เสียงเคาะประตูห้องทำให้กวินตรานิ่วหน้า... เธอเพิ่งออกจากห้องน้ำสวมผ้าเช็ดตัวผืนเล็กๆ เพียงผืนเดียว จึงยังไม่ไปเปิดประตูในทันที เพราะกำลังคิดว่าควรจะแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนเปิดประตูไปสอบถามเขาว่าเคาะห้องเธอเพื่ออะไร
แต่คนที่เคาะก็เอาแต่ใจเหลือเกิน เพราะเขาเคาะไม่หยุดและดังขึ้นราวกับจะเร่งให้เธอเปิดเร็วๆ จนเธอทำตัวไม่ถูก คว้าได้เสื้อคลุมมาสวมทับผ้าเช็ดตัวลวกๆ แล้ววิ่งไปเปิดประตูให้ทันใจเขา
ชีควาดิมในชุดเสื้อคลุมสีขาวสะอาดเหมือนเธอ สภาพผมหยักศกสีน้ำตาลอ่อนเปียกปอนระหน้าเขาไปมา หยาดน้ำเกาะพราวที่ใบหน้าและหยดจากเส้นผมลงมาที่แผงอกที่เห็นได้จากรอยแยกสาบเสื้อว่ามีซิกแพ็คและกล้ามเนื้อที่แข็งแรงเหมือนคนออกกำลังกายสม่ำเสมอ
ในระหว่างที่เธอกำลังเผลอมองเขา ชีควาดิมก็เบียด บานประตูเดินให้เปิดกว้าง แล้วแทรกตัวเข้ามาที่ห้องเธอ
“คุณ... มาที่นี่ทำไมคะ”
“มานอน” เขาตอบห้วนๆ ตอนที่รู้ว่าเธอไม่ได้เป็นแฟนกับคามิน เขาก็ไม่คิดจะนอนที่เตียงนอนเย็นๆ ในห้องของตัวเองอีกต่อไป
“มานอน” เธอทวนคำตามเขา
“ใช่ ผมมานอน... กับคุณ” เขาพูดเน้นคำ ก้าวเข้ามาหาเธอ หญิงสาวถอยหลังจนแผ่นหลังชนบานประตูห้อง มือดันหน้าอกของคนที่กำลังจะก้มหาตัวเองไม่ให้เขาทำสำเร็จ... ดวงหน้าสวยมีแววตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด
“อย่ามาคิดจะทำอะไรแบบนั้นกับฉันนะคะ เราแค่แต่งงานกันหลอกๆ ไม่ใช่หรือไง... แล้วมานอนที่ห้องฉันทำไม คุณต้องกลับไปที่ห้องคุณสิคะ”
“ก็เราแต่งงานกันก็ต้องนอนห้องเดียวกัน มีลูกด้วยกันจริงๆ แยกห้องกันจะเรียกว่าแต่งงานได้ยังไง”
“แต่เราแต่งงานแบบหลอกๆ” เธอยังมิวายเถียง
“ที่ว่าหลอกๆ คือเราไม่มีวันรักกันจริงๆ ส่วนเรื่องอื่น ไม่เกี่ยว”
“คุณจะบ้าหรือไงคะ ทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ”
“ทำไมทำไม่ได้” เขาถามเสียงอ่อนโยน มือร้อนๆ ยกมาไล้แก้มเนียนใสราวกับผิวเด็กบนดวงหน้าที่จิ้มลิ้มเหมือนเด็กอายุ สิบแปดที่กำลังตื่นตระหนกเต็มที่ หญิงสาวคงไม่คาดคิดว่าเขาจะมาไม้นี้... เธอถูกเลี้ยงมาอย่างไรกัน ถึงได้ดูใสซื่อไร้เดียงสาไม่รู้จักความต้องการของผู้ชายอย่างนี้
“ก็คุณรักคุณจิรดา คุณจะไม่มีทางรักผู้หญิงอื่น คุณจะไม่ทำเรื่องแบบนี้กับใคร”
สีหน้าพึงพอใจเธอของเขาเปลี่ยนสีขึ้นมาทันตา เขาเอ่ยกับเธอน้ำเสียงห้วน
“อย่าเอาใบบัวมาพูดถึงอีก...”
“ไม่พูดได้ยังไง คุณรักเธอจนไม่ยอมรักใคร ไม่ยอมแต่งงานกับใคร... แล้วคุณจะมาทำแบบนี้กับคนอื่นก็เท่ากับว่าคุณกำลังหักหลังคุณจิรดานะคะ”
“หยุดพูดถึงใบบัว และก็ไม่ต้องมาทำเป็นรู้ดีกว่าผม... ผมแยกออกระหว่างรักกับเซ็กส์”
“แต่ฉัน” นิ้วของเขายกมาปิดเรียวปากเธอเอาไว้...
“อย่าพูดมาก ผมไม่ชอบ”
“ไม่พูดได้ยังไง เราต้องคุยกันเรื่องนี้ให้เข้าใจนะคะ... ฉันแต่งงานกับคุณแค่ในนาม... ถ้าคุณต้องการอยากปลดปล่อยก็ไปหาที่อื่น ฉันไม่ได้แต่งงานมาเพื่อทำแบบนี้”
“แต่คำว่าแต่งงานของผมไม่ได้หมายความถึงการ จดทะเบียนอย่างเดียว แต่มันหมายถึงทุกอย่างที่ผมต้องการ... คุณใช้นามสกุลผม คุณก็ต้องทำหน้าที่เป็นภรรยาของผม มีทายาทให้ผม แม้จะไม่ได้รู้สึกอะไรกับผมก็ตาม...”
“ฉันไม่ใช่แม่วัวนะ จะต้องมาผลิตลูกให้โดยไม่ต้องใช้ความรู้สึก ทำไมไม่บอกแบบนี้ตั้งแต่ก่อนแต่งงาน ฉันจะได้ไม่แต่ง”
“อ้าวเหรอ... ผมนึกว่าคุณเข้าใจแล้วซะอีก ผมเห็นคุณกับแม่ผมเข้ามาหาผมเอง พร้อมข้อเสนอเรื่องแต่งงาน ผมก็สนองแล้ว... ผมผิดตรงไหน”
ฮึ่ย ถ้าไม่ติดเกรงใจ เธอจะข่วนหน้าหล่อๆ นี่ให้เป็น ลายทางให้ดู กวินตราฮึ่มฮั่มในลำคอ... แต่เธอไม่กล้าทำร้ายเขาเพราะเกรงใจและยำเกรงในภาพลักษณ์ผู้นำทรงอำนาจของเขาจึงไม่เคยคิดว่าเขาเป็นเพื่อนเล่น จะยกมือมาผลักหน้าเขาให้ไปพูดไกลๆ แก้มเธอยังไม่กล้า ได้แต่ยืนเกร็งหนีจนคอจะยาวออกมาเป็นยีราฟแล้ว...
“ฉันเป็นแฟนคามินนะคะ” เธอหาไม้ตายไม้สุดท้ายมางัดเขา...
แต่ไม่ได้ผล... ดวงตาเขาวาวโรจน์ขึ้นมา สองแขนแข็งแรงคว้าเอวบางได้กระชากเข้าหาตัวแล้วรัดไว้ เธอเอามือยันอกเขาไว้แทบไม่ทัน ไม่อย่างนั้นหน้าอกใหญ่เกินตัวคงได้เบียดที่หน้าอกเขาแน่ๆ ขณะที่เธอป้องกันร่างกายตัวเองด้านบน เขาก็รุกด้านล่างโดยใช้มือหนารั้งสะโพกเธอให้เบียดแนบชิดร่างกายเขา หญิงสาวผวาดันตัวออกเป็นพัลวัน
“คุณ ฟังฉันก่อนสิ ฉันบอกว่าฉันเป็นแฟนกับคามินไง เมื่อครู่ฉันกลัวคุณโกรธเลยไม่ได้บอกความจริง”
“อย่าพูดโกหก ผมไม่ชอบ”
“ฉันไม่ได้โกหกค่ะ”
“ก่อนหน้าที่จะเข้ามา ผมคุยกับคามินแล้ว... เขายืนยันว่าอยู่กับคุณครั้งเดียวแค่ในรูปนั้น ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว”
หญิงสาวพูดไม่ออก โดนสกัดดาวรุ่งขนาดนั้นก็ไม่กล้าที่จะโกหกอีก จะออกไปขอความช่วยเหลือจากใครก็ไม่ได้ เพราะสองแขนที่รัดรึงเธอแนบแน่นกับตัวเขาจนหายใจไม่ออกพันธนาการเอาไว้...
“อย่าทำอย่างนี้นะคะ ฉันจะบอกคุณเป็นครั้งสุดท้าย ฉันสู้จริงๆ ถ้าคุณเจ็บฉันก็ไม่สนนะ” เธอขู่ฟ่อๆ
“เอาสิ” เขาไม่กลัว สู้กับทหารสิบคนมือเปล่าเขาก็สู้มาได้แล้ว กับผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียว จะยากอะไร
เธอรวบรวมเรี่ยวแรงเฮือกใหญ่ จะดันแขนที่รัดร่างเธอออก แต่เขาก็แข็งแรงเหลือเกิน ดันจนหอบก็ไม่เคลื่อนไหว ซ้ำเขายังมองหน้าเธอด้วยแววตาท้าทาย เรียวปากกับจมูกโด่งๆ ดอมดมกลิ่นหอมเกลืออาบน้ำอ่อนๆ จากเธอไปได้ตั้งหลายครั้ง...
เท้าเล็กยกขึ้นจะเหยียบเท้าเขาก็ดันหลบทัน ตอนเธอจะเอาหัวโขกเขา ชีควาดิมก็เอียงคอหลบ แล้ววกกลับมาซุกหน้าที่ซอกคอเธอแล้วขบเม้มเนื้ออ่อนๆ ที่คอแรงๆ เพื่อลงโทษเธอกลับอีกด้วย
ยังดีที่มือเล็กข่วนที่คอเขาได้เลือด ไม่อย่างนั้นคงได้เสียชื่อครูไอยวรินทร์ที่สอนวิชาต่อสู้เธอตั้งแต่เด็กจนโตแน่ ที่ทำอะไรคู่ต่อสู้ไม่ได้อย่างนี้...
แต่เธอก็ทำเขาเจ็บได้ไม่มาก เพราะเขาไวกว่าที่คว้าข้อมือของเธอออกได้อย่างฉับไว และตลบกลับเธอด้วยการรวบแขนเธอล็อกไว้ข้างหลัง แล้วรั้งร่างเธอเดินตรงมาที่เตียง เธอดิ้นพล่านแต่เขาก็เดินมาถึงเตียงอย่างมั่นคง และทิ้งเธอลงอย่างแรงจนเธอจมลงที่เตียงนุ่มๆ ไปอึดใจหนึ่ง...
ไม่ทันที่เธอจะผวาถอยหนี เขาก็ตามลงมา ใช้ร่างหนาหนักทับร่างกายของเธอเอาไว้ เนื้อตัวสองร่างแนบชิดทุกอณู ปมเสื้อคลุมและผ้าขนหนูที่ไม่รู้ว่าหลุดไปเมื่อไหร่ทำให้เธอรับรู้ได้ถึงเนื้ออุ่นๆ ของคนที่ถอดเสื้อคลุมไปแล้ว และรับรู้ได้ถึงการตื่นตัวของเขาที่หน้าขาของเธอ ความร้อนผะผ่าวถ่ายทอดจากร่างหนาหนักมายังเธอจนลามเห่อแดงร้อนมาที่แก้มเนียน
มือเรียวจะผวาขึ้นมาตบเขา แต่เขาคว้าไว้ได้ทันและรวบมือเธอเอาไว้ทั้งสองข้างป้องกันโดนประทุษร้าย แล้วใบหน้าหล่อคมก็ซุกที่ซอกคอเธอ ไล้คลุกเคล้ามาที่ร่องอก ดุนดันลิ้นอุ่นชื้น ลิ้มรสเนื้อหวานของกวางแสนพยศ...
เมื่อร่างกายได้รับสัมผัสแนบชิดแบบที่ไม่คุ้นชินมาก่อนความรู้สึกแปลกปลอมวิ่งพล่านทั่วกายกวินตราราวกับว่ามีไฟฟ้าแรงสูงช็อตไปตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า แต่ว่าไม่ตายเพราะยังต้องทนรองรับความทรมานนี้ไปอีกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้...
ใบหน้าเขาเลื่อนต่ำลงมาถึงทรวงอก เขาปล่อยมือเธอมาสัมผัสดอกบัวคู่งามที่มีปลายยอดเล็กสีชมพูอ่อน ลิ้มชิมรสอย่างหิวกระหาย...
กวินตราแอ่นอกเข้าหาเรียวปากร้อน มือที่จะเลื่อนมาผลักเขาออกจากร่างกายกลับเกาะบ่าเขาไว้แน่น ราวกับจะยึดเป็นที่พึ่ง
ก่อนที่ความรู้สึกเหมือนกำลังจะจมน้ำตายจะทรมานหญิงสาวไปมากกว่านี้ เสียงสั่นครืดๆ พร้อมกับเมโลดี้ทำนองเพลงป๊อบของโทรศัพท์ที่หัวเตียงก็กรีดร้องดังขึ้นเรื่อยๆ จน กวินตราได้สติ พยายามดิ้นให้เขาหยุด
แต่ชีควาดิมไม่หยุด... เธออาศัยจังหวะที่เขาเผลอดันตัวเขาออก แล้วผลักเขาลงไปนอนมองหน้าเธอข้างๆ ตัวเธอ แล้วก็ผวาเข้าไปรับโทรศัพท์สายกู้ชีวิต
“ฮัลโหล ยัยอัยย์” กวินตราเอ่ยเสียงสั่น ดวงตากลมโตมองเขาดุๆ ถลึงตาใส่คนที่นอนตะแคงข้างมองตนเองอยู่... กวินตรารีบทรุดตัวในผ้าห่มอย่างรวดเร็ว เนื้อตัวยังสั่นเทาไม่หาย
“ยัยกิ๊บ เป็นอะไร รับสายช้า แล้วยังเสียงสั่นอีก” ไอยวรินทร์โวยวายไปตามเรื่อง แต่คนที่สันหลังหวะหน้าเจื่อนกลับเป็นกวินตรา
ส่วนคนต้นเหตุไม่รู้ร้อนรู้หนาวทรุดตัวลงในผ้าห่มผืนเดียวกับเธอ เขาขยับเข้ามาใกล้จนเธอถอยออกไปไม่ได้เพราะจะตกเตียง ชีคหนุ่มเอาขาเกี่ยวขาเธอไว้กันเธอลุกหนี เธอทำอะไรไม่ถูก ทั้งจะพูดกับไอยวรินทร์ทั้งจะป้องกัน... แยกประสาทไม่ออกจนทำอะไรไม่ได้สักอย่าง
“นี่ยัยกิ๊บ ฟังฉันอยู่ไหม”
“เอ่อ ฟังอยู่ๆ แกรอนิดหนึ่ง ฉันเพิ่งอาบน้ำออกมาจากห้องน้ำ ฉันหนาว” เธอไม่ได้โกหก ตอนนี้หนาวทั้งกาย หนาวทั้งใจ หัวหูเปียกก็ไม่ได้เป่า ต้องมานอนยัดตัวในผ้าห่มเพื่อบดบังสายตาเขา หัวหนุนที่หมอนฟูนุ่มสีขาวจนหมอนเปียกไปหมด ชีควาดิมเข้าใจมารยาททางสังคมขึ้นมานิดหน่อยที่ไม่รบกวนเธอตอนที่โทรศัพท์จนพูดสายไม่ได้ แต่การที่เขายังอยู่ใกล้ๆ วนเวียนใกล้เนื้อตัวทำให้เธอพูดได้อย่างอึดอัด แม้จะรู้ว่าเขาฟังไม่รู้เรื่องก็ตาม... แต่มันก็ยังดีกว่าโดนเขาจับกดแล้วหาทางต่อสู้ต่อรองไม่ได้
แต่แม้ว่าเธอซ่อนตัวใต้ผ้าห่มหนีสายตาเขาได้ก็หนีมือกับเรียวขาเขาไม่พ้น เพราะมันรุกรานเธออยู่ใต้ร่มผ้าและดิ้นหนีไม่ถนัดเอาเสียเลย... เธอทำหน้าดุใส่เขาไม่รู้กี่ครั้งเขาก็ยังมอง ท้าทายและแตะต้องตัวเนื้อเธอราวกับว่าเป็นของตัวเอง
“นี่ยัยกิ๊บ แกว่างคุยกับฉันหรือเปล่ายะ ถ้าไม่ว่างฉันจะวางแล้วโทรมาใหม่พรุ่งนี้”
“ไม่ อย่าวางนะ อย่าวาง ถ้าแกวางฉันจะโกรธแกตลอดชีวิต” เธอร้องเสียงหลงกลัวอีกฝ่ายจะวาง... หากเธอไม่มีเกราะป้องกัน เขาได้จับเธอกดลงกับที่นอนอีกรอบแน่... คราวนี้อาจจะไม่ได้เสียเอกราชแค่พื้นที่ตอนบน แค่คิดก็อยากจะให้ไอยวรินทร์คุยกันจนถึงเช้า เพื่อความปลอดภัย...