถามอะไรยังไงดี
“หมูกระทะครับ ชื่อร้านน้องแบม”
“อ๋อ...ชื่อลูกสาวสินะคะ”
“ครับ”
“เอ้อบูม แล้วก็ระวังอย่าให้อีนิ้งมันมาอาละวาดใส่ครูเค้าล่ะ” อยู่ๆ ป้าก็พูดขึ้นมา นิ้ง...สงสัยจะเป็นภรรยาของคุณบูมเขาสินะ
“บอกครูว่าอย่าไปสนใจมันดีกว่า”
“เรียบๆ นิ่งๆ แบบครูโดนอีนิ้งมาเห่าใส่ได้ขวัญหนีดีฝ่อกันพอดี ไม่รู้ล่ะถ้าบูมดูอีนิ้งไม่ได้ป้าจะไม่รับฝากหลานจริงๆ ด้วย”
“โธ่ป้า”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถ้าภรรยาคุณบูมขี้หึง ไอรินไม่มายุ่งด้วยน่าจะดีกว่า”
“ไม่ใช่หึงหรอกครู มันก็กัดเค้าไปทั่ว” ป้าหันมาบอกด้วยน้ำเสียงเอือมระอา
“เอาเถอะ ไม่ต้องห่วงหรอก ผมจะดูให้ก็แล้วกัน”
“ดีมาก ถ้าไม่มีอะไรแล้วป้าพาครูกลับไปดูบ้านก่อนนะ ต้องทำความสะอาดเยอะเลย” เราเพียงแค่ยิ้มให้กันก่อนที่ป้าจะพาฉันเดินกลับมา