หลังจากเดินทางมาถึงเมืองเล็กๆยังรัฐใกล้เคียง ตรงหน้าหญิงสาวคือตึกสูงราวสิบชั้น มันเป็นอพาร์ทเม้นท์ทรงยุโรปซึ่งสร้างด้วยอิฐสีน้ำตามไหม้ทั้งหลังทอดตัวยาวเหยียดจนสุดถนนทั้งสาย ก่อนถึงทางเข้าใกล้ริมถนนสายเล็ก ยังมีแผ่นป้ายทำจากสังกะสีขนาดใหญ่ เขียนด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษฉวัดเฉวียนดูน่าเวียนหัว ระบุบอกถึงชื่อของตัวตึกดังกล่าว
“เอ...น่าจะใช่ตึกนี่นะ...”
มายาวีวางกระเป๋าเดินทางใบโตลงกับพื้นถนน ล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสะพายขึ้นมาดูข้อความ เป็นที่อยู่เดียวกันกับที่รบิลส่งผ่านมาทางมือถือให้เธอหรือไม่ พอแน่ใจว่าไม่ผิดที่แน่ๆ หญิงสาวจึงระบายยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจ คืนนี้เธอไม่ต้องเดินขาลาก เที่ยวเดินหาโรงแรมสำหรับซุกหัวนอนชั่วคราวตามแผนสำรองอีกแล้ว
หญิงสาวยืนหมุนรอบตัวเองด้วยใบหน้าสดชื่นแจ่มใส นึกชื่นชอบความสงบเงียบรวมทั้งบรรยากาศของเมืองนี้อยู่ในใจ พอชดเชยเรื่องเฮงซวยก่อนหน้านี้ได้ ไม่มากก็น้อย...
หยุดชื่นชมบรรยากาศแปลกตาโดยรอบตัวอยู่สักพักหนึ่ง มายาวีก้มหยิบกระเป๋าเดินทางขึ้นมาถือไว้ สูดลมหายใจเข้าปอดยาว แล้วค่อยขยับเดินเข้าสู่ภายในตัวตึกสูงตรงหน้า ทำการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ด้านล่าง มีหญิงสาวสองคนนั่งประจำการอยู่หลังเคาน์เตอร์
อพาท์เม้นท์แห่งนี้ตั้งอยู่ย่านเดียวกับมหาวิทยาลัย... ทุกอย่างเป็นไปตามความตั้งใจเดิมแต่แรก ทั้งหมดนี้เธอต้องขอบคุณพี่รบิล ได้เขายื่นมือเข้ามาช่วยเหลือจัดการให้เสียทุกอย่าง โดยเธอแทบไม่ได้ทำอะไรเลย แม้กระทั่งโทรเข้ามาติดต่อขอเช่าห้องพักกับทางเจ้าหน้าที่
ทั้งที่ความจริงพี่รบิลไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นให้เธอก็ได้...
พอเธอเดินทางมาถึงที่นี่ปุ๊บ เพียงแจ้งความประสงค์ บอกชื่อพร้อมนามสกุลแก่เจ้าหน้าที่สองสาวเท่านั้น เจ้าหน้าที่ของอพาร์ทเม้นท์ดังกล่าวต่างรีบกุลีกุจอ พาเธอขึ้นมาดูห้อง ก่อนขอตัวลงมาปฏิบัติหน้าที่ด้านล่าง...
พอมายาวีได้รับกุญแจพร้อมคีย์การ์ดมาถือไว้ในมือ หญิงสาวพรูลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ก่อนรีบลากกระเป๋าเดินทางเข้าห้องพัก โดยไม่ทันสังเกตด้านนอกตัวตึก มีชายหนุ่มในชุดสูทสีเข้ม เขาคนนั้นกำลังจ้องมองมายังเธอด้วยสายตาคมกริบ พร้อมยกมือถือขึ้น กรอกเสียงรายงานปลายสายตามที่ได้รับคำสั่งมา...
****************************