เวลาต่อมา @ห้องอาหาร
เสียงหัวเราะที่ดังออกมาจนถึงด้านนอกที่กวินทร์ได้ยินนั้นไม่ได้มีเพียงเสียงของคุณปู่ คุณย่า คุณพ่อ และคุณแม่ของเขาเพียงเท่านั้น แต่เขาได้ยินเสียงเล็กๆใสๆที่เป็นเสียงผู้หญิงร่วมหัวเราะออกมาด้วย
“อ้าว มาพอดีเลย ควินน์เข้ามาก่อนสิลูก นี่หนูเคที่ ลูกสาวของเพื่อนแม่เอง มาทำความรู้จักกันไว้สิจ๊ะ หนูเคที่จ้ะนี่พี่ควินน์ ลูกชายคนเดียวของป้าเอง” กานดาเอ่ยแนะนำลูกสาวของเพื่อนให้กับลูกชายตัวเองได้รู้จักกัน ซึ่งฝ่ายลูกสาวของเพื่อนนั้นมีสีหน้ายินดีอย่างเห็นได้ชัดที่ได้เจอกับลูกชายของเธอ ต่างจากเจ้าลูกชายตัวดีที่ยังคงวางสีหน้าเรียบเฉยไม่ยินดียินร้ายอะไรจนเธอแอบมีสีหน้าไม่พอใจใส่ลูกชายในช่วงจังหวะที่ลูกสาวของเพื่อนหันไปทักทายกับลูกชายของตน
“สวัสดีค่ะพี่ควินน์” น้ำเสียงที่สังเกตได้ว่ากำลังประหม่าเมื่อเอ่ยทักทายคนตรงหน้าออกไปพร้อมอาการขวยเขินอย่างเห็นได้ชัด จนทำให้ผู้ใหญ่บนโต๊ะอาหารต่างพากันเอ็นดูในความน่ารักของสาวน้อยเป็นอย่างมาก
“สวัสดีครับ” กวินทร์เอ่ยทักทายกลับ แล้วเดินไปนั่งตำแหน่งที่นั่งประจำของตัวเองบนโต๊ะอาหารในเวลาต่อมา
หลังจากที่สมาชิกมากันครบ เจ้าสัวการันต์ก็ส่งสายตาไปทางพ่อบ้านใหญ่เพื่อบอกให้เริ่มตักข้าวใส่จานให้แต่ละคน ทำให้สาวใช้ที่อยู่ประจำห้องอาหารจึงเริ่มทยอยตักข้าวลงบนจานให้กับผู้เป็นนายแต่ละคนอย่างกับพนักงานโรงแรมมืออาชีพด้วยความระมัดระวัง
“แล้วนี่หนูเคที่จะมาอยู่ที่ไทยกี่วันจ้ะ” กานดาเอ่ยถามหญิงสาวที่นั่งข้างตัวเองอย่างสนใจ ต่างจากผู้เป็นลูกชายของเธอที่ก้มหน้าก้มตารับประทานอาหารไม่สนใจสาวน้อยตรงหน้าเลยสักนิด ทำตัวเหมือนกับว่าไม่ได้ทานอะไรมาทั้งวันอย่างไรอย่างนั้น
“คิดว่าคงอยู่เก็บข้อมูลที่ไทยประมาณห้าเดือนได้ค่ะ เคที่กะว่าจะมาเที่ยวและหาข้อมูลเขียนหนังสือด้วยค่ะ คือเคที่กำลังเขียนบทความพวกท่องเที่ยวในประเทศไทยให้กับนิตยสาร Cond Nast Traveler (นิตยสารท่องเที่ยวชื่อดังของอเมริกา) ต้นฉบับส่งประมาณปลายปีนี้” แคทลียาหันไปบอกกานดาพร้อมกับหันไปมองคนอื่นๆบนโต๊ะอาหารที่หันมามองเธออย่างชื่นชม ยกเว้น ชายหนุ่มคนเดียวที่ไม่มีท่าทีจะสนใจอะไรเลย
“หืมม น่าสนใจจัง ควินน์เป็นไกด์นำเที่ยวให้น้องหน่อยสิจ๊ะลูก” กานดาเอ่ยขึ้นมาเพื่อเปิดทางให้เด็กทั้งสองคนนี้ได้มีโอกาสใกล้ชิดและศึกษาดูใจกัน
“ได้ครับ” กวินทร์ตอบรับไปอย่างไม่ปฏิเสธ เพราะเขารู้ดีว่าถึงปฏิเสธไป สุดท้ายอย่างไรเสียเขาก็ต้องเป็นคนดูแลหญิงสาวที่แม่ของเขาพามาวันนี้จนได้ เพราะเขารู้นิสัยของผู้เป็นแม่เป็นอย่างดีว่าต้องมีวิธีบีบให้เขาทำในสิ่งที่ท่านได้วางไว้ให้สำเร็จในที่สุด
“จะไม่เป็นการรบกวนพี่ควินน์เหรอคะ” แคทลียาเอ่ยออกมาอย่างเกรงใจแต่ก็รู้สึกดีใจอยู่ไม่น้อยจนเกือบเก็บอาการไม่อยู่ที่เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ปฏิเสธที่จะดูแลเธอในช่วงที่เธออยู่ที่ประเทศไทย
“ถ้าวันไหนพี่ว่าง ไว้พี่จะพาไปดูสถานที่ต่างๆที่จะเขียนลงบทความนะครับ อยากไปที่ไหนก็บอกพี่มาได้เลย” กวินทร์เอ่ยออกไปอีกครั้งอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ เมื่อเจอสายตาของผู้เป็นแม่ที่สื่อให้เขารู้ว่าเขาควรจะพูดอะไรให้หญิงสาวตรงหน้ารู้สึกดี
“ขอบคุณนะคะพี่ควินน์” หญิงสาวยิ้มออกมาอย่างดีใจจนแทบเก็บอาการไว้ไม่อยู่ก่อนจะก้มหน้ารับประทานอาหารต่อ
แคทลียาไม่ใช่ผู้หญิงคนแรกที่แม่ของเขาพาเข้าบ้านมาในลักษณะแบบนี้ แต่เธอเป็นผู้หญิงคนที่เท่าไหร่แล้วเขาก็ไม่ได้นับ เพราะตั้งแต่ที่เขาเรียนจบมา แม่ของเขาก็มักจะพาหญิงสาวมาให้เขาทำความรู้จักมากมาย ทั้งที่เป็นลูกสาวของเพื่อนบ้าง ลูกสาวของคนที่รู้จักจากวงสังคมธุรกิจบ้าง จนเขาต้องทำตัวแบ่งรับแบ่งสู้แบบในวันนี้เพื่อไม่ให้ผู้เป็นแม่ต้องเสียหน้าและโกรธเขาในภายหลัง
ซึ่งเขาก็ไม่ได้มีทีท่าปฏิเสธในตอนแรกที่พบเจอกัน แต่เขามักจะทำให้ผู้หญิงเหล่านั้นถอดใจแล้วถอนตัวกันออกไปเอง ด้วยการไม่ให้ความหวังใดๆแก่พวกเธอ รวมทั้งพยายามทำตัวเป็นเพื่อนและพี่ชายที่ดี มากกว่าให้พวกเธอเหล่านั้นคิดว่าจะสามารถพัฒนาความสัมพันธ์กับเขาไปมากกว่านี้ได้
“หลังทานอาหารกันเสร็จแล้ว เราไปห้องนั่งเล่นคุยกันต่อที่ห้องนั่งเล่นกันดีไหมจ๊ะ หนูเคที่รีบกลับหรือเปล่า” กานดาเอ่ยออกมาพร้อมกับเหลือบสายตาไปทางลูกชายว่าอย่าได้หนีขึ้นห้องหรือหนีกลับโรงแรมเป็นอันขาด
“ไม่รีบกลับค่ะ คุณป้า” แคทลียาหันไปตอบกานดาพร้อมกับยิ้มอายๆ
กวินทร์ที่หันไปสบตากับผู้เป็นแม่ เมื่อเขาได้ยินประโยคนั้นของผู้เป็นแม่ที่จงใจและเหมือนจะเจาะจงให้เขาต้องไปห้องนั้นด้วย ทำให้เขาทำได้เพียงรับประทานอาหารต่อไปโดยไม่พูดอะไรต่อทั้งที่ควรจะบทสนทนาระหว่างเขากับผู้เป็นปู่และย่าที่เพิ่งกลับมาจากฮ่องกง ทางด้านผู้เป็นพ่อของเขาก็แอบถอนหายใจเบาๆอย่างหนักใจเล็กน้อยกับการกระทำของภรรยาที่พยายามหาผู้หญิงมาให้ลูกชายเลือกอย่างไม่หยุดหย่อนและย่อท้อเลยสักนิด ส่วนผู้เป็นปู่และย่าก็ทำเพียงมองหญิงสาวที่มาใหม่อย่างเอ็นดูและหวังลึกๆว่าหลานชายคนเดียวของพวกตนจะยอมตกลงปลงใจกับสาวน้อยที่น่ารักคนนี้
เวลาต่อมา @ห้องนั่งเล่น
“คุณปู่ คุณย่า ล่ะคะ” แคทลียาที่เดินเข้ามาห้องนี้ก็เห็นเพียงกวินทร์นั่งอยู่เพียงลำพัง โดยมีสาวใช้เอาของว่างมาวางให้ก่อนจะเดินออกไปจากห้องจึงได้เอ่ยถามออกมา
“ท่านขอขึ้นไปเอนหลังบนห้องครับ พวกท่านคงเหนื่อยจากการนั่งเครื่อง”
“แล้วคุณลุงกับคุณป้าล่ะคะ” แคทลียาเอ่ยถามถึงผู้ใหญ่อีกสองท่านต่อทันทีก่อนจะนั่งลงตรงข้ามกับกวินทร์
“น่าจะมีงานต้องคุยกันครับ เลยขอขึ้นไปบนห้องเช่นกัน”
“อ๋อ เหรอคะ อย่างนี้ก็มีแค่พี่ควินน์กับเคที่...”
“แล้วอยากกลับบ้านหรือยังครับ” กวินทร์เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“เอ่อ คือว่า...” แคทลียาทำสีหน้าไม่ถูกเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำเหมือนว่ากำลังจะไล่เธอกลับ ทั้งที่พวกเขายังไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลยด้วยซ้ำตั้งแต่ที่เธอมาถึงที่นี่
“งั้นทานขนมก่อนนะครับ ขนมคุณย่าพี่ทำเอง”
“พี่ควินน์รำคาญเคที่หรือเปล่าคะ” แคทลียาตัดสินใจเอ่ยถามคนตรงหน้าเมื่อเห็นสีหน้าเรียบเฉยอย่างเดาอารมณ์ไม่ออก
“พี่เห็นว่านี่ก็ค่ำแล้ว พี่กลัวเคที่จะกลับลำบากครับ ว่าแต่เคที่มายังไงเหรอครับ”
“เคที่นั่งรถมากับคุณป้าค่ะ”
“บ้านอยู่ที่ไหนครับ เดี๋ยวพี่ขับรถไปส่งเอง”
“จะดีเหรอคะ เคที่เกรงใจพี่ควินน์ เคที่ว่าจะโทรให้คนที่บ้านมารับ”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ ทานขนมเสร็จแล้ว เดี๋ยวพี่ขับรถไปส่งที่บ้านเองครับ”
“ขอบคุณนะคะ พี่ควินน์ดูใจดีกว่าในข่าวที่สื่อต่างๆลงไว้อีก” แคทลียาเอ่ยขอบคุณด้วยสีหน้าเขินอาย
“ในข่าวว่าพี่เป็นยังไงเหรอครับ”
“ก็บอกว่าพี่ควินน์เป็น เจ้าชายเย็นชา เจ้าชายน้ำแข็ง”
“แล้วเคที่คิดว่าพี่เป็นแบบนั้นไหมครับ” กวินทร์ถามความคิดเห็นหญิงสาวตรงหน้าต่อเพื่อเป็นการชวนคุยไม่ให้เธอรู้สึกว่าเขารำคาญอย่างที่เธอเอ่ยถามเขาในตอนแรก
“ไม่นะคะ เคที่ว่าพี่ควินน์ออกไปทางใจดีมากกว่าแม้จะพูดน้อย” แคทลียาตอบออกไปก่อนจะตักขนมขึ้นมารับประทานต่อ โดยมีสายตาของกวินทร์มองแล้วยิ้มบางๆให้
เวลา 22.30 น. @ห้องพักคอนโดของรสา
“เฮ้อ เป็นผู้จัดการวงที่ดังระดับเอเชียนี่ก็เหนื่อยเหมือนกันนะ จะไหวไหมนะ...รสา” หลังจากที่ฉันจัดการอาบน้ำแต่งตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฉันก็มานั่งเขียนรายการที่ต้องทำพรุ่งนี้เพื่อเตรียมหาทางออกหากว่าเกิดปัญหาขึ้นระหว่างวัน หรือเรียกง่ายๆว่าหากเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นมา ฉันต้องมีทางออกและรับมือกับปัญหาเหล่านั้นให้ได้
ในขณะที่ฉันกำลังลองตั้งสมมติเหตุการณ์แบบปัญหาเล่นๆอยู่นั้น อยู่ๆเสียงข้อความจากโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นมา ทำให้ฉันต้องละสายตาจากกระดาษโน๊ตตรงหน้าไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางตรงหัวเตียงขึ้นมาดูข้อความ เพราะฉันคิดว่าอาจจะเป็นข้อความจากพี่วาวมาแจ้งงานเพิ่มให้ฉัน ซึ่งพอเห็นว่าไลน์ที่ส่งเข้ามาไม่มีชื่อที่ฉันบันทึกไว้ก็มีสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย
Line
Unknow: ฝันดีนะครับ ผู้จัดการคนใหม่
หืมม ข้อความที่ส่งมาถึงฉันเป็นใครกันนะ แต่ทำไมฉันอ่านข้อความนี้แล้วใบหน้าของควินน์ถึงได้ลอยขึ้นมาในหัวของฉันได้ล่ะพร้อมกับอาการหัวใจเต้นแรงอีก แล้วทำไมหัวใจของฉันมันต้องเต้นแรงด้วยนะ ไม่เข้าใจตัวเองเลย