ริวยกมือไหว้รอนน์ที่เพิ่งมีโอกาสได้เจอหน้ากันเป็นครั้งแรกในชีวิต
“โอ้ว... หลานปู่ เป็นหนุ่มแล้วนี่นา”
รอนน์โอบไหล่ของหลานชายเข้ามากอด ท่าทางดีใจอย่างเห็นได้ชัดที่ได้เจอหน้าดาหลากับลูกชายของหล่อนเป็นครั้งแรก
สาเหตุที่ไม่ได้เจอกันเลยก็เพราะว่ารอนน์กับตะวันไม่ค่อยลงรอยกัน หลังจากมีปากเสียงกันครั้งสุดท้ายตะวันก็หายไปจากชีวิตของรอนน์
“ยินดีต้อนรับมาอยู่กับปู่นะครับ”
กังวานเสียงทุ้มของรอนน์ฟังดูมีอำนาจและทรงพลังก็จริง หากแววตาก็แฝงความอบอุ่นจนเด็กชายรู้สึกได้ว่าปู่รอนน์คนนี้ต้องใจดีอย่างแน่นอน
“ครับคุณปู่”
เป็นครั้งแรกที่รอนน์ถูกเรียกว่า ‘ปู่’ และมันทำให้เขารู้สึกว่าตัวเอ็งแก่ขึ้นมาทันที
แต่ฐานะ ‘ปู่’ ที่ได้รับก็ทำให้หนุ่มใหญ่อย่างรอนน์รู้สึกอบอุ่นในใจขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด ซึ่งก็อาจจะเป็นเพราะว่าเขาอยู่คนเดียวมานาน
ทุกวันนี้รอนอาศัยอยู่คนเดียว เพราะว่าตั้งแต่มารดาของตะวันจากเขาไปด้วยโรคมะเร็งในสมอง รอนน์ก็ครองตัวเป็นพ่อหม้ายมาตลอด และดูเหมือนว่าหัวใจของเขาได้ปิดตายลงแล้ว นับตั้งแต่วันที่มารดาของตะวันจากเขาไป
ในเวลาต่อมา หลังจากพาสองแม่ลูกเข้ามานั่งในบ้าน ผ่อนคลายอิริยาบถและดื่มน้ำจนหายเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง รอนน์ก็พาดาหลากับริวออกมานั่งคุยกันที่เทอเรซหน้าบ้าน
“บอกตรงๆ ว่าหนูเกรงใจคุณนะคะที่ต้องพาริวมาฝาก”
ดาหลามองหน้าพ่อสามี รอนน์เป็นผู้ชายที่มีช่วงไหล่กว้างได้สัดส่วน ดาหลารู้ว่าอกและไหล่แบบนี้แหละที่จะให้ความอบอุ่นและปลอดภัยแก่ผู้หญิงได้
“คิดเสียว่าคุณก็ลูกสะใภ้ผม ริวก็หลานของผม เราไม่ใช่อื่นไกล อะไรที่ช่วยได้ผมก็อยากช่วย”
“ขอบคุณค่ะ... ”
ดาหลายกมือไหว้
“อ้อ... เรื่องโรงเรียนผมติดต่อไว้ให้แล้ว รอให้เปิดเทอมตาริวก็เข้าเรียนที่นี่ได้เลย”
ดาหลารู้สึกขอบคุณในความเอื้อเฟื้อของผู้ชายคนนี้ รอนน์ช่างมีน้ำใจ หลังจากหล่อนตัดสินใจโทรมาปรึกษาว่าอยากจะพาลูกชายมาฝากให้อยู่กับเขาในระหว่างเรียนประถม ทำให้ดาหลามีโอกาสได้พูดคุยกับรอนน์อย่างเปิดอก และสุดท้ายหล่อนก็ยอมเล่าให้เขาฟังว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก รายได้แต่ละเดือนก็ชักหน้าไม่ถึงหลัง ทำให้ในระยะหลังๆ ดาหลาต้องอดทนทำงานล่วงเวลาเพื่อหารายได้พิเศษ
‘ให้ริวมาอยู่กับผม... ไม่มีปัญหา ผมเลี้ยงได้ หรือจะย้ายมาเข้าโรงเรียนที่เชียงรายเลยก็ได้ ถ้าคุณไว้ใจว่าผมจะดูแลลูกคุณได้’
ดาหลายังจดจำคำพูดของพ่อผัวได้ไม่ลืม หล่อนรู้สึกซาบซึ้งในความกรุณาของเขา ในวันที่ตัดสินใจโทรมาปรึกษารอนน์เกี่ยวกับริว
ดาหลาชอบให้รอนน์ใช้สรรพนามแทนตัวเองว่า ‘ผม’ กับ ‘คุณ’ เพราะรู้สึกว่ามันฟังดูสุภาพ แล้วรอนน์ก็ยังบอกให้ดาหลาเรียกเขาว่า ‘รอนน์’ สั้นๆ ไม่ต้องเรียกพ่อรอนน์หรือคุณรอนน์ให้มากความ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่ารอนน์เป็นฝรั่งจึงไม่ใส่ใจพิธีรีตองอะไรนัก
“ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น ผมสัญญาว่าจะดูแลหลานให้ดีที่สุด”
วาจาหนักแน่นของพ่อสามีทำให้ดาหลารู้สึกโล่งใจและอบอุ่นใจขึ้นมาอย่างประหลาดล้ำ
ซึ่งสาเหตุก็อาจจะเป็นเพราะว่าตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา หล่อนกับลูกชายต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเพียงลำพังสองแม่ลูก
กระทั่งวันที่ดาหลาได้มีโอกาสก้าวเข้ามาอยู่ในบ้านของรอนน์... มันทำให้รู้ชัดเลยว่าสิ่งที่ชีวิตของหล่อนกับลูกขาดหายไปนานก็คือ ‘ผู้ชายอย่างรอนน์’ นี่เอง
รอนน์เป็นผู้ชายที่มีวาจาทรงอำนาจ คำพูดคำจาของเขาฟังดูหนักแน่นมีพลังและน่าเชื่อถือ
ใบหน้าของรอนน์ช่างคมคร้ามหล่อเหลา รูปร่างก็สูงใหญ่กำยำล่ำสันไปด้วยมัดกล้ามสมชายชาตรี รอนน์ดูแข็งแรงบึกบึนในแบบที่พร้อมจะปกป้องหล่อนกับลูก
ดาหลารู้ว่าภายในบ้านของรอนน์มีบรรยากาศของความเป็นชายชาตรีในทุกซอกทุกมุม เขามีสไตล์การใช้ชีวิตในแบบที่หล่อนใฝ่หามาโดยตลอด
ร่องรอยการใช้ชีวิตแบบคลุกคลีอยู่กับป่าเขาลำเนาไพรและธรรมชาติของรอนน์ยังปรากฏให้เห็นที่โรงจอดรถซึ่งเต็มไปด้วยเบ็ดตกปลา เมื่อเดินเข้ามาในบ้านก็เห็นปืน ธนู ลูกดอก และหน้าไม้ประดับเอาไว้ข้างฝาผนังราวกับเป็นของสวยงามตกแต่งบ้าน
ดาหลาลองคิดเล่นๆ ถ้าเป็นไปได้หล่อนอยากให้ลูกชายได้เติบโตอยู่กับเขาที่นี่ และคงจะดีไม่น้อย... ถ้าริวได้เรียนรู้ซึมซับการใช้ชีวิตในแบบของรอนน์
ความมั่นใจบางอย่างทำให้ดาหลาเชื่อว่า ’ปู่รอนน์’คนนี้จะสามารถเลี้ยงดูลูกของหล่อนให้เติบโตขึ้นมาเป็นชายชาตรีได้สมบูรณ์แบบอย่างไม่ต้องสงสัย
“แม่ครับ... ผมอยากให้คุณปู่รอนน์พาไปตกปลาจะได้ไหมครับ”
เมื่อเวลาล่วงเลยมาถึงตอนบ่าย ริวเดินเข้ามาขัดจังหวะภายในห้องรับแขก ขณะปู่รอนน์กับมารดาของตนกำลังนั่งสนทนาแลกเปลี่ยนเรื่องราวในชีวิตของกันและกันอย่างออกรสชาติ
ในวัยเจ็ดขวบของริวนั้นยังเต็มไปด้วยความซุกซนตามประสาเด็กผู้ชาย จึงไม่แปลกที่ริวจะรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับสภาพแวดล้อมแปลกใหม่รอบๆ บ้านของปู่รอนน์ที่ทำให้อยากรู้อยากลองไปหมด
“ได้สิ... เดี๋ยวปู่จะพาออกไปตกปลา”
รอนน์กล่าวกับหลานแล้วหันมามองหน้าสะใภ้เป็นเชิงขออนุญาตหล่อน
“ไปได้แต่อย่าดื้อจนปู่รอนน์ปวดหัวนะลูก”
ดาหลาบอกลูกชาย
“งั้นคุณรอปลานะครับ... เดี๋ยวเราเอามาทำอาหารมื้อเย็นกินกัน”
รอนน์ได้ไอเดียว่าจะทำกิจกรรมเล็กๆ ร่วมกับสองแม่ลูกที่เดินทางไกลมาหาเขาถึงเชียงราย
“ได้ค่ะ”
ดาหลาพยักหน้ายิ้มๆ
“คุณทำกับข้าวเป็นใช่ไหม... ”
รอนน์ถามยิ้มๆ
“ได้ค่ะ... เอ่อ แล้วมีปลาอะไรบ้างคะ”
“ก็มีทั้งปลาช่อนทั้งชะโด... ต้มยำก็ดี จะนึ่งจะเผาก็ได้ งั้นคุณเตรียมเครื่องต้มยำเอาไว้นะ ทุกอย่างหาได้จากสวนผักหลังบ้าน ส่วนปลาเผาเดี๋ยวผมกลับมาช่วยจัดการให้”
รอนน์บอกแผนการคร่าวๆ ที่จะทำร่วมกัน
“ค่ะ”
ดาหลารู้สึกตื่นเต้น นานมากแล้วที่ชีวิตของหล่อนห่างหายไปจากกิจกรรมเหล่านี้