บนแคร่ไม้เล็กๆ ที่ปูพื้นให้นุ่มนิ่มด้วยผ้าขนสัตว์ผืนหนา ตอนนี้ร่างของสองหนุ่มสาวหันเลือกตอนหันหลังให้กันและกัน ราวกับข่มอารมณ์ที่คุกรุ่นซึ่งคั่งค้างมาจากช่วงเย็น
เสียงสายน้ำยังซัดซ่าแว่วเข้ามาในมโนสำนึก นิศากรขยับตัวเพียงเล็กน้อย พยายามข่มตาทั้งสองข้างให้หลับสนิท แต่ไม่ว่าจะทำยังไง นับแกะนับหมูเป็นร้อยๆ ตัว ภาพที่เขาจูบเธอด้วยความร้อนแรงในสายน้ำเย็นจัดมันยังติดตาไม่ได้คลายไปเลยแม้แต่น้อยนิด ต่อให้เวลาล่วงเลยผ่านมานับสี่ชั่วโมงเต็มแล้วก็ตาม
อาการดิ้นเบาๆ ของคนข้างๆ ทำให้ร่างสูงใหญ่ที่เบิกตาค้างในความมืด ค่อยๆ พลิกกายหันมามองแผ่นหลังเล็ก รูปร่างของเธอเพรียวบางราวกับจะปลิวลมได้ แต่ว่าส่วนสัดที่ได้สำรวจใกล้ชิดมาแล้วนั้น มันช่างเต็มไม้เต็มมือยิ่งนัก คนนึกถึงความหวานที่ยังติดอยู่กับปลายลิ้น ลอบผ่อนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะส่งเสียงร้องถามอีกฝ่าย
“นี่คุณ หลับหรือยัง”
ร่างระหงของคนข่มใจให้หลับถึงกับเก็บอาการสะดุ้งไว้ไม่ไหว หล่อนค่อยๆ ขยับปากตอบออกมาอย่างแผ่วเบา
“อะ...เอ่อ...หลับแล้ว”
“ฮึ! โกหกซึ่งๆ หน้าเลยนะคุณ คนหลับที่ไหนจะตอบคำถามได้”
ชายหนุ่มทำเสียงกลั้วหัวเราะในลำคอแล้วขยับกายเข้าใกล้ร่างอรชร จนตอนนี้แผ่นอกกระด้างแทบจะแนบชิดกับแผ่นหลังจนไร้ช่องว่าง
“ก็ฉัน”
นิศากรเกิดอาการพูดไม่ออก เธออยากขยับกายหนีเขาใจแทบขาด แต่ถ้าทำแบบนั้นเธอคงได้ไปนอนแอ้งแม้งอยู่กับพื้นแข็งๆ ของหินที่อยู่ด้านล่าง
เสียงตะกุกตะกักของร่างเล็กนั้นทำให้รอยยิ้มบางอย่างผุดขึ้นที่มุมปากหยักได้รูป ดูก็รู้ว่าคนตัวเล็กตรงหน้ายังหวั่นไหวกับอารมณ์ที่เขาปลุกปั่นเมื่อเย็นที่ผ่านมา แสดงว่ารสชาติจูบของเขายังคงร้อนแรง มีพลังร้ายกาจถึงกับกระชากความรู้สึกนิดคิดศิลธรรมจรรยาของหญิงสาวไปจนหมดเกลี้ยง และนั่นก็หมายรวมถึงตัวเขาเองด้วย เมื่อเวลาที่จูบกับเธอ เขาลืมเลือนแม้กระทั่งตัวตนของตัวเอง
“คุณอยากรู้ไหมว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่”
“ไม่ค่ะ”
นิศากรตอบออกมาโดยไม่ต้องผ่านเส้นหยักในสมองแต่ประการใด เธอยังพยายามปิดเปลือกตาที่เพิ่งเบิกกว้างเมื่อครู่นี้ ไม่ใส่ใจกับลมหายใจอุ่นร้อนที่รินรดอยู่บนศีรษะของตัวเอง แม้จะทำให้หัวใจดวงเล็กๆ ภายใต้เนื้อหนังใต้อกด้านซ้ายนั้นระส่ำระสายขนาดหนัก
“แย่จัง ผมกำลังนึกถึงรสจูบของเรา...รู้ไหมผมชอบมาก...”
เสียงห้าวทุ้มกระซิบเบาๆ ใกล้หู ทำให้ร่างบางถึงกับขนลุกซู่ไปหมดทั้งตัว มือน้อยๆ นั้นรวบเข้าหากันจนเป็นก้อนกลมๆ เธอพยายามหยิกตัวเองให้เจ็บ อย่าได้ใส่ใจกับน้ำคำหวานหูนั้น
“ผมชอบรสจูบของคุณ” เขาเอ่ยออกมาแผ่วๆ พร้อมวางอุ้งมือร้อนผ่าวลงบนสะโพก จนร่างระหงถึงกับเกิดอาการสะดุ้ง หนำซ้ำยังลากไล้ฝ่ามือร้อนๆ นั้นไปตามช่วงสะโพกอย่างคนฉวยโอกาส
“ยะ...อย่า...อย่าแตะฉันนะ”
นิศากรร้องห้ามเสียงสั่น มือน้อยๆ นั้นไล่ตะครุบอุ้งมือร้อนผ่าวของอีกฝ่ายไว้แทบไม่ทัน เธอจับได้เขาก็ยังดิ้นรนหนี อ้อมแขนทรงพลังนั้นตวัดเพียงครั้งเธอก็ถูกเขาตระกองกอดทั้งตัว
“ผมอยากจูบคุณอีกครั้ง”
เขากระซิบคำหวานน่าฟัง ร่างเล็กสั่นศีรษะน้อยๆ เป็นการปฏิเสธ หากเขาขยับเอีกหนใบหน้าหล่อเหลาภายใต้หนวดเครายาวนับหนึ่งเซนติเมตรก็อยู่ตรงหน้า ปล่อยหัวใจอุ่นร้อนรวยรินชิดปลายจมูกโด่งเล็กของเธอ จนแก้มนุ่มทั้งสองข้างถึงกับแดงก่ำด้วยความเขินอาย
“แต่ฉัน...อื้อ...”
คำปฏิเสธของนิศากรเลือนหาย เมื่อเรียวปากอุ่นชื้นทาบทับลงมาราวกับจับวาง เขาจูบหนักๆ กดลึกจนหญิงสาวรู้สึกเจ็บแปลบบริเวณกลีบปากที่กระทบกับฟันซี่สวยที่เรียงกันอยู่ด้านใน
“เจ็บ!”
หญิงสาวโอดครวญออกมาเบาหวิว เพราะเธอรู้ดีว่ายังมีอารมณ์อีกอย่างแล่นพล่านอยู่ในเวลาเดียวกัน
“ผมใจร้อนไปหน่อย ก็เลยจูบคุณซะแรง” เขาหยุดหายใจทิ้งเฮือกใหญ่ราวกับลงทัณฑ์ตัวเองที่ทำอะไรตะกละตะกลามไม่ยั้งคิด จนทำให้เรียวปากอุ่นนุ่มเมื่อครู่บอบช้ำ
“ผมอยากแก้ตัว...ให้ผมจูบคุณอีกครั้งได้ไหม...”
เขาขอเสียงนุ่มน่าฟัง หากนิศากรยังไม่ได้เอ่ยคำใดเป็นคำตอบ เรียวปากหยักได้รูปก็บดเคล้าลงมา คราวนี้เพลิงอัคนีค่อยๆ แทะเล็มแตะไล้ราวกับเป็นไอศกรีมเลิศรส ที่ค่อยๆ ใช้ปลายลิ้นตักตวงเข้าสู่อุ้งปากร้อนผ่าว
จูบแผ่วๆ เบาราวปุยนุ่นค่อยๆ ขยับขบเม้มไปตามกลีบปากนุ่มลื่น เรียวลิ้นอุ่นๆ ลากไล้ไปทั่วริมฝีปากของหญิงสาวที่อยากจะขยับร้องห้าม แต่สิ่งที่นิศากรคิดนั้นกลับถูกปลายลิ้นของชายหนุ่มบุกล้ำเข้าสู่โพรงปากด้านใน
ชายหนุ่มค่อยๆ ไล้ปลายลิ้นตามไรฟันซี่เล็กของหญิงสาว ค่อยๆ เกี่ยวปลายลิ้นร้อนผ่าวนั้นแตะลิ้นนุ่ม ค่อยๆ ตอดรัดลิ้นเล็ก สอนให้หญิงสาวรู้จักตอบสนองด้วยท่าทีกล้าๆ กลัวๆ
“จูบตอบผมสิ...จูบตอบผม”
เขาสั่งออกมาในขณะที่เป็นฝ่ายสอนบทจูบร้อนแรงให้หญิงสาว จูบแล้วจูบเล่าคลุกเคล้าสองปากร้อนผ่าวให้ผสมผสานจนแทบจะกลืนกันและกันทั้งเนื้อทั้งตัว ริมฝีปากหยักยังบดขยี้จนปากเล็กบวมเจ่อ
“ผมอยากสัมผัสคุณมากกว่านี้...คนดี...ได้โปรด”
เพลิงอัคนีกระซิบขอแผ่วๆ หลังจากบดจูบหนักๆ แล้วปล่อยให้หญิงสาวได้หายใจหายคอ ใบหน้าเนียนแดงที่สุกปลั่งยังกับเชอร์รีนั้นแทบไม่รับรู้รับฟังว่าคนเบื้องบนเขาพูดอะไรออกมาบ้าง ตอนนี้เธอรับรู้แค่เพียงอาการขาดหายใจในชั่วขณะจิต เธอเฉียดใกล้คำว่าตายและความทรมานที่ยากจะต่อการจากเรือนร่างทรงพลังที่แนบแน่นอยู่ใกล้ๆ ในตอนนี้
ถ้อยคำหวานหูของเขาก้องอยู่ในประสาท ดวงตากลมๆ นั้นเบิกออกกว้าง และตกใจเป็นเท่าทวี เมื่อฝ่ามือร้อนๆ ของเขาไล่สำรวจเธอตั้งแต่ช่วงสะโพกโค้งมน เรื่อยมาจนถึงเอวคอดกิ่ว ลูบไล้ไปมาแผ่วๆ ราวกับปลุกปั่นอารมณ์ส่วนลึกที่สั่งสมมานาน ความร้อนที่ไม่เคยได้แล่นผ่านอณูเนื้อถึงกับตีกันจนดวงหน้าของนิศากรแดงระเรื่อ
“ยะ...อย่า...”
เสียงหวานแผ่วๆ พยายามร้องห้าม กัดปากข่มฟันไม่ให้หวามไหวไปกับฤทธิ์สิเน่หาที่ชายหนุ่มสร้างขึ้น เธอพยายามที่จะขยับกายถอยห่างเขา แต่ท่อนแขนกำยำนั้นยังคงรัดรึงไว้แน่น ร่างของเธอแทบจะเกยขึ้นมาอยู่บนตัวของเขาจนไร้ช่องว่าง แม้แต่ดิ้นรนขยับนิศากรยังไม่สามารถทำได้ เพราะเขาช่างขยันคลึงเคล้น ลูบไล้ไปทั่วจุดอ่อนไหว
“อย่าห้ามเสียงสั่นๆ แบบนั้นสิครับคนดี...ให้ผมถอดเสื้อคุณนะ...ผมอยากเห็นคุณทั้งตัว...”