ตอนที่สาม วิวาห์ไร้รัก 2

2113 คำ
มุกดากับอักษรแทบกระอักอย่างที่กวินตราคาดเดาเอาไว้จริงๆ เมื่อไม่ได้รับการตอบรับที่ดีจากกวินตราแม้แต่น้อย “นังกิ๊บนะนังกิ๊บ ฉันอุตส่าห์ลงทุนพูดดีด้วย แต่ก็ยังใจร้ายกับฉัน คิดไม่ผิดหรอกที่เรียกมันว่านังเนรคุณ” มุกดากัดฟันพูด โกรธกรุ่นที่ลูกเลี้ยงไม่ได้ดั่งใจเอาเสียเลย “บอกแล้วว่าไม่ต้องมาก็ไม่เชื่อ” อักษรบ่นรำคาญนักหนา “ไม่ต้องมาพูด ถ้าวันนั้นคุณไม่หน้ามืดเข้าไปข่มขืน ยัยกิ๊บ ฉันก็คงไม่ลำบากขนาดนี้หรอก” มุกดาหันมาตวาดสามี เธอรู้จักเขาก่อนรู้จักกับพ่อ กวินตราเสียอีก ทำไมเธอจะไม่รู้ว่านิสัยเขาเป็นแบบไหน แต่เพราะรักถึงได้ยอมเขาทุกอย่างอยู่อย่างนี้... วันนั้นมุกดารู้ว่ากวินตราสู้เพราะไม่สมยอม แต่เธอแกล้งเชื่อสามีเพราะอยากหาทางไล่กวินตราออกจากบ้านอยู่แล้ว แต่น่าเสียดาย หากรู้ว่ากวินตราจะหนีมาได้ดีอย่างนี้ ทนให้เด็กนั่นอยู่ในบ้านเป็นหนามยอกใจต่อมาอีกสักเดือนสองเดือนก็ยังดี “ถึงผมทำไม่ทำ คุณก็ไล่เด็กนั่นออกจากบ้านอยู่ดีนี่... อย่ามาโทษว่าเป็นความผิดผมคนเดียว” “โอยนี่จะทะเลาะกันไปอีกนานไหมคะ ไข่มุกเหนื่อยแล้ว หนาวก็หนาว หิวก็หิว จะทำอะไรก็ทำเถอะค่ะ” เด็กสาวที่นั่ง จิ้มโทรศัพท์มือถือแชทกับเพื่อนรออยู่ทนรอไม่ไหวเอ่ยแทรกขึ้นมาผู้ใหญ่สองคนถึงได้เลิกเถียงกัน “แล้วจะเอายังไงดีนี่ คุณมีพรรคพวกอยู่ทั่วโลกไม่ใช่หรือยังไงให้เขาหาที่อยู่ให้เรา หรือไม่ก็หาตั๋วให้เราได้กลับคืนนี้หน่อยสิคะ” “บอกแล้วว่าอย่ามาก็ยังดึงดันมา บอกว่ายังไงก็ได้หน้าได้ตาได้เงินจากเด็กนั่นแล้วไง สุดท้ายก็ลำบากผมอีก” อักษรบ่นหัวเสีย แต่ก็ยกโทรศัพท์ออกมาไล่หาเบอร์โทรติดต่อของนายใหญ่ตนเองเพื่อหาเครือข่ายที่อยู่ทางนี้ เพื่อให้ฝ่ายนั้นมาช่วย “เรียบร้อยแล้ว... เดี๋ยวเขาจะส่งตัวแทนมาช่วยจัดการให้เรา พรรคพวกของผมทำงานด้วยกันแค่ครึ่งปียังพึ่งพาได้มากกว่าลูกเลี้ยงคุณที่คุณเลี้ยงมาเป็นสิบๆ ปีเลย” อักษรด่ากระทบ มุกดาเถียงได้ไม่เต็มปากเท่าไหร่ เพราะว่าตลอดเวลาที่เลี้ยงกวินตรามาเธอก็ไม่ได้ทำดีด้วยสักนิด แค่มาครั้งนี้หวังแต่ว่ามันจะใจดีหรือไม่ก็โง่ยอมเชื่อเท่านั้น แต่เด็กนั่นก็ใจแคบเหลือเกิน “หยุดพูดเถอะ มันแรดอย่างนั้นมีผัวดีๆ ไปได้ไม่นานหรอก เดี๋ยวมันก็เลิกกัน ฉันรอสมน้ำหน้ามันก็ได้ หึ” มุกดากล่าวอาฆาต มองเห็นเพียงความชั่วคนอื่น ความชั่วของตนกลับมองไม่เคยเห็นราวกับว่ามีเส้นผมมาบังภูเขาแห่งความชั่วลูกมหึมาเอาไว้ นางถึงได้ไม่เคยเห็นสักที อักษรไม่ได้เสดงความคิดเห็น แต่เขาไม่ได้ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปเฉยๆ เพราะเขาได้ทำการอะไรบางอย่าง เผลอๆ กวินตราอาจจะได้เลิกกับสามีชีคผู้ร่ำรวยในวันนี้ก็ได้ใครจะไปรู้ งานแต่งงานของชีควาดิมกับกวินตราถูกประกาศให้ประชาชนรับรู้ในวันที่ทั้งสองหมั้นกัน และกว่าจะเป็นข่าวดังประโคมออกไปทั่วโลกพิธีก็จัดขึ้นเรียบร้อยแล้ว ทำให้ครอบครัวกำมะลอของกวินตราเพิ่งได้ข่าวและเดินทางมาไม่ทัน ตอนนี้เธออยู่ในห้องหอกับสามีในนาม ตอนนี้กวินตราก็ทำอะไรไม่ถูกเลยยามเมื่อเหลือเพียงเขากับเธอสองคน เพราะแม้จะพูดคุยกันเข้าใจก่อนหน้านี้แล้วเกี่ยวกับเรื่องแต่งงานและการใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ว่าทั้งสองนั้นจะทำตัวเป็นสามีภรรยากันต่อหน้าผู้คน แต่ไม่ได้พูดถึงเรื่องการอยู่ด้วยกัน เพราะไม่มีทางมีเรื่องนั้นเกิดขึ้นเพราะการแต่งงานนี้เป็นเพียงเรื่องสมมติ เธอคิดว่าเธออาจจะเป็นมิตรกับเขาได้ อย่างน้อยในอนาคตก็ยังต้องไปไหนมาไหนด้วยกันและอยู่ด้วยกันอีกพักใหญ่ แต่พอเอาเข้าจริงวันเข้าหอแล้วมายืนเคว้งอยู่ในห้องด้วยกันเธอกลับทำอะไรไม่ถูก ไม่ได้ทักทายและพูดคุยกับเขาเหมือนเพื่อนร่วมงานกันอย่างที่ตั้งใจ... “มีอะไรจะพูดกับผมหรือเปล่า” ดวงตาคมจ้องเธอเขม็ง หญิงสาวที่ขาแข็งทำอะไรไม่ถูกอยู่ถึงมีแรงขยับขับเคลื่อน “เอ่อ วันนี้คุณคงเหนื่อยมาก ฉันเองก็เหนื่อย ฉันขอกลับเข้าห้องของฉันก่อนนะคะ” หญิงสาวเอ่ยตะกุกตะกัก ห้องหอของชีควาดิมกับกวินตราถูกตบแต่งใหม่ตามที่ ชีคคามูนาต้องการ และมันก็เสร็จสิ้นภายในสองอาทิตย์ก่อนแต่งงาน ห้องนี้เป็นห้องเดียวมีประตูอยู่ที่ทางเข้าทางเดียวก็จริง แต่พื้นที่กว้างขวางมาก เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเป็นห้องโถงใหญ่ที่ตกแต่งสไตล์ยุโรปแบบที่ชีควาดิมชอบ และภายในก็แบ่งเป็นสองห้อง ห้องใหญ่ด้านขวามือเป็นของชีควาดิม ห้องเล็กด้านซ้ายมือเป็นของกวินตรา ซึ่งจะบอกว่าเธอกับเขาแยกห้องกันอยู่ก็ไม่ใช่ จะบอกว่าอยู่ห้องเดียวกันก็ไม่เชิง เมื่อมันเป็นห้องเดียวแต่แบ่งเป็นสองอาณาเขตให้คนสองคนได้อยู่ในมุมของตนเองอย่างอิสระ แต่ว่าตอนนี้เขากับเธอนั้นอยู่ที่ห้องโถงรวมและเธอกำลังจะแยกตัวไป คนที่กำลังถอดเสื้อผ้าออกยามเมื่ออยู่ในห้องส่วนตัว อันเป็นเหตุให้กวินตราอึดอัดแล้วจะหนีกลับเข้าห้องวางผ้าไว้ที่โซฟานั่งเล่น แล้วก้าวยาวๆ ตามไปดักหน้ากวินตราเอาไว้ “เดี๋ยวก่อน” “มีอะไรเหรอคะ” กวินตรามองดวงตาคมด้วยแววตาใสแจ๋ว อ่านความรู้สึกออกหมดทุกอย่าง เขาเห็นอยู่เต็มตาว่าเธอกำลังกลัวเขาอยู่... คอของเธอดูแข็งๆ ซึ่งดูก็รู้ว่าเธอเกร็ง เขาอยากจะถามเธอจริงๆ ว่ากลัวอะไรเขาหนักหนา เขาไม่ได้ทำหน้ายักษ์ใส่เธอเสียหน่อย แต่จะถามอย่างนั้นก็คงทำให้เธอยิ่งกลัว เขาจึงถามแค่เรื่องที่เขาสงสัย “คุณกับไอ้คามิน มีอะไรกันตั้งแต่ตอนไหน” “อะไรนะคะ ฉันกับคามินนี่น่ะเหรอคะ” หญิงสาวถามเสียงสูง ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้ถามเรื่องเธอกับคามินได้ ช่วงที่มาอยู่บ้านเขาที่แลตโกเวียนี่เอง ทำให้ได้รู้ว่าจริงๆ แล้วคามินคือเลขาคนสนิทและบอดี้การ์ดส่วนตัวของชีควาดิม แต่เขาให้ติดตามมารดาไปที่เมืองไทย เพื่อเปิดโอกาสให้คามินได้ กลับไปเยี่ยมที่บ้านด้วย เพราะคามินเป็นลูกครึ่งไทยแลตโกเวีย กวินตราได้รู้ว่าที่จริงแล้วคามินไม่ได้เป็นบอดี้การ์ดของชีคคามูนาดั่งที่เข้าใจแต่แรก พอกวินตรามาอยู่ที่แลตโกเวียแม้จะไปไหนมาไหนกับชีคคามูนาเสมอแต่ก็แทบไม่ได้เห็นหน้าคามินเลย เธอจึงไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงถามเช่นนั้น “ผมไม่ว่าหรอกนะ หากคุณจะคบอยู่กับเขา แต่ยังไงก็ระวังอย่าให้คนอื่นรู้หรือว่าเห็นนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป... เพราะคุณอยู่ในตำแหน่งภรรยาของผม เอาละ ผมจะบอกแค่นี้ จะกลับเข้าห้องก็ไป ผมจะพักผ่อน” เขาโบกมือไล่เธอ ไม่ได้สนใจอะไรมากไปกว่านั้น กลายเป็นกวินตราแทน ที่เดินไปดักหน้าเขาเอาไว้ “คุณพูดเรื่องอะไรคะ ฉันไม่เข้าใจ” ชีควาดิมล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ แล้วหยิบรูปขนาดสี่คูณสามนิ้วออกมาหกเจ็ดแผ่น มีคนเอามาให้เขาก่อนเข้าพิธีแต่งงาน และมีโน้ตแผ่นเล็กๆ ติดมาบนหน้าซองว่า เจ้าสาวของท่านชีคเป็นภรรยาของคนอื่น จากผู้หวังดี กวินตราเดาออกได้ทันทีว่าอะไรทำให้เขาเข้าใจได้อย่างนั้น เพราะรูปที่เขาเอาให้ดูเป็นรูปของเธอกับคามินที่จับได้จากกล้องวงจรปิดหน้าบ้านกับในตัวบ้าน ตั้งแต่พ่อเลี้ยงของเธอเข้ามาอยู่ในบ้านก็เริ่มติดกล้องที่มีความละเอียดสูงเหล่านี้ไว้ทุกมุมของบ้าน จึงไม่ยากที่จะได้รูปเหล่านี้มา แต่ที่หญิงสาวไม่เข้าใจก็คือทำไมคนเหล่านั้นถึงได้เอามาแบล็คเมล์เธอได้อย่างนี้ แล้วยังมีหน้ามาขอเข้างานแต่งงานเธออีก ดีแล้วที่เธอไม่ได้ใจอ่อนไม่อย่างนั้นคงโมโหตัวเองน่าดู หากทำดีกับครอบครัวนั้นแล้วมาพบว่าตัวเองถูกหักหลังเช่นนี้ รูปของเธอกับคามินที่เดินตามกันนั้นทำให้ดูน่าเชื่อถือว่าเป็นแฟนกัน เพราะเดินไปด้วยกันในที่รโหฐาน มีภาพเธอเปิดประตูห้องนอนเข้าไปแล้วเขาตามเข้าไปพร้อมกันเสียด้วย คนเลือกก็ช่างเลือกได้ดี เพราะไม่เอาภาพที่มีคนอื่นอยู่ด้วยมาให้เขาดู แต่ต่อให้มีพวกมันก็คงไม่โง่พอที่จะเอาภาพที่มีคนอื่นมาให้ ชีควาดิมดู เพราะพวกมันหวังร้ายกับเธอเสียขนาดนั้น... “คุณเข้าใจผิดนะคะ... คือว่ารูปนี้มันมีที่มา ฉันไม่รู้จักกับคามินเป็นการส่วนตัว” หญิงสาวรีบเล่า ถ่ายทอดถึงสาเหตุที่มีรูปตนกับคามินออกมาเช่นนี้ให้เขาฟัง ทั้งเรื่องความขัดแย้งของครอบครัว และเรื่องที่ว่าเธอตกลงกับชีคคามูนาเรื่องที่จะช่วยแต่งงานกับชีควาดิมในนาม วันนั้นเธอจะกลับไปเอาของที่บ้าน ชีคคามูนาจึงให้คามินไปด้วย โดยที่ชีคคามูนารออยู่หน้าบ้านนอกนั้นกวินตรากับคามินก็ไม่ได้พบเจอกันอีก “อ้อ ผมเข้าใจแล้ว...” ชีควาดิมบอก “แล้วคนที่ส่งมาให้นี่เกี่ยวข้องกับครอบครัวคุณหรือเปล่า” “คงเป็นแม่เลี้ยงกับพ่อเลี้ยงฉันค่ะ เขาไม่ค่อยถูกกับฉันเท่าไหร่ อาจจะคิดว่าฉันกับคุณรักกันและแต่งงานกันจริงๆ จนทนเห็นฉันมีชีวิตที่ดีไม่ได้เลยส่งมาแบล็คเมล์ วันนั้นพวกเขาเห็นฉันกับคามินและพูดถึงอยู่เหมือนกันว่าคามินกับฉันเป็นแฟนกัน แต่ฉันรีบออกมา เลยไม่ได้สนใจแก้ความเข้าใจผิดนั้นค่ะ “อ้อ ผมรู้แล้ว ขอโทษแล้วกันที่เข้าใจผิด แล้วมาเตือนคุณแบบนั้น” “ไม่เป็นไรค่ะ” หญิงสาวไม่ถือ เพราะมีอะไรให้เห็นขนาดนั้น เขาคงเชื่อได้ง่ายๆ แต่ตอนนี้เขารู้ความจริงแล้วเธอก็โล่งใจ สายตาที่มองหญิงสาวเปลี่ยนไป ตอนแรกเขาไม่รู้เขาก็เชื่อว่าเธอกับคามินเป็นคนรักกัน จึงเฉยๆ ไม่ได้สนใจเธอ ไม่ได้คิดจะแตะต้อง แต่เมื่อมันไม่ใช่ก็ไม่แปลกที่ความคิดและความรู้สึกที่เขามีต่อเธอจะเปลี่ยนไปในชั่วพริบตา... “เอ่อ คุณเข้าใจถูกแล้ว ฉันก็ขอเข้าห้องเลยนะคะ...” หญิงสาวรีบบอกก่อนจะเดินลิ่วๆ ไป ไม่มีคำทัดทานจากเขาเป็นหนที่สอง ชีควาดิมล้วงโทรศัพท์มือถืออกมาจากกระเป๋าแล้วกดโทรออกหาคามิน “คามิน วันนี้นายจำบ๋อยของโรงแรมที่เอาซองสีขาวมาให้ฉันตอนพิธีแต่งงานได้ไหม ไปตามดูกล้องแล้วควานหามา ฉันอยากคุยกับมันเป็นการส่วนตัวพรุ่งนี้” ชีคหนุ่มวางสายไป เขาคิดว่าเรื่องนี้มันมีลับลมคมใน ครอบครัวของกวินตราเป็นคนไทย และไม่ได้มางานแต่งงาน จะติดต่อส่งภาพเหล่านั้นให้เขากับมือได้อย่างไร หรือว่ามีคนร่วมมือกันมากกว่านั้น พวกนั้นมุ่งทำร้ายกวินตราคนเดียวหรือเขาด้วย ชีคหนุ่มสงสัยและอยากรู้ แต่เขาไม่รู้เลยว่าความอยากรู้ของเขานั้นมันจะทำให้เขาได้รู้อะไรมากกว่าที่เขาคิดเสียอีก...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม